"ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง" ภาคแรก


     เรื่องราวที่น่าติดตามกันมากจากพันทิปคือเรื่องจากกระทู้ "กระทู้ผีฟีเวอร์...ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง" จากนักเล่าที่มีคนตามกระทู้นี้มากที่สุดคุณ Rhythm in the Air เรื่องราวของเขาเขียนได้ออกมาดีมาก เราจึงขออนุญาตินำเรื่องนี้มานำเสนอต่อชาว ผีสยองหนองกระจาย ได้เสพงานสยองนี้กัน เรื่องนี้กำลังจะถูกนำไปตีพิมพ์อีกด้วย เนื่องจากเรื่องราวนั้นยาวมากจึงขอนำเสนอเป็น2ภาค ขอขอบคุณ คุณ Rhythm in the Air ไว้ ณ ที่นี้ด้วย


     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวมาก คนที่เล่าให้ฟังคือแม่ของผมครับ ตอนนั้นแม่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น อายุราวๆ 15 – 16
(เป็นตัวเลขประมาณการณ์) แม่มีพี่ชาย 3 คน น้องสาว 2 คน น้องชาย 1 คน แม่และน้องสาวอีก 2 คนสนิทกันมากเพราะเกิดไล่เลี่ยกัน
ไปไหนก็ไปด้วยกัน รวมถึงไปเรียนหนังสือก็ไปด้วยกัน สมมุติว่าน้องของแม่ คนแรกชื่อแย้ม (อินเทรนด์หน่อย) ลักษณะจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย
อ่อนหวาน เงียบๆ อีกคนชื่อเย็น จะเฮี้ยวๆ แก่น ร่าเริง

ทุกวันตอนเช้าหลังจากช่วยทำงานบ้านและงานในไร่เสร็จ แม่ผมและน้องๆ (น้า)ก็ต้องเดินเท้า หลาย กม. เพื่อไปเรียนหนังสือ อย่างที่ทราบกัน
สมัยก่อน ถนนหนทางไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ ถนนเป็นดินลูกรัง 2 ข้างทาง บางช่วงก็เป็นไร่นา
บางช่วงก็เป็นผักสวนครัวที่ชาวบ้านแถวนั้นปลูก หรือบางช่วงเป็นป่ารก เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีอยู่ 1 ต้น ที่ตรงโคน
มีศาลไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ เดินผ่านไป-มา แม่ผมเล่าว่าก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง

กว่าจะเดินจากบ้านไปถึง โรงเรียนก็ 2-3 ชม. ทุกๆวันกิจวัตรก็จะเป็นแบบนี้ ขากลับจากโรงเรียนมาบ้าน ยิ่งช้า
แต่ทุกๆวันเหตุการณ์ก็ดำเนินไปแบบนี้ จนอยู่มาวันนึง ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นครับ ทุกวันนี้แม่ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พยานมันเยอะ

เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน แม่ผมและน้องๆ ก็เดินกลับบ้านกันปกติ วันนั้นน้าแย้มก็ไม่ค่อยสบายด้วย พอใกล้จะถึงบ้านก็เริ่มมืด แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร
เพราะชินแล้ว แต่วันนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ตรงป่ารก ตรงโคนต้นไม้ที่มีศาลเก่าๆตั้งอยู่ มีผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ข้างๆศาล
ผู้หญิงวัยกลางคน ผมยาวป่ะบ่า ใส่เสื้อสีดำนุ่งผ้าถุง แม่ผมจำแม่น ในตอนนั้นไม่คิดอะไร รีบจูงน้องให้กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ่านผู้หญิงคนนั้นไป
ช่วงที่ผ่านไป แม่เหลือบไปมอง เห็นผู้หญิงคนนั้นจ้องมาทางแม่และน้องแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้ม ตาของผู้หญิงคนนั้นดูน่ากลัวมาก
และแม่ผมบอกว่ายังจำได้ถึงทุกวันนี้ แต่คืนนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร

ช่วงเช้าหลังจากทำงานเสร็จ ก็ต้องไปโรงเรียน เพียงแต่วันนี้น้าแย้มอาการไม่ดีขึ้น ไข้ขึ้นสูง แม่จึงไปโรงเรียนกับน้าเย็นแค่ 2 คน
เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน อาการน้าแย้มไม่ดีขึ้นเลย และที่แปลกคือตอนกลางคืน จะสะดุ้งและกรี๊ดดังลั่นบ้าน บอกแม่ (คุณยาย)
ว่ามีคนเข้ามาจะทำร้าย อะไรประมาณนั้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อครับ คิดว่าคงจะฝัน วันรุ่งขึ้นคุณตาผม ก็ไปตามหมอมาดูอาการ
หมอก็บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้ยา นอนพักอีกสัก 2-3 วันก็หาย แต่ลงท้ายอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซ้ำยังทรุดลงด้วย

ตอนกลางคืนน้าแย้มก็ยังฝันเหมือนเดิมทุกวันว่ามีคนเข้ามาทำร้าย จนแทบไม่ได้นอน โทรม หน้าตาหมองไม่มีแรง
จนผ่านไป 7 วันถึงตอนนี้ครับ พี่ชายคนโต (คุณลุง) ก็คุยกับคุณตาว่า มันดูแปลกๆแล้วนะ แล้วมาถามแม่ผมว่า ไปซนอะไรที่ไหนมารึเปล่า?
แม่ผมก็บอกว่าเปล่า วันนั้นลุงผมก็ออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาตอนประมาณบ่ายๆ พาหมอยา ไม่ใช่หมอผีถือมีด ห้อยประคำนะครับ ประมาณ หมอยาหมอตำแย แต่ก็คงพอมีวิชา ผมก็ไม่รู้เรียกยังไง หลังจากหมอคนนั้นเข้ามา ก็เดินเข้าไปหาน้าแย้ม น้าแย้มก็สวัสดี
บอกน้าจ๋าช่วยหนูด้วยมีคนจะมาทำร้าย หมอยาก็บอกไม่มีอะไร หนูแค่ฝันไป (น่าสงสารนะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ)

หลังจากตรวจดูอาการพร้อมให้ยาแบบสมุนไพร ก็เดินเลี่ยงออกมาคุยกับ ตา, ยายและก็ลุงผม (ช่วงนี้แม่ไม่ได้ยินนะครับ ลุงมาเล่าให้ฟังทีหลัง)

หมอยาบอกว่าน้าแย้ม ลักษณะเหมือนคนโดนของหรืออาจแค่ยังไม่หายไข้ก็ยังไม่รู้ ให้ต้มยากินรอดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องไปอำเภอ

แต่หมอยาย้ำว่า สำคัญคือห้ามคนแปลกหน้าหรือคนไม่รู้จักมาเยี่ยมเด็ดขาด
นั่นละครับพูดยังไม่ทันขาดคำ แม่เล่าว่ามีเพื่อนๆ ตากับยายแวะมาเยี่ยมหลายคน บางคนแม่ก็จำได้ บางคนก็ไม่รู้จัก
หมอยาก็มองหน้าคุณตาผม ตาผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเพื่อนกันๆ เสร็จแล้วเพื่อนๆตาก็เดินเข้าไปเยี่ยมน้าแย้ม
ซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ตรงโถงกลางบ้าน

ปรากฏว่ามีผู้หญิงแก่ๆอยู่ 1 คน ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่เข้าไปเยี่ยม จ้องไปที่น้าแย้ม น้าแย้มเห็นหญิงแก่คนนี้ก็ร้องกรี๊ดด ดังลั่นบ้าน ทุกคนตกใจหมอยาเห็นหญิงแก่คนนั้นก็วิ่งเข้ามาชี้หน้าด่าตะโกนลั่นเสียงดัง
แบบหยาบๆเลยครับ ขออภัยด้วย “E-sad! ยิ้ม ยิ้มมาทำไม รีบกลับไปเลยนะ อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ อย่างยิ้มมันไม่ได้ตายดีหรอก”
คนในบ้านก็ตกใจครับ งงด้วย แม่ผมก็ตกใจ ผู้หญิงแก่คนนั้น ยิ้มแว่บเดียว แล้วก็เดินกลับไป

ตากับยายผมก็สงสัยเข้าไปถามหมอยา หมอยาถามกลับว่ารู้จักยายแก่คนนี้เหรอ ตากับยายบอกไม่รู้จัก
หมอยาจึงเล่าให้ฟังว่า ยายแก่คนเนี่ยเป็นพวกเล่นของ เล่นจนของเข้าตัว เพี้ยน วิปริต ปกติเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร
ไม่รู้วันนี้มาทำไม แต่ถ้ายายแก่คนนี้มาอีกให้รีบไล่ อย่าให้เข้ามาในบ้าน และห้ามให้เจอคนป่วยเด็ดขาด

คุยกันสักพักแล้วหมอก็กลับไป บอกว่าถ้าอาการไม่ดีให้ไปตาม แต่หลายๆอย่างดูจะแย่ลง คืนนั้นเองที่เหตุการณ์แปลกๆเริ่มเกิดขึ้นในบ้าน
ตอนดึกคืนนั้น แม่ผมนอนหลับอยู่ในมุ้ง ก็เห็นเงาลางๆของน้าแย้มออกมาจากมุ้งข้างๆ แม่ก็ถามจะไปไหน แต่น้าแย้มไม่ตอบ
เดินหายไปในครัว แม่เลยลุกเดินตามไปดูน้องในครัว ก็เห็นน้าแย้มนั่งยองๆหันหลังให้อยู่ แม่เดินอ้อมไปด้านหน้าก็ตกใจมาก
เพราะน้าแย้มนั่งกินเครื่องในไก่อยู่โดยที่ไม่สนใจแม่ผมเลย เพียงแค่กรอกตามาชำเลืองแม่ผมแว่บเดียว

แล้วน้าแย้มก็เดินกลับไปนอน แม่ผมแม้จะงงๆ แต่ก็ยังเด็กอยู่ไม่ได้สนใจ ก็เดินตามไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นยายก็มาดูอาการ จับหัวน้าแย้ม ปรากฏว่าไข้ลดแล้ว ยายก็บอกว่า หายแล้วก็ออกไปเดินรับอากาศหน่อย ไปโรงเรียนไหวมั้ย?
น้าแย้มตอบยายมา 3 คำ แม่ผมจำฝังใจว่า “กูจะนอน”

ยายผมเห็นน้าแย้มป่วยอยู่จึงไม่ได้ว่าอะไรมาก แค่บ่นๆแล้วเดินออกไป ส่วนแม่ผมกับน้าเย็น ก็ไปโรงเรียนกัน 2 คน
ระหว่างทางน้าเย็นก็เล่าว่า เมื่อคืนน้าแย้มนอนจ้องหน้าทั้งคืน รู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้ แม่ผมก็บอกว่าไม่มีอะไร คิดมาก

หลังเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน น้าแย้มก็ยังนอนอยู่ ยายทำกับข้าวให้ก็ไม่กิน บอกอยากจะกินต้มเครื่องในจะได้มีแรง
(ซึ่งปกติแม่บอกว่าน้าแย้มเกลียดเครื่องในมาก) ด้วยความรักลูก ยายก็ไปฆ่าไก่ในเล้ามาแล้วแช่เย็นไว้ พรุ่งนี้เช้าจะได้ทำให้น้าแย้มกิน

แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ช่วงดึกๆ น้าแย้มก็ออกจากมุ้ง เดินเข้าไปในครัวอีก แต่คืนนี้แปลกกว่าและหายไปนานกว่าปกติ ราวๆตี 2-3 หมาหอนระงมไปหมด แม่ก็สะดุ้งตื่น แม่มองเข้าไปในมุ้งหลังข้างๆ ไม่เห็นน้าแย้ม เห็นแค่น้าเย็นนอนหลับอยู่คนเดียว
ระหว่างนั้นมีเสียงแปลกๆ ฟังคล้ายบทสวดมนต์ หรือคำพูดอะไรสักอย่างไม่เป็นภาษา และไม่ใกล้ไม่ไกล
เสียงนั้นดังว่า “ธี่หยด.........................ธี่หยด...........................ธี่หยด”
แม่บอกว่าเสียงเย็นเยียบยานคาง วังเวง น่ากลัวมาก ฟังแล้วขนลุก จนแม่ไม่กล้าออกจากมุ้งไปตามน้าแย้ม ต้องนอนคลุมโปงอยู่
(ตอนฟังช็อตนี้ มีขนลุกตามครับ)

เสียงดังกล่าวดังอยู่สักพักก็เงียบ แล้วแม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินกลับเข้ามาในห้อง ตึก....ตึก.....ตึก ดังมากเหมือนผู้ใหญ่กระทืบเท้า
แม่ชำเลืองดูแว่บเดียว ก็เห็นน้าแย้มกำลังกลับเข้านอน แม้จะไม่ค่อยชัดเพราะมีมุ้งบัง แต่แม่ก็เห็นน้าแย้มหันกลับมามองแล้วยิ้ม
แม่บอกว่าแววตาของน้าแย้มคืนนั้น ดูแปลกๆชอบกล คืนนั้นทั้งคืน แม่เล่าว่านอนไม่หลับเลย ยาวนานมาก
รอเสียงเดียว....เสียงไก่ขัน

เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน กลางวันน้าแย้มจะนอนอย่างเดียวส่วนกลางคืนก็จะลุกหายไปในความมืด แล้วสักพักก็จะมีเสียงหมาหอนแทรกด้วยเสียงโหยหวน ดังลอยมาว่า “ ธี่หยด” ทุกครั้ง จนแม่ผมกลัวมากเลยคิดว่าจะไปคุยกับลุงผม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถาม
เช้าวันต่อมาแม่ก็ได้ยินพี่ชาย 3 คน คุยกัน (สมมุติพี่ชายของแม่ 3 คน ยักษ์, ยศ, ยอด) โดยลุงยศคุยอยู่กับลุงยักษ์ ใจความคือ

ลุงยศบอกว่ารู้สึกแย้มแปลกๆไป กลางวันเอาแต่นอน ไม่ช่วยงานในบ้าน แถมยังมีกิริยาก้าวร้าว ผิดไปจากคนเดิมมาก
ที่ทั้งขยันและเรียบร้อย ลุงยักษ์(พี่คนโตนิสัยนักเลงมากๆ แต่ไม่ค่อยอยู่บ้านต้องไปทำงานบ่อยๆ) บอกว่าก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
กลางวันรู้สึกหลบหน้าหลบตาคนในบ้านตลอด ไม่ค่อยคุยกับใคร หรือจะโดนของ (สมัยก่อนต้องยอมรับครับว่า เรื่องแบบนี้มีอิทธิพลกับคนไทยมากๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไกลจากความเจริญ)

ให้รอดูอาการอีกวัน ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้จะไปตามหมอยามาดูอาการอีกครั้ง แม่ผมก็เลยเดินเข้าไปคุยว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
ตอนกลางคืนน้าแย้มชอบลุกออกไปไหนไม่รู้ แล้วแม่ก็บอกว่าได้ยินเสียงแปลกๆด้วย แต่ลุง 3 คน บอกว่าแม่ฝัน
(มาบอกตอนหลังว่าไม่อยากให้กลัว) และคืนนั้นเองก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น

ช่วงเย็นตาผมกับยายต้องไปงานเลี้ยงต่างอำเภอ และกว่าจะกลับคงใกล้ๆรุ่ง ให้ลุงยักษ์ดูน้องๆด้วย
แม่ก็เห็นลุงยักษ์กับลุงยศยืนซุบซิบคุยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จ คุยกันสักพักทุกคนแยกย้ายกันเข้านอน แม่ก็เข้ามุงนอน
ซึ่งคืนนั้นน้าเย็นขอมานอนกับแม่ เพราะไม่ชอบที่น้าแย้มชอบนอนจ้องหน้า ซึ่งหลังๆ แม่กับน้าแย้มก็แทบจะไม่ได้คุย

คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพัก แล้วก็หลับไป กลางดึกคืนนั้นเอง แม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ใกล้ๆเหมือนเดิม เสียงดังมาก
ตึก ตึก ตึก ก็คิดว่าคงเป็นน้าแย้มลุกไปไหนอีกแล้ว ก็พูดออกไปว่า “เดินเบาๆหน่อยสิ คนจะหลับจะนอน” น้าแย้มไม่ตอบ แต่มีเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วตามด้วยเสียงวี๊ด แม่ก็ไม่ได้สนใจเพราะง่วงมาก แต่ก็ต้องมาสะดุ้งตื่นอีกครั้งได้ยินเสียงโหยหวนนั่นอีก
“ธี่หยด.....ธี่หยด......ธี่หยด”

แม่บอกว่าคืนนั้นรู้สึกกลัวผิดปกติ จึงลุกขึ้นมา ว่าจะไปนอนกับพี่ๆ (ลุง)
(โดยทิ้งน้าเย็นให้นอนคนเดียว ><) แม่เดินออกมาจากห้อง ภายในบ้านมืดสนิท แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ แม่หยิบไฟฉาย
แล้วรีบจ้ำไปทางห้องลุงยักษ์ เพราะเสียงนั่นยังดังอยู่ใกล้ๆน่าจะอยู่หลังด้านบ้าน มันโหยหวนและน่ากลัวมาก
พอแม่เข้าไปห้องลุงยักษ์ ก็เปิดมุ้งจะเข้าไปนอนด้วย แต่ในมุ้งนั้นว่างเปล่า ไม่มีเงาคนอยู่เลย

แม่ผมก็คิดในใจว่าลุงยักษ์คงออกไปเที่ยวอีกแล้ว เลยเดินไปมุ้งข้างๆที่ลุงยอดกับลุงยศนอนอยู่ ปรากฏว่าในมุ้งก็ไม่มีคนอีก
แต่ยังไม่ทันที่แม่ผมจะคิดอะไรก็สะดุ้งสุดตัว เพราะมีเสียงปืนดังขึ้น

เสียงปืนดัง 1 นัด แม่ผมตกใจกระโจนเข้าไปอยู่ในมุ้ง แต่ยังไม่ทันที่จะคลุมโปงก็ได้ยินเสียงหลายเสียงสับสนไปหมด
หนึ่ง คือเสียงน้าเย็นที่ร้องกรี๊ดลั่นบ้าน แม่เล่าว่ารีบวิ่งไปห้องนอน เห็นน้าเย็นนั่งร้องไห้อยู่ในมุ้ง ก็เข้าไปปลอบ
(น้าเย็นอายุน้อยกว่าแม่ผม 2 ปี)

แต่ยังไม่ทันที่น้าเย็นจะหยุดร้อง เสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด ทีนี้ 2 คนกอดกันกลมเลย
แล้วก็ได้ยินเสียงลุงยักษ์ตะโกนดังลั่นจากนอกบ้าน (ภาษาพ่อขุนรามฯนะครับ)
“E.... เมิงทำอะไรน้องกูวะ!!?”

พอได้ยินเสียง แม่ผมก็บอกให้น้าเย็นไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า บอกว่าเดี๋ยวมา พอน้าเย็นเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า แล้วปิดตู้ แม่ก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งประตูหลังบ้านเปิดอยู่ ก็เห็นลุงยศกับลุงยอดถือจอบ, พร้า คนละด้าม
ถือไฟฉายคนละกระบอกส่องไปมาในความมืด โดยด้านหน้าสุด ลุงยักษ์ยืนถือปืนลูกซองอยู่

ด้านหลังบ้าน จะมีกอไผ่กอใหญ่อยู่ 2-3 กอ เลยไปเป็นแปลกผักกว้างๆ สุดสายตา ซึ่งดำทมึนไปหมด ไม่เห็นอะไรเลย
พอลุงยอดเห็นแม่ผมออกมาก็ไล่ให้กลับเข้าบ้าน แม่ผมก็วิ่งไปหลบหลังประตู แล้วชำเลืองมองตรงไปในความมืด
คือมันมืดมาก แทบไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่ไฟฉาย 2 กระบอก สาดไปมาในความมืด แม่ผมก็ถามลุงยอดว่า "โจรเหรอๆ"
แต่ลุงยอดไม่ตอบ บอกว่าอย่าออกมา ระหว่างที่แม่กำลังกล้าๆกลัวๆ ปนสงสัยอยู่อยู่นั่นเอง
จู่ๆ ไฟจากไฟฉายก็ส่องไปเจอเงาๆนึง แม่บอกว่าเห็นไม่ชัด แต่เป็นคนแน่ๆ เป็นผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำ ยืนนิ่งอยู่ในความมืด
อยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

พอไฟฉายส่องเจอเงาคนปุ๊บ ลุงยักษ์ไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ ซัดตูมด้วยลูกซองเลย

แม่ปิดหูร้องกรี๊ดลงไปนั่งกับพื้น แล้วตะโกนถามลุงยอด
เห้ย ยิงทำไมนั่นแย้มรึเปล่า!! ลุงยอดตอบกลับมาว่า เงียบๆ! อยู่ตรงนี้นิ่งๆ ห้ามออกไปไหน
เสร็จแล้ว ลุง 3 คนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตรงจุดที่เห็นเงาคนเมื่อสักครู่ แม่เห็นแค่แสงไฟวับๆอยู่ไกลๆ เห็นลุง 3 คน เดินวนไปมา
ได้ยินเสียงบนอยู่ไกลๆว่า "ไปไหนวะ”

วนอยู่สักพักก็เดินกลับมา แม่ผมก็ตกใจถามว่า แย้มรึเปล่า? ลุงยักษ์คงเดือดๆอยู่ เลยดุแม่ผมว่า เงียบๆ อย่าเพิ่งถามอะไรได้ป่ะ?
แล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเอากระสุนปืนยัดใส่กระเป๋ากำนึง แล้วบอกให้ลุงยศเดินไปด้วย ทั้ง 2 คนเดินลุยกลับเข้าไปในความมืดต่อ

แม่ผมก็งงไปหมด น้ำตาซึมๆ ลุงยอดเลยมานั่งข้างๆ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรๆ แม่ผมคงสุดแล้ว จึงบอกกลับไปว่า
“ไม่มีได้ไง! มีอะไรก็บอกมาสิ แล้วเมื่อกี้ยิงอะไร ยิงใคร เกิดเป็นแย้มจะทำไง?”
ลุงยอดเลยเอาไฟฉายส่องไปข้างๆบ้าน ใกล้ๆกอต้นไผ่ ตรงนั้นน้าแย้มนั่งอยู่

น้าแย้มเหมือนนั่งหลับอยู่ เหมือนละเมอแล้วมานั่งหลับตรงนี้ แม่เข้าไปปลุกแล้วเขย่าแรงๆจนน้าแย้มตื่น พอตื่นปุ๊บ
น้าแย้มร้องโอ้ยแบบทรมานมาก บอกว่าปวดเมื่อย และปวดท้องมาก พี่ยอดเดินเข้ามาดู บอกให้พากลับเข้าไปในบ้าน
2 คนช่วยประคองน้าแย้มกลับมาที่ห้อง พอได้ยินเสียงคนน้าเย็นก็โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า เข้าไปถามแม่ผมว่า มีอะไรกัน แย้มเป็นอะไร?

แม่ผมก็กำลังจะเล่า แต่ลุงยอดสั่นหัวไม่ให้เล่า บอกให้พาแย้มไปนอน น้าเย็นก็ถามแย้มเป็นอะไร น้าแย้มก็ตอบแบบปกติไม่ก้าวร้าว แบบปกติ แบบที่เป็นตัวเอง ว่าเจ็บท้อง

เสร็จแล้ว แม่กับลุงยอดก็เดินออกมานอกห้อง แม่ผมก็ถามต่อ มันเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ ลุงยอดก็เริ่มเล่าว่า
นั่งคุยกับลุงยักษ์, ลุงยศว่า แย้มดูแปลกๆ ไม่ค่อยพูดจา พูดก้าวร้าว วันๆเอาแต่นอน
แล้วช่วงที่ลุงยักษ์ไม่อยู่ ก็มีเสียงอะไรแปลกๆทุกคืน ลุงยักษ์บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน เดี๋ยวคืนนี้ลองนั่งดูสิว่าจะมีอะไรรึเปล่า

ทั้ง 3 คนก็นั่งรอ จน ยอดกับยศหลับไป จนลุงยักษ์มาปลุก บอกว่า นั่งสูบบุหรี่อยู่ กำลังจะหลับ เห็นแย้มเดินออกไปทางหลังบ้าน
ทั้ง 3 คนก็เดินตามออกไป พอไปถึงประตูกำลังจะเปิด ก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ เหมือนใครเหยียบใบไม้อยู่ ดังมาจากหลังบ้าน
ลุงยักษ์เดินไปหยิบปืน แล้วเปิดประตูออกไป ไฟส่องไปทางต้นเสียง ด้านนอกมีแต่ความมืด ส่องกันครู่นึง ก็เห็นน้าแย้มยืนหันหลัง
โงนเงนไปมา

พอลุงยักษ์ส่งเสียงเรียกออกไป แย้มหันกลับมามองแว่บเดียวก็ล้มพับไปเลย พี่ยศจึงเข้าปลุกและเรียกแย้ม แต่ไม่ตื่น
นั้นชั่วอึดใจเดียวหลังจากจับแย้มนั่งพิงกอไผ่ ก็มีเสียงแปลกๆ เหมือนคนโหยหวนอะไรสักอย่าง ( ธี่หยดนั่นละครับ )
ดังลอยมาจากด้านหลังกอไผ่ ซึ่งเป็นแปลงผักโล่งๆ ลุง 2 คนเลยส่องไฟไปทางเสียง ก็เห็นเมีเงาคนยืนอยู่ลิบๆ ไม่ใกล้ไม่ไกล

พอไฟส่องชัดๆก็ รู้ว่าเป็นผู้หญิง ใส่เสื้อเข้มๆ ยืนยิ้มอยู่ ลุงยักษ์เลยยิงปืนขึ้นฟ้าไป 1 นัด แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับและยิ้มๆ เหมือนเดิม คราวนี้ลุงยักษ์เลยยิงใส่ไปอีก 1 นัด แต่ก็แแว่บหายไป แล้วครู่นึง เรื่องหลังจากนั้น ก็ตามที่เห็นกันนั่นละ

แม่ผมถามต่อว่าแล้วไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยเหรอ? ลุงยอดบอกว่า ตอนไปถึงไม่มี แต่ก่อนหน้านี้มีแน่
เพราะมีรอยเท้า (เปล่า) ใหม่ๆยืนย่ำอยู่บนแปลงผัก

แม่เริ่มใจไม่ดี ในใจคิดว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนผู้หญิงเสื้อดำที่ยืนอยู่ข้างศาลไม้เก่าๆ ที่เคยเจอระหว่างทางไปโรงเรียนเมื่อหลายวันก่อน
ก็บอกลุงยอดไปว่า เคยเห็นผู้หญิงคนนึง ลักษณะคล้ายๆกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ตอนไปโรงเรียน
ลุงยอดก็ถามว่าเห็นที่ไหน แม่ก็เล่ารื่องวันนั้นให้ฟังว่าไปเจอได้ยังไง และเจอที่ไหน ลุงยอดฟังก็ดูตกใจเล็กน้อย
แล้วก็บอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ลุงยักษ์ฟัง เพราะแกมีนิสัยนักเลง โผงผาง ไม่กลัวใคร เผลอๆหงุดหงิด
ไปพังศาลเข้าจะไม่ดี จะมีปัญหากับชาวบ้านแถวนั้นด้วย

จนสักพักใหญ่ๆ ลุงยักษ์กับลุงยศก็เดินกลับมา แต่ก็ไม่เล่าอะไรให้ฟัง ไล่ให้ไปนอน แม่เห็นพี่ๆ 3 คนยืนคุยกันอีกพัก จึงแยกย้ายกันไปนอน
คืนนั้นทั้งคืนจนเช้า น้าแย้มร้องครวญว่าเจ็บท้อง จนใกล้ๆสว่าง ลุงยักษ์กับลุงยศจึงขับรถออกไปตามหมอยาคนเดิมอีกครั้ง
และพักเดียวตากับยายก็กลับมาบ้าน ลุงยอดเลยเดินเข้าไปเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง แต่ดูตาไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ แต่ยายดูค่อนข้างจะเชื่อ

จนช่วงสายๆ ตากับลุงยอดก็ออกไปทำสวน ในบ้านเหลือยาย, แม่, น้าเย็น คอยดูแลน้าแย้มซึ่งยังนอนปวดท้อง
แล้วอยู่ๆก็มีญาติของยายซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเดินเข้ามาบอกมาเยี่ยม ยายก็ไปหลังบ้านหาน้ำหาท่ามาให้กิน ช่วงขณะนั้นเอง

หญิงแก่คนเดิมคนนั้น ซึ่งเดินแฝงมากับญาติๆ ก็เดินเข้ามาในบ้าน เดินไปจนถึงหน้าห้องนอนของแม่กับน้าแย้ม
แล้วแม่กับยายก็ได้ยินเสียงน้าแย้ม ร้องกรี๊ดดังมาก ยายผมรีบวิ่งกลับมาดูว่าลูกสาวเป็นอะไร
เห็นหญิงแก่คนนั้นยืนอยู่ห้องก็ตกใจมาก หยิบขันน้ำปาใส่ แล้วตะโกนด่าว่า “เมิงมาทำไม เมิงออกไปจากบ้าน....เดี่ยวนี้นะ”

หญิงแก่คนนั้นหันกลับมามอง แล้วยิ้ม แล้วก็เดินกลับออกไป ยายผมวิ่งเข้าไปดูน้าแย้ม แต่ตอนนี้น้าแย้มหลับไปแล้ว
ญาติก็ถามว่ามีอะไร ยายผมก็ไม่เล่า ส่วนแม่ผมก็ไม่รู้จะเล่ายังไง

สักพักช่วงบ่ายๆ ตากับลุงยอดก็กลับเข้ากินข้าวที่บ้าน ยายก็เข้าไปคุยกับตาว่าผู้หญิงแก่คนนั้นมาบ้านอีกแล้ว
ตาไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้นักก็บอกว่า ช่างเถอะไม่เป็นไร แต่คราวหน้าดูหน่อยละกันเวลาใครมาบ้าน
ระหว่างที่คุยกันอยู่ ลุงยักษ์กับลุงยศก็ขับรถกลับมาถึงบ้านพอดี โดยพาหมอยาคนเดิมมาด้วย

หมอถามว่าอาการยังไม่ดีขึ้นใช่มั้ย ยายเล่าว่า ค่อยยังชั่วหลายวันแล้ว เพิ่งจะมากำเริบเมื่อคืน ก็ลงความเห็นกันว่า คงต้องพาไปโรงพยายาลในตัวจังหวัด (ซึ่งไกลมาก) ยาย, แม่, ลุงยศและหมอยาก็เดินเข้าไปดูอาการน้าแย้ม

เข้าไปถึงน้าแย้มนอนลืมตาอยู่แล้ว หมอยาจึงถามว่าเป็นยังไงบ้างแย้ม ยังไม่ดีขึ้นเรอะ?
แต่คำตอบที่น้าแย้มตอบ เป็นอะไรที่เพื่อนๆ ต้องตัดคำว่าวิทยาศาสตร์ออกไปก่อนนะครับ ผมก็ไม่เชื่อ
แต่มีคนเล่ามาแบบนี้ ผมก็พิมพ์ไปตามนั้น

น้าแย้มตอบหมอยาไปว่า

“ กรูไม่ใช่ e แย้ม ไอ้(สั...) ไอ้หมอ(เหี้...) เสรือกยุ่งกับกรูจริงๆ เดี๋ยวกรูจะแดรกให้หมด”

หลังจากนั้นน้าแย้มก็หัวเราะไม่หยุด ยายก็บอกเป็นอะไร เป็นบ้าเหรอ น้าแย้มก็ไม่ตอบหัวเราะอย่างเดียว
หมอยาก็ถามกลับไปว่า เมิงอี xx ใช่มั้ย? น้าแย้มหันมามองหมอยาแว่บเดียว ไม่ตอบแล้วก็หลับไป ยายพยามปลุกก็ไม่ตื่น

ระหว่างนั้นลุงยักษ์ก็เดินเข้ามาถามว่าเอ๊ะอะอะไรกัน หมอยาจึงพาลุงยักษ์กับตาเดินไปคุยกันข้างนอก
ตอนนั้นแม่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ตอนหลังลุงมาเล่าให้ฟังว่า หมอยาสงสัยว่าน้าแย้มจะโดนปอบกินอยู่ เป็นผู้หญิงแก่ที่ชื่อ xx
อาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ คนที่เคยเจอก่อนหน้านี้จำได้มั้ย ตาผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อ

แต่ลุงยักษ์ก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้หมอยากับตาฟังว่าเจอผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน เมื่อคืนแต่ไม่ใช่คนแก่ เป็นผู้หญิงวัยกลางคน
หมอยาได้ฟังก็ขนลุก หน้าซีด และเล่าว่า เคยได้ยินคนเล่าอยู่เรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน ผู้หญิงเสื้อดำว่าเป็นอะไรที่น่ากลัว
เป็นผีก็ไม่ใช่ปอบก็ไม่เชิง รู้แค่ว่าได้ยินเรื่องหญิงเสื้อดำคนนี้มานานแล้ว

ส่วนหญิงแก่คนนั้นที่เล่นของมากจนสติไม่ดี ปกติจะอาศัยอยู่เงียบๆ สงบๆ ไม่ค่อยพบเจอใคร ถ้าเป็นคนปกติไปเจอก็เหมือนเจอคนแก่ทั่วไป
แต่ถ้าใครที่ป่วยแล้วจิตอ่อนแอ ไม่สบายจะถือว่าเป็นอันตรายมาก คิดว่าแย้มคงโดนเข้าแล้ว
พอดียายเข้ามาได้ยินก็ร้องไห้ บอกว่าเป็นเรื่องจริงเหรอหมอ? หมอกับตาก็ปลอบว่า แค่เดาๆ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้
ลุงยักษ์เห็นแม่ร้องไห้ก็โมโห ถามว่าหมอยาว่า “บ้านมันอยู่ไหน กรูจะไปกระทืบถึงบ้านเลย”
(ทืบคนแก่เลยเรอะครับลุง??)

หมอยาก็บอกว่าอย่าเลย ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า ก็แค่เดาเอา ไปทำร้ายแบบนั้นเดี๋ยวก็ซวยเข้าซังเตกันหมดพอดี
แต่ช้าไปแล้ว ลุงยักษ์เดินไปหยิบไม้หน้าสามมาอัน
บอก “ไม่มีอะไรหรอก....ไปหมอพาไปบ้านมันหน่อยสิ จะไปถามหน่อยว่าเป็น ha อะไรมากรึเปล่า? ชอบมาป่วนเปี้ยนบ้านกรูเนี่ย”

ยายกับตาก็ห้าม แต่ลุงยักษ์ หมอยากับลุงยศเดินออกไปแล้ว แล้วตะโกนมาว่า “ไม่มีอะไรหรอกแม่ ไปคุยเฉยๆ”
ระหว่างนั้น แม่ผม ตายาย น้าเย็น (ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่อง) ลุงยอดก็รออยู่บ้าน ประมาณ 1 ชม. ลุงยักษ์กับหมอยาก็กลับมา
ตากับยายผมก็ถามว่าเป็นยังไง เจอมั้ย? ลุงยักษ์ก็บอกว่าเจอ มีคนอยู่ที่บ้าน 2-3 คน ลูกๆหลานๆมันมั้ง
ยายก็ตกใจบอกมีเรื่องกันรึเปล่า? ลุงยักษ์บอกว่า

“ เปล่า... ไม่ได้มีเรื่อง จะไปมีได้ไง คนที่บ้านมันบอกว่า มันเพิ่งจะตายไปเมื่อสัก ชม.ก่อนนี่เอง ”

บ้านของหญิงแก่อยู่ลึกเข้าไปในดงสน ตั้งอยู่เดี่ยวๆ ห่างไกลจากบ้านคน หมอยาก็เล่าให้ฟังว่า พอไปถึงก็มีเสียงเอะอะกันอยู่ในบ้าน
พอเข้าไปก็เห็นหญิงแก่คนนั้นนอนอยู่บนแคร่ไม้ โดยมีผ้าขาวผืนเล็กปิดหน้า หมอยาก็เลยถามคนในบ้านว่าแกเป็นอะไร
ชายและหญิงที่อยู่ในบ้านก็บอกว่าเป็นหลานของหญิงแก่คนนี้ ทุกวันตอนเที่ยงจะเอาข้าวมาส่ง แต่วันนี้มาช้า

พอเข้ามาถึงบ้านก็ตกใจ เพราะเห็นป้านอนคว่ำหน้าอยู่ตรงประตู ก็ช่วยกันดูสรุปว่าเสียชีวิตไปแล้ว ชายหญิงคู่นั้นยังบอกอีกว่า
ช่วงที่ป้าตัวเองใกล้เสียคงทรมานมาก เพราะรอบๆ ตัวเต็มไปด้วยรอยเล็กที่ขูดพื้นดินจนลึก
หลังจากคุยกันได้สักพัก ฝ่ายลุงยักษ์ก็ขอตัวกลับมานี่ละ

หมอยาเล่าจบก็ถามตาผมว่าจะเอายังไง ตาก็บอกว่าวันนี้เย็นมากแล้วคงต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะพาน้าแย้มไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัดได้
เมื่อสรุปตามนี้ลุงยศก็ขับรถพาหมอยากลับ แต่ก่อนกลับหมอสั่งว่าอย่าให้น้าแย้มไปไหนเด็ดขาด ให้นอนคนเดียวและเฝ้าไว้ให้ดี
บางทีน้าแย้มอาจจะเป็นโรคอะไรสักอย่างก็ได้ เคลื่อนไหวมากๆเดี๋ยวจะยิ่งทรุด พรุ่งนี้ไปตรวจอาการก็คงรู้

แต่แม่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่โรคเจ็บไข้ได้ป่วย มันเป็นอะไรที่ลี้ลับกว่านั้น ช่วงเย็นตอนกินข้าว ยายก็เอากับข้าวไปให้น้าแย้ม
แต่น้าแย้มยังหลับอยู่ ยายผมก็นั่งเฝ้าน้ำตาซึม พร่ำเรียกชื่อว่า แย้มเอ้ย เป็นอะไรลูก ตื่นมากินข้าวกินปลาหน่อยมั้ย แต่ทุกอย่างก็เงียบ

คืนนี้แม่กับน้าเย็นก็ไปนอนกับลุงยอด ส่วนลุงยศกับลุกยักษ์นั่งสูบบุหรี่คุยกันตรงโถงกลางบ้าน
แม่หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ก็ได้ยินเสียงนาฬิกากลางบ้านตีบอกเวลาราวตี 1 แม่มองออกไปนอกห้อง (นอนไม่ปิดประตู) ตรงโต๊ะกลางบ้านมีไฟสลัวๆอยู่ เห็นลุงยักษ์นอนฟุบอยู่ ใกล้ๆลุงยศนั่งสัปหงกเช่นกัน อึดใจเดียวแม่ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเบาๆดัง แอ๊ดดดดดดด......
ตามด้วยเสียงคนเดินกระทืบเท้า ตึกๆๆ แม่บอกว่ากลัวมากตอนนั้น ร้องก็ไม่มีเสียงได้แต่จ้องไปด้านนอกห้อง
สักพักก็มีคนเดินมาตรงโต๊ะกลาง น้าแย้มนั้นเอง น้าแย้มยืนโงนเงนมองลุงยักษ์ กับลุงยศ ซึ่งนั่งหลับอยู่ครู่ ก็เดินเลยไปทางหลังบ้าน
จนลับตาแม่ ได้ยินเพียงแต่เสียง แอ๊ดดด เบาๆอีกรอบ ตามด้วยเสียงประตูปิด

ตามมาด้วยเสียงคนเดินกระทืบเท้า ตึกๆๆ แม่บอกว่ากลัวมากตอนนั้น ร้องก็ไม่มีเสียงได้แต่จ้องไปด้านนอกห้อง
สักพักก็มีคนเดินมาตรงโต๊ะกลาง น้าแย้มนั้นเอง น้าแย้มยืนโงนเงนมองลุงยักษ์ กับลุงยศ ซึ่งนั่งหลับอยู่ครู่
ก็เดินเลยไปทางหลังบ้าน จนลับตาแม่ ได้ยินเพียงแต่เสียง แอ๊ดดด เบาๆอีกรอบ ตามด้วยเสียงประตูปิด

พอเสียงประตูเงียบไปสักพัก แม่ก็รีบปลุกลุงยอด กว่าจะตื่นก็กินเวลาไปนอนโข แต่ลุงยอดที่งัวเงียอยู่แทบจะตื่นทันที
เพราะเสียงเย็นเยียบ ลอยมาเบาๆ “ธี่.......หยดดดดด ธี่ หยดดดดดด ธี่.........หยดดดดด”

ลุงยอดผุดลุกจากเตียงตรงไปปลุกลุงยักษ์กับลุงยศ ทั้ง 2 ตื่นมาก็รู้แทบจะทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะเสียงนั่นยังลอยโหยหวนชวนสยอง ลุงยักษ์ไม่พูดอะไรหยิบปืนลูกซองกระบอกเดิมออกมา
แล้วสั่งเบาๆให้แม่กลับเข้าไปนอนแล้วล็อคประตูห้อง ปิดหน้าต่างปิดม่านให้หมด ได้ยินเสียงอะไรห้ามออกมาจากห้องเด็ดขาด

แม่ผมอยากตามไปดูมาก แต่ก็กลัวลุงยักษ์มากเหมือนกัน จึงจำใจต้องกลับเข้าห้องล็อคกลอนตามคำสั่ง
หลังจากนั้นแม่ก็เข้าไปนั่งในมุ้ง นอนชิดกับน้าเย็นซึ่งหลับไม่รู้เรื่อง ก็พอได้ยินพี่ๆ ทั้ง 3 คนเดินไปทางหลังบ้าน
ทางเดียวกับที่น้าแย้มเดินลับไป

เสียงนั่นยังดังเอื่อยๆ เป็นระยะ สลับกับเสียงหมาหอนดังระงมไปหมด แม่เงี่ยหูฟัง ในความวังเวงนั่นเอง
แล้วแม่ก็ได้ยินเสียงชุลมุนด้านนอก และตามด้วยเสียงลุงยักษ์ตะโกนดังลั่นกลบเสียงหมาหอน และกลบเสียงประหลาดนั้นด้วย

“ กรูไม่กลัวเมิงหรอก แน่จริงเมิงออกมา  กรูจะยิงแม่มให้ตายอีกรอบเลย ออกมาสิวะ!”

สิ้นเสียงลุงยักษ์ แม่ได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังลอยมาไกลๆ ไม่ใช่เสียงประหลาด เป็นเสียงที่ไม่คุ้นหู ฟังแล้วขนลุกไปทั้งตัว
เสียงผู้หญิงหัวเราะ....

เสียงนั่นดังแว่บเดียว ทุกอย่างก็เงียบ สักพักแม่ได้ยิน ตากับยายตื่นขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปหลังบ้าน ได้ยินเสียงคุยกันว่า
เกิดอะไรขึ้น แล้วตาก็ดุลุงยักษ์ว่า เอาปืนออกมาทำไม มีอะไรกัน โจรขึ้นบ้านเหรอ หลังจากนั้นก็เริ่มทะเลาะกัน

แม่ได้ยินลุงยักษ์บอกว่า
“พ่อไม่รู้อะไรหรอก รู้มั้ยว่าตอนเนี่ยในบ้านมันแปลกๆ ตั้งแต่แย้มไม่สบายเนี่ย กลางดึกมันจะเดินออกมาพึมพำ
บ้าบอทุกคืน วันๆพ่อก็ทำแต่งาน รู้มั้ยน้องๆมันกลัวกันแค่ไหน”

หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันเสียงดังขึ้น ตาผมก็บอกว่างมงาย ไร้สาระ ผีเพ่อมีจริงที่ไหน ระหว่างที่เถียงกันอยู่
ยายก็ถามว่าแล้วแย้มอยู่ไหน? ลุงยศก็บอกว่ายังไม่เจอ ยายกับลุงยอดก็ตะโกนเรียก
ลุงยักษ์กับลุงยศกำเดินฝ่าความมืดออกไปทางแปลกผักเดิม ลุงยักษ์ก็คะนอง ตะโกนท้าทายว่า

“เมิงออกมาสิวะ e-ha แน่จริงเมิงออกมา”
ยายได้ยินก็ตกใจร้องว่า ไปท้าทายแบบนั้นได้ยังไง เงียบเลยนะ ลุงยักษ์ก็บอกว่า
“ไม่กลัวหรอกแม่ คนเยอะแยะ แน่จริงเมิงออกมา พวกกรูไปทำอะไรให้หนักหนาเสรือกมายุ่งกับครอบครัวกรู เมิงออกมา!”
แค่นั้นละ ทุกคนรวมแม่ผมที่นั่งอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงโครม! เสียงดังมาก เหมือนใครเอาก้อนดินก้อนปาลงมาบนหลังคาบ้าน
แม่ผมตกใจมาก แต่คนที่ตกใจกว่าอยู่นอกบ้าน แม่ได้ยินยายบอกว่า

“แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปท้าทาย!! บอกแล้วใช่มั้ย เงียบเลยนะหยุดๆ” แต่ลุงยักษ์คงโมโห ถึงไม่ตะโกน แต่ก็สบถออกมา
“แม๊ง....จะเอาไงกับกรูวะ” ยายผมก็ดุว่า หยุดๆ! ห้ามทัก! ห้ามท้า! พูดยังไม่ทันขาดคำ
เสียงใครปาอะไรสักอย่างลงบนหลังคาบ้าน ดังโครม! อีกรอบ เท่านั้นละเสียงปืนลูกซองดังเปรี้ยง! กลบเสียงอื่นๆไปจนหมด

นอกบ้านชุลมุนอีก ทั้งตาทั้งยาย ด่าลุงยักษ์ยกใหญ่ บอกยิงทำไม บ้าเหรอ ชาวบ้านชาวช่องเค้าตกใจกันหมด ตอนนั้นนั่นเอง
ทุกคนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องวี๊ดดออกมา ยายจำได้ว่าเป็นเสียงแย้ม ก็ตะโกนหากัน เดินหากันชั่วครู่...

แม่ก็ได้ยินเสียงลุงยอดดังมาว่า
“นั่นแย้มอยู่นั่น เห้ย! เข้าไปทำอะไรในนั้นวะ!?” แล้วก็ได้ยินเสียงยายร้องสั่งยอดว่าให้เข้าไปอุ้มแย้มออกมา

แม่ผมยังนั่งอยู่ในห้องอยากจะออกไปแต่ก็กลัว ได้ยินเสียงด้านนอกเป็นระยะ ได้ยินเสียงลุงยศกับลุงยอดว่า
“เห้ย แย้ม เข้าไปในนั้นทำไมวะ เข้าไปได้ไง?” แม่ตัดสินใจจะตามออกไปดูว่ามีอะไรข้างนอกกันแน่
แต่ยังไม่ทันลงจากเตียง ดันมีเสียงเบาๆเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา เป็นเสียงใครบางคนเคาะประตูห้องนอนเบาๆ

ก๊อก......ก๊อก.....ก๊อก

แม่ชะงักกึก! เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ก๊อก.....ก๊อก.....ก๊อก แม่เงียบไม่กล้าส่งเสียงในใจคิด ใคร?
ทุกคนก็อยู่นอกบ้านกันหมด หรือกลับเข้ามาแล้ว? แต่ยังได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกอยู่เลย
น้าเย็นก็นอนหลับอยู่ข้างๆ แม่ก็ก้าวลงจากเตียงช้าๆ ถามว่าใครน่ะ?
เงียบไปอึดใจเดียว เสียงเย็นๆเสียงหนึ่งตอบกลับมาว่า

“ xx……เปิดประตูให้หน่อยย” แม่ทั้งงงทั้งกลัว เพราะเสียงนั่นเป็นเสียงน้าแย้ม...

เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ xx……เปิดประตูให้หน่อยย” แม่กล้าๆกลัวๆ ถามไปเบาๆว่า แย้มเหรอ?
แต่ปลายเสียงไม่ตอบ กลับพูดเหมือนเดิม
“ xx……เปิดประตูให้หน่อยย” เป็นรอบที่ 3

ใจก็คิดว่าคงเป็นน้องตัวเอง เอื้อมมือไปกำลังเปิดกลอน ก็นึกได้ว่า...


แม่นึกขึ้นได้ว่านานมาแล้ว ตอนสัก 10 ขวบ ยายเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตำบลใกล้ๆมีเรื่องแปลกๆที่ลือกันว่า มีผีผู้หญิง
(เข้าใจก่อนนะครับ 30-40 ปีที่แล้ว เจอเรื่องอะไรลี้ลับ ก็เหมาว่าเป็นผีสางนางไม้ไว้ก่อน)
ชอบออกมาป้วนเปี้ยนตอนดึกๆ และจะเกิดเรื่องว่า วัยรุ่น หรือเด็กเล็กๆ หายไปจากบ้านตอนกลางคืน
โดยทุกเหตุการณ์จะเล่าคล้ายๆกันคือ จะมีเสียงคนรู้จักมาเคาะประตูบ้าน และเรียกชื่อคนที่อยู่ในบ้าน 3 ครั้ง

คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเดินไปเปิดประตูให้ ก็เดินหายไปในความมืดและไม่ได้กลับมาอีกเลย ส่วนคนที่รอดมาได้ก็มาเล่าให้ฟังว่า
เหมือนฝัน ได้ยินเสียงคนรู้จักมาเคาะประตูหน้าบ้านตอนกลางคืน ก็เดินออกไปเปิดประตู เห็นผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ลิบๆ

คนที่เล่าฝันว่ากำลังเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น พอดีมีคนในบ้านอีกคนตื่นขึ้นมาแล้วตะโกนมาว่า ออกมาทำอะไร ละเมอเหรอ
คนที่เล่าก็ได้สติ พบว่าไม่ได้ฝัน ตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านจริงๆ (ตอนผมฟังมีหลอนนิดๆ)
ยายก็เลยบอกว่า ถ้ามีใครมาเคาะเรียก 3 ครั้งตอนกลางคืน ห้ามเปิด เพราะใครที่ไหนมาบ้านจะมาเคาะประตูเบาๆ เนิบๆ
พร้อมเรียกแค่ 3 ครั้ง แม่ก็บอกว่าตอนนั้นนึกว่ายายขู่....

ถึงตอนนี้แม่ ไม่รู้อะไรดลใจ หรือเก็บกดกับเรื่องนี้มาหลายวัน แม่ตะโกนด่าไปว่า
“ อีผีบ้า! จะไปไหนก็ไป อย่ามาแถวนี้!” ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่เสียงหัวเราะเย็นๆ เบาๆ
แล้วแม่ผมก็ร้องเสียงดังว่า “แม่ช่วยด้วย!!”

จากนั้นก็มีเสียงเอะอะ มีเสียงคนวิ่งเข้ามา ยายเข้าถึงคนแรก ทุบประตูดัง โครมคราม ถามว่า xx มีอะไร เปิดประตูสิ
ตาก็บอกเปิดประตูๆ แม่ผมก็เปิดประตูออกมา กอดยายร้องไห้อย่างเดียว ลุงยักษ์เดินเข้ามาถาม มีอะไร? เกิดอะไรขึ้น

แม่ก็เล่าว่าแย้มมาเคาะประตูห้อง คนในบ้านก็งงกันหมด เพราะลุงยศ เพิ่งจะอุ้มน้าแย้มเดินตามกันเข้ามา
ยายก็บอกหูฝาดไป ไม่มีอะไรๆ แต่แม่ก็ยืนยันว่าได้ยินจริงๆ (ด่าด้วย) แม่ก็ไม่รู้ว่าตากับยายผมเชื่อรึเปล่า
แต่สองคนนั้นก็บอกว่าหูแว่วไปเอง แต่คนที่เชื่อคือลุงยักษ์ เพราะออกอาการโมโหมาก ตอนนั้นเวลาประมาณตี 3

ลุงยักษ์ก็เดินไปเอากุญแจรถ บอกให้ลุงยศกับลุงยอดดูพ่อ, แม่และน้องๆไว้ เดี๋ยวสายๆกลับมา ตากับยายถามจะไปไหน ลุงยักษ์ก็ไม่บอก
บอกแค่ว่าเดี๋ยวกลับมาตอนเช้า แล้วลุงยักษ์ก็ขับรถออกไป ส่วนคนที่เหลือก็ไม่เป็นอันทำอะไร นอนไม่หลับ
และน้าแย้มเองก็เหมือนคนปกติที่นอนหลับอยู่

ช่วงเช้าวันต่อมา แม่กับน้าเย็นก็ช่วยกันหุงหาอาหารปกติ ยายก็นั่งดูอาการน้าแย้มซึ่งก็ยังทรงๆอยู่ ตากับลุงยศก็ออกไปทำงานอยู่ใกล้ๆบ้าน
เพราะห่วงลูกสาวที่อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ ส่วนลุงยอดก็ออกไปนั่งรอลุงยักษ์ที่ม้าหินไม้หน้าบ้าน จนแดดแรงราว 8 โมง
ตากับลุงยศก็กลับมาบ้าน ก็บ่นๆว่ายักษ์ยังไม่กลับมาเหรอ สายป่านนี้แล้ว กว่าจะตีรถเข้าตัวจังหวัดอีกหลาย ชม. เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกันพอดี

แล้วก็ถามยายว่าแย้มเป็นยังไงบ้าง ยายก็บอกว่าสีหน้าก็ดูปกติ แต่ถามคุยอะไรไปก็บอกว่าเพลีย อยากนอนอย่างเดียว
ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  ตาก็เลยเดินเข้าไปดูอาการ  ถามว่าเป็นยังไง ก็ได้ยินเสียงแว่วๆของน้าแย้มบอกว่าจะนอน  เพลีย
ตาก็โมโห บอกว่า เป็นอะไรนักหนา ค่อยยังชั่วหรือเป็นอะไรก็บอกมาสิ เอาแต่นอนไม่พูดไม่จาอยู่ได้ งานการไม่ทำ
เริ่มทะเลาะกันดังขึ้น สุดท้ายน้าแย้มก็ตะโกนมาว่า

“อย่ามายุ่งกับ....ได้มั้ย!!?” ตาได้ยินแบบนั้นก็โมโหมาก บอกว่า พูดแบบนี้ได้ไง  ไม่มีใครสั่งสอนรึไง แล้วตีน้าแย้
น้าแย้มโดนตีก็ร้องกรี๊ดด เสียงดัง  ยายก็เข้าไปห้ามบอกว่าลูกไม่สบายอยู่ ก็ปล่อยให้นอนพักไปก่อนสิ
ตาโมโหมากเดินออกไปนอกบ้าน แม่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนฟัง เสียงกรี๊ดของน้าแย้ม

รอจนเกือบเที่ยง แม่ก็ได้ยินเสียงรถขับมาจอดหน้าบ้าน แม่รีบวิ่งออกไปดู สิ่งแรกที่เห็นคือ รถกระบะจอดอยู่
โดยกระจกหน้ารถมีรอยร้าวใหญ่มาก แล้วก็เห็นหมอยาคนเดิมมากับลุงยักษ์ด้วย  แม่เดินเข้าไปก็ได้ยินลุงยศคุยกับลุงยักษ์
“รถไปโดนอะไรมา” ลุงยักษ์ตอบไปว่า
“ ก็เมื่อคืนตอนที่กรูขับรถออกมา พอออกจากไร่ได้แป๊บเดียว พอเลี้ยวโค้ง อยู่ๆไม่รู้ใครปาก้อนดินใส่กระจกหน้า สงสัยอีนั่นมั้ง
ดีนะเป็นก้อนดิน ถ้าเป็นก้อนหินกรูซวยแน่"

พูดจบลุงยักษ์ก็บอกให้ลุงยศกับลุงยอดไหว้ชายสูงอายุคนนึงที่มาด้วยกัน ชายผมขาว ใส่เสื้อคอเต่าสีขาว ติดกระดุมถึงเม็ดบนสุด
เป็นชายสูงวัยที่ดูสุภาพและท่าทางใจดี ชายคนดังกล่าวยิ้มน้อยๆให้กับทุกคน รวมแม่ผมด้วย
ลุงยักษ์แนะนำให้ชายคนนั้นรู้จักตาและยาย


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ติดตามภาคจบได้ ที่นี่


ไม่มีความคิดเห็น