มันอยู่ในบ้าน
เรื่องจริงสยองจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2199046 กระทู้ "ทำยังไงจะให้มันไปจากบ้าน" เล่าถึงเรื่องบ้านที่อาศัยอยู่นั้นมีสิ่งที่เรียกว่า "มัน" อยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย และมีเหตุการณ์ประหลาดมากมาก และเจ้าของกระทู้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ "มัน" ออกไปจากบ้านของเธอติดตามกันเลยว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง
ต้องขออภัย
หากอ่านแล้วอาจจะงง หรือสับสนในข้อความเพราะจขกทเองก็สับสนอยู่พอสมควรตอนนี้ ว่าสถานการณ์
ที่เกิดขึ้นนั้นมีที่มาจากเหตุการณ์ไหนกันแน่ แต่ไทม์ไลน์ของเรื่องนี้คือระยะ 3 ปีกว่าๆค่ะ เข้าเรื่องเลยนะคะ
จขกท (ขอเรียกแทนตัวเองว่า เรา นะคะ)
เป็นคนกรุงเทพฯค่ะ เกิดและโตที่เดิมตลอดคือแถวคลองตัน (ขอไม่เจาะจงมากนะคะ)
เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมาสร้างบ้านบนที่ดินที่เป็นที่เปล่าๆ
อารมณ์เหมือนป่าเลยค่ะแต่ก็อยู่ย่านเดิม
เนื่องจากคุณแม่ติดสถานที่ค่ะอยากอยู่ใกล้ญาติๆเลยไม่ไปไหนไกล
เหตุการณ์แรกเกิดตอนที่สร้างบ้านเสร็จใหม่และกำลังทยอยย้ายของจากบ้านเก่าค่ะ
จขกท ได้มาอยู่ที่บ้านใหม่หลังนี้ก่อนกับแฟนค่ะ บรรยากาศก็ใช่ได้อยู่อ่ะค่ะ
เพราะเป็นหลังเดียวโดดๆ เสียงแมลงกลางคืนต่างๆก็ร้อง แบบอารมณ์ป่าสุดๆค่ะ
พอหลับไปสักพักก็ได้ยินเสียงตรงรั้วบ้านซึ่งเป็นรั้วเหล็กค่ะ
เป็นเสียงเหมือนคนพยายามจะเข้ามาอ่ะค่ะเสียงดังพอสมควร เพราะสะดุ้งตื่นเลย (ตอนนั้นไม่เอ๊ะใจเลยว่าทำไมมันดังจัง555) แค่ชั่วครู่ค่ะก็เป็นเสียงเหมือน เข้ามาได้ถึงหน้าบ้านและพยายามงัดประตู
ตกใจมากค่ะเลยเรียกแฟน แฟนสะดุ้งตื่นมาเหมือนกันค่ะบอกอะไรๆ จขกท
เลยบอกว่ามีคนงัดเข้าบ้าน ได้ยินทั้งคู่เลยค่ะว่าเสียงอยู่ตรงประตูบ้าน
ก็เลยบอกว่าจะลงไปดูนะแล้วเธอไปยื่นนอกระเบียงห้องตะโกนข้อความช่วยเหลือ
ระหว่างที่พูดเสียงนั้นก็ดังมาถึงตัวบ้านด้านล่าง
จขกท อยู่ชั้นบนน่ะคะ เสียงเหมือนรื้อของด้านล่างแล้วค่ะ
กลัวกันทั้งคู่คิดได้เลยโทรหาพี่ที่บ้านติดกันว่ามีคนงัดบ้าน
พี่เค้ารีบมาพร้อมไฟฉายค่ะ พอมาถึงเราเดินลงไปปรากฏว่าปกติค่ะด้านล่าง ไม่มีข้าวของอะไรกระจายเหมือนเสียงที่ได้ยิน
ส่วนประตูก็ล็อคค่ะ พยายามดูหน้าต่างทุกบ้านเท่าที่จะดูได้ ปรากฏว่าก็ล็อคหมดทุกบ้าน
พี่ข้างบ้านเค้าเลยพูดว่า
ธรรมดานะเค้าเคยเหมือนกันเสียงดังโครมครามด้านล่างแบบเนี่ยแหละ เค้าถือมีดลงมาเลยปรากฏว่าไม่มีอะไรแบบนี้แหละ
หลังจากนั้นก็คืนนอนค่ะ
แฟนหลับนะคะ แต่จขกท ไม่หลับค่ะ
และอีเสียงตรงรั้วที่ดังก็ยังดังต่อไปค่ะดูนาฬิกาแล้วกว่าจะเงียบไปก็ประมาณ ตี 3 กว่าๆค่ะ
หลังจากเหตุการณ์นั้น
ที่บ้านตอนมีคนมาอยู่ครบแล้วก็มีเสียงโครมคราม เสียงคนเดินต่างๆ
จนมีวันนึงค่ะน้องสาวนอนอยู่ข้างบนบ้านกับเพื่อน เปิดเพลงด้วยค่ะ ประมาณเปิดคลอๆ
สักพักก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ค่ะ ก็เลยเรียกให้เพื่อนฟังว่าได้ยินไหมเสียงอะไร
เพื่อนน้องเลยบอกว่าได้ยินแต่เพื่อนน้องไม่ได้กลัวนะคะ
แต่น้องกลัวค่ะเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ก็เลยรีบลงมาข้างล่างเลยค่ะ
มาเคาะห้องที่แม่นอนกับน้องอีกคนขอเข้าไปนอนด้วย
น้องบอกแม่ว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ แม่ก็ตกใจนะคะ
แม่ท่านเลยคิดในใจว่าถ้ามีอะไรก็ให้บอกนะ แล้วไปนอนค่ะ พอนอนปุ๊บที่นี่ค่ะฝันเลย
ว่ามีผู้หญิงผมสั้นค่ะ
ชุดสีขาว (อีกแล้ว) เธอร้องไห้ค่ะจำที่แม่เล่ามากไม่ได้นะคะ แต่เธอบอกว่าเธอผูกคอตายตรงตจ้นไม้
ที่อยู่ข้างๆบ้าน ค่ะ พอรู้อย่างนั้นแล้วไม่กี่วันเแฟนของน้องสาว ก็เลยไปซื้อพวกผลไม้แล้วจุดธูปที่ต้นไม่นั้น
(เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรนะคะเราไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ)
หลังจากนั้นก็มีครั้งนึงที่น้องชายนอนกลางวันแล้วได้ยินเสียงร้องไห้
แต่น้องชายเราแช่งค่ะ เธอก็หายไปแล้วไม่เคยได้ยินเสียงของเธออีกเลยจนถึงทุกวันนี้
แต่เสียงเดินด้านบนก็ยังเดินนะคะ
ตัวเราเองก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นลงบันไดบ้าง เปิดปิดประตูบ้าง
ซึ่งข้างบนเราอยู่กับแฟนที่เหลืออยู่ข้างล่างหมดค่ะ เรานอนหลับๆตื่นๆในบางวัน
ซึ่งเราโกรธมากที่ทำไมต้องมาทำแบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
เนื่องจากเราไม่รู้จริงๆว่าเค้าต้องการอะไร
แต่เรื่องที่เล่ามานี้ดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับอีกเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้นะคะ
ต้องบอกก่อนว่ามันดูเป็นเรื่องที่ฟังดูโครตขี้โม้มากเลยนะคะ
แบบเป็นเรื่องที่ถ้าทางแพทย์คงจะบอกอีกอย่างนึงเลยล่ะค่ะ
เรื่องนี่ถ้าเล่าให้ใครฟังมันดูเหมือนเรื่องแต่งมากๆเลยค่ะ แต่มันคือเรื่องจริงเลยสำหรับครอบครัวเรา
จขกท เป็นคนโตค่ะ ถัดมาจะเป็นน้องสาว คนที่สามน้องชาย คนที่สี่น้องสาว เรื่องนี้คือเรื่องของน้องชาย (ก็ไม่เชิงผู้ชายนะคะ 555)
น้องชายเราเป็นโรคหัวใจค่ะ เป็นตั้งแต่เกิดเลย น้องเป็นโรคหัวใจเรียกแบบบ้านๆคือมีหัวใจแค่ 3 ห้องค่ะ ผนังของหัวใจรวมกันอะไรสักอย่าง
ใช้ศัพท์ทางแพทย์ไม่ถูกเหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่าต้องผ่าตัดตั้งแต่เด็กๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นที่มาของอะไรต่างๆพักหลังๆนี้หรือเปล่า ย้อนมาที่
น้องชายเราต้องผ่าตัดตั้งแต่เด็กครั้งแรกๆเรายังเรียนประถมเองค่ะน้องยังเด็กมากๆ แต่น้องเรารอดมาทุกครั้งเลยค่ะ เพราะด้วยคุณหมอที่เก่งมากๆ
ถึงเขาจะตุ้งติ้งแต่เด็กแต่เค้าเข้มแข็งมากนะคะ เพราะต้องนอนคนเดียวเป็นห้องรวมตั้งแต่เด็กแล้วเค้าก็ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นเลย ตอนผ่าครั้งแรกๆ
น้องเค้าเคยมาเล่าว่าคุณตาคุณยายมาหาเค้าที่โรงพยาบาล ก็ฟังค่ะแต่ไม่ได้สนใจเพราะเราก็เด็ก หลังจากผ่าครั้งนั้นน้องต้องผ่าอีกนะคะ แต่ไปกี่ครั้งๆ
แม่ก็บอกว่าเลื่อนนะ มีเคสด่วน ซึ่งโรงพยาบาลต้องรักษาเคสที่เร่งด่วนกว่าก่อน
**เกริ่นตรงนี่นิดนะคะคุณหมอเคยบอกว่าน้องเราอาจจะอยู่ได้ถึงแค่อายุ 12 ปีนะคะถ้าจำไม่ผิด
พอมาโรงบาลหลายครั้งก็เลื่อนๆ คุณแม่ซึ่งเป็นแม่ค้าน่ะค่ะ ไม่ได้มีความรู้สูงอะไรมากนักก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร
น้องก็ใช้ชีวิตนักเรียนทั่วไปค่ะ แต่น้องจะขาวซีดๆ ผอมนะคะ นิ้วมือนิ้วเท้าจะม่วงๆโป่งๆปากก็สีเข้มๆค่ะออกม่วงๆ
คือมองรู้อ่ะค่ะว่าไม่แข็งแรง (แต่ปากดีมากนะคะ 555)
มีช่วงนึงตอนมัธยมน้องเกิดเป็นเชื้อราในสมองประมาณ 3 จุด คืออันตรายมากที่เรารู้นะตอนนั้นเพราะมันอยู่ในสมอง
และหมอทำอะไรไม่ได้มากนอกจากให้ยาปฎิชีวนะ แต่น้องเรารอดค่ะ คือยาได้ผลเชื้อค่อยๆเล็กลงๆเองจนจุดที่เจอเล็กมาก
คุณหมอก็ให้กลับบ้าน
น้องเรามีชีวิตมาเรื่อยๆจนถึงมหาวิทยาลัยก็ป่วยบ่อยขึ้นนะคะ เท่าที่สังเกตุแบบปวดหัวเวียนหัวก็หยุดเรียนบ้างประปรายจนกลับ
ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล ก็ปรึกษาคุณหมอตลอดจนจบมาทำงานค่ะน้องก็ป่วยบ่อยๆไปหาหมอเรื่อยๆเลยค่ะ
จนคุณหมอนัดผ่าตัดน้องก็เลยต้องลาออกจากงานช่วงนั้นก็ค่อนข้างเครียดนะคะ เค้าคงเครียดทั้งโรคที่เป็นด้วย การทำงานด้วย
อย่างที่บอกว่าน้องชายจริงๆต้องผ่าตัดต่อเนื่อง แต่เนื่องจากมันนานมากจนอาจารย์หมอที่ผ่าน้อง เกษียณแล้วค่ะและเคสหัวใจเป็นอะไรที่ยากมาก
แฟ้มรักษาของน้องเล่มใหญ่มากค่ะ ใหญ่มากกก จริงๆ คุณหมอที่ทำการรักษาถามว่าเธอไปทำอะไรมาทำไมไม่มารักษาต่อเนื่อง อายุเท่าไหร่แล้ว
คุณหมอถาม ทำอะไรอยู่ พอน้องตอบว่าอายุเท่านี่แล้ว เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว คุณหมอตกใจมากและถามว่าเธอนับถือศาสนาอะไร?
น้องก็ตอบไป คุณหมอบอกว่าแสดงว่าพระเจ้าเธอเค้ารักเธอนะไม่งั้นไม่อยู่ได้แบบนี้เพราะอย่างที่แจ้งไว้ก่อน น้องเราหมอเคยบอกว่าจะอยู่ได้
ไม่เกิน12ขวบ
หลังจากผ่าตัดครั้งนี้เหมือนคุณหมอใช้ท่อต่อผ่านปอดหรืออะไรสักอย่าง (ไม่ขอพูดมากนะคะเดี๋ยวผิด 555) น้องเราซึ่ง อายุจะ25 เนี่ย เค้าแบบมีสี
เลือดเลยค่ะ ปากก็แดงเล็บแดงค่ะ ดูเป็นคนละคนเลยเค้าเหมือนคนปกติขึ้นมาเลยอ่ะค่ะ แล้วใช่ค่ะ เค้ารอดอีกแล้ว
หลังจากนั้นกลับไปทำงานน้องก็เครียดค่ะเรื่องงานต่างๆ พวกงานขายทำยอด เค้าเป็นซึมเศร้า ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดเท่าไหร่
ก็เลยออกมาขายขนมค่ะ
การขายขนมนี่เหนื่อยค่ะ และเค้าก็ไม่อยากทำ (มาบอกทีหลัง) ซึ่งเรากับแม่เป็นคนแนะว่ามาขายของดิจะได้ไม่เครียด
เป็นไอเดีย ไม่ได้บังคับนะคะ แต่เค้าก็ฝืนทำ แล้วก็เครียดค่ะเพราะหลังๆเงียบค่ะ ซึ่งเหตุการณ์นี้คือเราอยู่บ้านหลังใหม่แล้ว
นะคะ จะเริ่มเกี่ยวกันล่ะค่ะ
ก่อนวันเกิดเหตุการณ์
มีปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนเค้าค่ะ ซึ่งเค้าเดินไปทางคลองซึ่งมืดแบบ มืดมากๆน้องใส่หูฟังนะคะแต่ไม่ได้เปิดเพลงแบบเสียบอยู่ แล้วเล่นโทรศัพท์
ไปเดินไปอ่ะค่ะ และได้ยินเสียงผู้ชายพูดขึ้นมาว่า
"ว่ามันได้ยินเราไหม"
น้องชายนี่ดันชะงักแบบ ตกใจอ่ะค่ะเพราะเสียงมันชัดเข้ามาในหูเลย
มีเสียงผู้ชายอีกคนบอกว่า "มันได้ยิน"
เท่านั้นล่ะค่ะ
น้องรีบจ่ำแบบก้าวเร็วๆไม่ถึงขั้นวิ่งเข้าบ้านเลยค่ะ และไม่ไปแล้วบ้านเพื่อน
พอหลังจากนั้นก็เป็นช่วงบ่ายที่จะต้องออกมาขายขนมก็ขนของออกมากับแม่ค่ะ
แต่เรายังอยู่บ้าน สักพักนึงแม่โทรมาบอกว่า ออกมาเร็วๆเลย(ชื่อน้อง) แย่แล้วๆรีบออกมา
เราก็รีบออกไปเลยค่ะ
ออกไปถึงที่ปุ๊บภาพที่เห็นคือญาติๆเรามีแม่มีป้ามีน้ามีลูกน้าคือหลายคนมาก มุงน้องเราอยู่
(เพิ่มเติมนิดนึงคือเรากับน้องเราสนิทกันที่สุดในบ้าน)
แม่เราเรียกชื่อน้องเรา เรียกไปแบบเรียกเรื่อยและก็สวดแบบศาสนาเราอ่ะนะคะ
ตอนนั้นเราก็ตกใจนะแต่ความรู้สึกที่มากกว่านั้นมันว่างเปล่าเหมือน งง ด้วยคือเมื่อกี๊เพิ่งเจอไง
เรานั่งลงข้างแม่บรรยายลักษณะของน้องเรา คือตัวขาวซีดๆยิ่งกว่าตอนป่วย ปากซีดเป็นสีขาว
เราคิดแล้วว่าน้องเราคงแบบ หัวใจวายอะไรสักอย่างแน่ๆ (คือก็เค้าเป็นโรคหัวใจเลยเป็นอย่างแรกที่คิด)
ป้าเราพูดว่าน้องมานั่งที่เก้าอี้ เก้าอี้พลาสติกอ่ะค่ะแต่มีผนักพิง แล้วหัวน้องเรากระตุกไปข้างหลังแบบแรงๆ
จนเห็นตาขาวอย่างเดียว และกระตุกอีกหลายที ป้าก็คิดเอาแล้วหลานชักแน่ๆเลยพาเข้ามาที่ห้อง
ต่อจากที่เราเห็นสภาพน้องเราแบบนั้น เราเอามือไปจับมือน้อง มือน้องเย็นเฉียบเลยค่ะ
เราเรียกชื่อน้อง เรียกหนึ่งครั้ง สองครั้ง บอกพี่มาแล้วนะ ได้ยินพี่ไหมพูดซ้ำๆอ่ะค่ะ
แปบนึงจากที่เงียบๆน้องเราตอบค่ะ ทุกคนดูตกใจเพราะนึกว่าตายกันหมดแล้วนะคะ
จากที่มาถามตอนหลัง น้องตอบมาว่า
"กูจะเอามันไป"
เราเลยถามว่าเป็นใคร
มันไม่ตอบค่ะ
สลับเป็นน้องเรากับมันโดยมีใจความว่า มันบอกว่ามันจะเอาน้องเราให้ตายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว
รอดมาหลายครั้งแล้ว มีคนคอยช่วยไว้ แต่ครั้งนี้ไม่รอดแน่
ทีนี่เราก็บอกเป็นใคร อีผี ยิ้มออกไปจากน้องกูเลยนะ ไม่งั้นกูจะแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิด
มีป้าที่รู้จักกันที่ยืนอยู่ด้วย เข้าพูดว่าไปผุดไปเกิดอะไรศาสนาเราไม่มีนะ (คือศาสนาเราไม่มีความเชื่อเรื่องพวกนี้ค่ะ)
แต่เราอ่ะไม่สนแล้ว คือเห็นคนเค้าบอกๆกันว่า ให้พูดแบบนี้แล้วผีมันจะไปไง เราก็เลยพูด แล้วพอพูดนะคะ น้องเราก็พูด
ได้เยอะขึ้น สักพักแบบ ภาพที่เราอึ้งคือตัวน้องเราอ่ะค่ะที่ขาวซีดๆ ค่อยๆขึ้นเป็นสีแดงแบบเหมือนตอนที่
เรากำมือแน่นๆแล้วปล่อยออกอ่ะค่ะ คือเลือดมันวิ่งขึ้นหน้าขึ้นปากแบบไม่เคยคิดว่าชีวิตจะเห็นอะไรแบบนี้ค่ะ
พอถามจับใจความ น้องบอกเห็นพ่อ เห็นแม่(บุญธรรม) ยืนอยู่ เพราะน้องคิดตอนนั้นว่าเรียกว่า ป๋าๆ(พ่อ)ช่วย..(ชื่อน้อง)ด้วยแล้วพ่อก็มา
พ่อไม่พูดอะไรเลยกับแม่(บุญธรรม)ยืนเฉยๆเลยค่ะ เราถามน้องว่าตรงนั้นเป็นไง เหตุการณ์ที่พอเล่าได้จำความรู้สึกได้เป็นไง
น้องชายเราบอกว่า พูดบ้านๆคือมันพยายามดึงวิญญาณ (ใช่ค่ะดูโม้มากถ้าฟังคนอื่นเล่าเราก็ไม่เชื่อ)
โดยมันดึงทางหัวค่ะ มันกระชากแบบแรงชนิดที่น้องเราบอกว่า เจ็บมากๆ มันสื่อกับน้องว่ามันไม่ใช่แค่ผีธรรมดา (อันนี้ส่วนตัวคิดว่ามันโกหก)
มันจะเอาไปค่ะมันบอกต้องไปรอดมาหลายครั้งแล้ว ส่วนสถานที่ๆนั้น มันเป็นที่มืดๆค่ะ น้องบอกว่ามันแน่นมากรู้สึกเลยว่ามีคนจำนวนมาก
อยู่บริเวณนั้นๆ อึดอัดมากๆ แต่ไม่เห็นคนนะคะ ไม่เห็นใครนอกจากตอนที่เห็นพ่อและแม่บุญธรรม พอตอนเห็นพ่อกับแม่มาและเสียงเรียก
เหมือนน้องพาตัวเอง(หรือวิญญาณ)ออกมาได้ตามเสียงหรือตามแสงสักอย่างค่ะ มันค่อนข้างสับสนนะคะ ใจความเหมือนพ่อกับแม่บุญธรรมและเสียง
เรียกนำน้องออกมา ตอนใกล้หลุดน้องพูดไปน้ำตาไหลไป เรารู้ว่าน้องเรากลัวมากๆ
จากเหตุการณ์นี้น้องเลยมาเล่าให้ฟังว่า น้องมีความรู้สึกว่ามีบางอย่างพูดกับน้องในวันที่อยู่ที่บ้านคนเดียว(คือก่อนเหตุการณ์นี้นะคะ)
ว่า "ไปผูกคอตาย" พูดวนๆค่ะ (แล้วเราพึ่งมานึกย้อนว่าวันนั้นอ่ะคะ น้องเราไม่กินข้าวเอาแต่นอน)
แล้วที่นี้ในห้องนอน มันจะมีไฟที่เป็นสายๆแบบไฟพันต้นคริสมาสต์อ่ะค่ะแต่เป็นสีวอร์มไวท์ที่ซื้อมาจากอีเกีย
น้องก็ดึงมาเลยค่ะ แล้วก็จะไปผูกคอตาย แต่โชคดีหรืออะไรไม่รู้ค่ะ แม่เรามาพอดีตะโกนเรียกชื่อน้อง น้องเราเล่าว่า
ตกใจเลยค่ะ น้องเราโยนเชือกแบบตกใจอ่ะค่ะเหมือนอยู่ในภวังค์ (ส่วนตัวคิดว่าที่มันคุมได้เพราะน้องเราจิตตกมาก ตกงาน เครียด ซึมเศร้า)
หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ที่เล่ามา
มันก็อยู่ๆจนตอนที่พิมพ์เมื่อคืนก็ยังอยู่ค่ะ เมื่อคืนคลิ๊กเมาส์ ทั้งคืนค่ะ ตี2-ตี4 ด้านบนบ้าน
ด้านล่างก็ขูดขอบห้อง ทำเสียงตึงตังค่ะ แล้วก็มาบ่นพึมพำอะไรไม่รู้ค่ะ ฟังไม่ออกนอนกันไม่ได้ค่ะช่วงนี้
หนักจริงๆ
**และก็ลืมเล่าค่ะเมื่ออาทิตย์ก่อน มันมาลักษณะพูดให้แม่เราได้ยิน "กูจะให้มันผูกคอตายที่บ้านหลังนี้"
แม่เราก็เอื้อมมือไปจับคอน้องชายเลยนะคะ แล้วเรียกชื่อ พอน้องเราตอบแม่บอกค่อยโล่งใจหน่อย
แล้วก็สวดมนต์(ตามศาสนาเราอ่ะค่ะ)ทั้งคืน
ที่เคยทำมาก่อนนะคะก็จะมี
-มันจะเป็นลักษณะเดินขึ้นลงบันไดบ้าง
-เปิดตู้
-รื้อของ
-ลากของ
-ทำเสียงแปลกเช่น แบบลากของแต่เราก็อธิบายว่าของนั้นคืออะไรไม่ได้ เป็นเหล็ก เป็นไม้ เป็นอะไรไม่รู้เลยค่ะ
-เคาะแบบก๊อกๆ
-ทำเหมือนของตกแต่ไม่มีของนะคะ
สุดท้าย
เมื่อวานเราไปหาหมอทางเนี่ยและค่ะของทางศาสนาเรา ที่ รามคำแหง ซอย 8
หมอบอกเห็นตัวดำปิ๊ดเลยค่ะตัวใหญ่ นิสัยเกเรด้วย(แหมใช้คำน่ารักเลยนะคะ555)
หมอบอกว่าที่ตรงที่เราอยู่มันมีเพียบแหละเพราะเป็นที่รกร้างมา เวลาคนเล่นของ
เค้ามาปล่อยของก็มาปล่อยที่นี้แหละ ไอตัวเนี่ยมันอยู่ของมัน ที่นี้อยู่แล้วก่อนเรามา
อ่ะจะแก้ตามนี้นะ
หมอให้เราซื้อ ถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก เกลือเม็ด และข้าวสารค่ะ
ก็ทำพิธีน่ะค่ะ เอาทั้ง 4 อย่างไปโรยนอกบ้าน
ส่วนข้าวสารโรยในบ้าน ให้ทุกจุดค่ะ เราไปด้วยกันกับแม่ เอาจริงๆมันดูงมงายมาก
แต่เราจนปัญญากันแล้วจริงๆ พอทำปุ๊บนั้นล่ะค่ะท่านผู้ชม
เราอ่ะหลับก็เรียกว่าสนิทนะ มีฝันร้ายนิดหน่อยก็ช่างมัน แต่แฟนเรานั้นล่ะนอนไม่ได้เลย
บอกกดเมาส์คลิ๊กๆๆ พอเคลิ้มก็กดอีก คลิ๊กๆๆๆ ยาวๆเลยค่ะ
อย่างที่บอกน้องเราอีกตามด้านบนที่พิมพ์ไปแล้ว คือไม่สะทกสะท้านเลยใดๆ หนำซ้ำไม่รู้ไปทำ
ให้โกรธกว่าเดิมหรือเปล่าอีกก็ไม่รู้ เราเลยเอาว่ะ ให้แฟนน้องที่เป็นพุทธ ทำให้เลยแล้วกัน
แบบไม่ไหวแล้วอ่ะ ก็ไปซื้อผลไม้มาธุปมา จุดหน้าบ้านเลยค่ะ ธูป5ดอกน้องแฟนบอกเค้าอยู่มาก่อน
น่าจะเรียกว่าเจ้าที่ 5 ดอกแล้วกัน ถ้าดอก 1 นี่ไหว้ผีใช่ไหมค่ะ เราไม่รู้เรื่องทางพุทธเลย
เราก็เรียกเค้าพี่ อย่ามาทำแบบนี้เลย ต่างคนต่างอยู่สิ พี่ตายไปแล้วอ่ะอย่าทำเวรทำกรรมเลย
ก็เนี่ยแหละค่ะเรื่องราวทั้งหมด
คือถ้ายังมาอีก เราควรทำไงดีคะ เราไม่ใช่พุทธด้วยทำพิธีอะไรมากๆไม่ได้
เราก็สวดมนต์แบบเราคิดถึงพระเจ้าก็แล้วค่ะไม่ไปค่ะ เหนื่อยค่ะนอนน้อยมากช่วงนี้
ใครมีวิธีแก้บ้างคะ กทม.ได้ยิ่งดีค่ะ
เรื่องจากพันทิป ทำยังไงจะให้มันไปจากบ้าน
Post a Comment