"ซ่อนซาก" โดย Lady Star 919
"ซ่อนซาก" เป็นเรื่องจากสมาชิกพันทิปคุณLady Star 919 นักเล่าและนักเขียนที่หลายคนติดตามผลงานในพันทิป เรานำเรื่อง "ซ่อนซาก" เรื่องสั้นสยองที่ผู้แต่งกล่าวไว้ว่า "ในความรู้สึกของผู้เขียนเอง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสั้นที่แรง+รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเขียนค่ะเขียนเรื่องนี้จบจิตตกไปชั่วขณะ ต้องรีบดึงตัวเองออกมา" ต้องขอขอบคุณ คุณLady Star 919 สำหรับเรื่องสยองที่ส่งต่อไปยังชาวผีสยองหนองกระจาย
ซ่อนซาก
หล่อนรู้สึกอับอายความจนของตัวเอง และกระหายในความอยากได้อยากมี เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ กระเป๋าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ เสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่รถหรูราคาแพง หล่อนล้วนต้องการมาครอบครองทั้งสิ้น
เงินเรียนที่ต้องกู้ยืมกยศ.ไม่เพียงพอต่อความปรารถนาของหล่อน
จันทิวา เพื่อนในห้องเรียนเดียวกับหล่อน มาเรียนแต่ละที ถือกระเป๋าแบรนด์เนมมาชนิดไม่ซ้ำแบบ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด แว่วว่าราคาหลักสองสามหมื่นทีเดียว แล้วไหนจะรองเท้าสวยหรูมียี่ห้อนั้นอีกล่ะ
หล่อนเห็นแล้วกรีดร้องในห้องหัวใจ ทำไมนะ ทำไม เราไม่มีแบบนี้บ้าง
ความใคร่รู้ถึงเงินที่จันทิวานำไปซื้อข้าวของพวกนี้มาใช้ แน่นอยู่ในอก ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ว่าจันทิวาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หรือมีฐานะทางครอบครัวแบบไหน
เพราะเพิ่งได้มาพบเจอกันครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัยนี่เอง แต่ทุกคนชื่นชอบในความสดใสร่าเริงและไม่ถือตัวของจันทิวา
ส่วนหล่อนหรือชื่นชอบ ข้าวของทุกชิ้นที่จันทิวาใช้
"กระเป๋าLouis Vuitton ใบใหม่เหรอ สวยจัง" หล่อนถามทันทีที่จันทิวาเดินหิ้วกระเป๋าแบรนด์หรูมาวางบนโต๊ะที่หล่อนนั่งอยู่
"ใช่จ้ะ เพิ่งได้มาใหม่" จันทิวาตอบน้ำเสียงเรียบ แล้วหย่อนก้นนั่ง ลงเก้าอี้ตรงข้ามกับหล่อน
คนถามเองหารู้ไม่ว่าของแบรนด์เนมทุกอย่างที่ จันทิวาใช้ ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้น
"สายฝนอยากได้แบบนี้ไหม" จันทิวาถามหล่อน
"อยากได้สิ สวยแบบนี้ใครจะไม่อยากได้ แต่เราไม่มีเงินซื้อหรอก ไม่ได้รวยเหมือนวานิ"
"บ้าน่า เราทำงานซื้อเองต่างหาก" จันทิวาตอบเสียงใส ปลายเสียงหัวเราะเบาๆ
หล่อนอยากรู้นักว่าจันทิวาทำงานอะไรถึงมีเงินซื้อ ของพวกนี้ จึงเอ่ยปากถาม
"วาทำงานอะไร ถึงได้เงินมาเยอะ ซื้อของแบบนี้ได้"
จันทิวาโน้มหน้าเข้ามาชิดหล่อนแล้วบอกงานที่ทำ หล่อนทำท่าตกใจ แต่ก็สนใจในคราวเดียวกัน
"ได้เงินดีเหรอ" หล่อนถาม
"เรารับเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนัก พวกคนรวยมีตังค์ จ่ายหนัก ทิปหนัก" จันทิวายกขาไขว่ห้าง ขณะพูด
"วาได้ครั้งละเท่าไหร่ล่ะ" จะไม่ให้หล่อนอยากรู้ราคาได้อย่างไร ในเมื่อต้องขายที่นาแปลงน้อยผืนนี้ทีเดียวเชียวนะ
"ห้าหกพันอย่างต่ำนะ ไม่รวมทิป ถ้าเราลีลาดีลูกค้าก็ให้ทิปดี แหม..ไม่อยากจะโม้เลย ทิปเป็นหมื่นเรายังเคยได้มาเลย"
หล่อนตาโตกับยอดเงินที่จันทิวาพูดถึง
"ทำงานสบาย เราไม่ต้องไปอยู่ตามซ่องหรอกนะ จะมีลูกค้าติดต่อมาทางพี่ปลา แล้วพี่ปลาจะติดต่อมาที่เราอีกทีให้ไปเจอลูกค้าโรงแรมไหน
สวยสดใหม่อย่างสายฝนได้ราคาดีแน่ๆ ราคาสี่ห้าหมื่น คนอยากลองของใหม่ยอมจ่ายอยู่แล้ว ดีไม่ดี สายฝนอาจได้ทิปเพิ่มมาเป็นเท่าตัวเลยนะ"
สี่ห้าหมื่น...หล่อนแทบจะตัวลอยเมื่อนึกถึงราคาค่าตัวของตัวเอง หญิงสาวสดใหม่ที่ผู้ชายปรารถนา ทำเงินได้มากเพียงเลยหรือ
"จะมีใครยอมจ่ายมากขนาดนี้" หล่อนยังไว้ตัว สดใหม่เหรอ อยากหัวเราะให้ฟันร่วง ใช่ที่ไหนละ หล่อนนอนกับผู้ชายตั้งแต่อายุสิบห้า แล้วไหนจะเพื่อนชายที่ชอบแวะมาทำรายงานห้องหล่อน ทำรายงานไม่เคยสร็จ แต่เสร็จบนเตียงแทน
คิดแล้วขำ หญิงสาวสดใหม่เหรอ ยุคสมัยนี้ไปหามาจากไหนล่ะ
"ถ้าสนใจติดต่อมานะ นี่เบอร์โทรเรา"
จันทิวา วางกระดาษแผ่นเล็กที่มีเบอร์โทรทิ้งไว้ แล้วเดินจากไป
วันเสาร์โดยปกติ หล่อนต้องออกได้เที่ยวตามห้างสรรพสินค้า ส่องดูของสวยๆงามๆที่นึกอยากได้ แม้ไม่มีเงินซื้อของเหล่านี้ ได้มาเดินดูให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเป็นพอ
ทว่าวันนี้แตกต่าง หล่อนมาที่โรงแรมหรูซึ่งลูกค้านัดไว้ พี่ปลาซึ่งเป็นผู้จัดหาหญิงสาวมาเสิร์ฟลูกค้า เป็นผู้มาส่งหล่อนหน้าโรงแรม
"พี่มาส่งเธอครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ ต่อไปเธอต้องมาเจอลูกค้าเอง" พี่ปลาบอกหล่อนแล้วขับรถออกไป
พนักงานต้อนรับเปิดประตูให้หล่อน และหล่อนก็สอบถามห้องที่ลูกค้านัดไว้
ลิฟต์พาหล่อนขึ้นมาชั้นห้า ในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่ใช่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่รับงาน ลูกค้ารายนี้ยอมจ่ายห้าหมื่นเพื่อจะนอนกับหล่อน น้อยเสียที่ไหน หล่อนตอบรับทันที
หล่อนยืนเคาะประตู รอสักพักก็มีคนมาเปิดประตูให้ เป็นชายสูงวัยรูปร่างอวบอ้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่รอบเอว
หล่อนเดินเข้ามาในห้อง แล้วยกมือไหว้ลูกค้า
"กำลังอาบน้ำอยู่พอดี มาอาบน้ำด้วยกัน" ชายสูงวัยมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางพอใจไม่น้อย เขายกมือลูบผมหล่อน จากนั้นจึงเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อ ทั้งนอกและใน ก่อนจะพาร่างกายเปลือยเปล่าของหล่อนเข้าห้องน้ำ
แหม..จะอาบน้ำอย่างเดียวก็กระไรอยู่ เนื้อแนบเนื้อเลยพากันกินเนื้อตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ ก่อนจะพาเนื้อที่ชุ่มฉ่ำด้วยไฟราคะ มาเกลือกลิ้งกินบนเตียงต่ออีกสองสามรอบ
ลูกค้ารายแรกผ่านไปอย่างราบรื่น ง่ายๆแต่ได้เงินมาเป็นฟ่อน หล่อนเริ่มติดใจ
เงินนี้ทำให้หล่อนสามารถนำเงินไปซื้อเสื้อผ้าหรูที่หล่อนหมายตาไว้ หล่อนแทบตัวลอยเมื่อได้ใส่ชุดนั้น
หล่อนใส่ชุดใหม่ ไปเดินเที่ยวมตามสถานที่ต่างๆ อย่างอารมณ์ดี และเฉิดฉาย
หล่อนเริ่มออกไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆมากขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนที่เพื่อนชวนไปเที่ยวหล่อนจะปฏิเสธ เพราะขัดสนเรื่องเงิน
ไปเที่ยวน่ะ ก็ต้องใช้เงิน ไม่มีเงินใช้ จะไปเที่ยวได้ย่างไร อายเพื่อนตายเลย นึกแล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจ เหตุใดหนอ เหตุใดเราไม่มีเหมือนคนอื่น
หล่อนอาศัยอยู่กับป้าในห้องเช่าหลังเล็ก พ่อแม่ตายไปตั้งแต่หล่อนอายุได้สามขวบ มีป้าซึ่งเป็นพี่สาวพ่อ เลี้ยงดูหล่อนมา เลี้ยงแบบจิกหัวใช้ วันไหนไม่ได้ทุบตีหล่อน ป้าคงชักดิ้นชักงอเข้าสักวันแน่ๆ หล่อนคิด
ครั้นหล่อนโต จึงขอแยกมาเช่าห้องราคาถูกอยู่คนเดียวจากเงิน ที่ได้จากกองทุนกู้ยืมกยศ. และเลิกติดต่อกับป้ามาเป็นปีแล้ว
หล่อนเริ่มมีเงินเข้ามาเรื่อยๆ เพราะมีลูกค้าติดต่อกินเนื้อเพิ่มมากขึ้น จากคำบอกเล่าต่อๆกัน หล่อนแสนจะดีใจ มีเงินมากขึ้น อย่างไรก็ต้องดีใจ
โทรศัพท์ดังขึ้น หล่อนกดรับสายพี่ปลา
"มีลูกค้าติดต่อมาจ้ะ วันหยุดนี้ลูกค้าจะพาไปพัทยาสองคืน ไปไหม"
"ไปค่ะ ไปอยู่แล้ว"
หล่อนตอบตกลง พัทยาเหรอ นึกอยากไปเที่ยวนานแล้ว มีคนพาเที่ยวแบบนี้มีหรือจะปฎิเสธ จริงไหม
พี่ปลาบอกสถานที่ซึ่งลูกค้านัดให้หล่อนมารอ รถยนต์ยี่ห้อหรูจอดเทียบริมฟุตปาธ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดีเดินลงมาจากรถ
"คุณสายฝนใช่ไหมครับ" หล่อนพยักหน้า
หล่อนแทบกรี๊ดเมื่อรู้ว่าเขาคนนี้แหละ ที่จะเป็นพาหล่อนไปเที่ยวพัทยา
แอร์ในรถเย็นฉ่ำ พาใจหล่อนให้คิดอย่างเพลิดเพลิน หากได้เขามาเป็นแฟนจริงๆก็คงดีสินะ
"หิวข้าวไหม" เขาถามหล่อน
"หิวค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวแวะกินข้าวก่อน อ่อ ผมชื่อกรนะ"
เขาแวะร้านอาหารริมทาง พาหล่อนกินข้าวจนอิ่มแล้วค่อยขับรถไปพัทยา ทั้งสองมาถึงที่หมายราวๆบ่ายโมง
เขาพาหล่อนมายังบ้านพักหลังใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับทะเล มีระเบียงประตูกระจกอยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เป็นจุดชมวิวทะเล ณ จุดนี้ มีเก้าอี้พับสองตัว สำหรับนอนเล่น และสระว่ายน้ำเล็กๆอยู่ข้างๆ
"ที่นี่สวยจังเลยค่ะ"
หล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดว่ายน้ำทูพีชเหลืองดำ ยืนมองท้องทะเล ที่อยู่ไม่ใกล้นัก
"บ้านพักตากอากาศของผมเอง"
เขาเดินออกมา ท่อนบนเปลือย ท่อนล่างใส่กางเกงฮาวายสีน้ำเงิน เขาโอบกอดเอวหล่อน หน้าท้องชิดแผ่นหลัง
"ภรรยาคุณกรไม่ว่าอะไรหรือคะ ที่ อ่อ มากับฉัน"
หล่อนหยั่งเชิงถาม เพื่อต้องการรู้ว่าเขามีภรรยาหรือเปล่า
"เธอไม่รู้หรอกครับ ไปประชุมที่ต่างประเทศน่ะ กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้าโน่นแหละ"
เขาก้มลงจูบหัวไหล่หล่อน จูบเรื่อยมาจนถึงซอกคอไล่ไปจนหยุดที่ริมฝีปาก
"ไปเล่นน้ำกันดีกว่าค่ะ" หล่อนเอ่ยชวนทันที ที่หลุดจากการดื่มด่ำรสหวานจากปากเขา
ดวงดาวเปล่งแสงระยับระยิบเต็มม่านฟ้า สวยงามราวประกายเพชร ราตรีนี้ยาวนาน ทว่าหล่อนคงไม่มีโอกาสได้ชมดูความงดงามของคืนนี้ หรืออาจไม่มีโอกาสได้ชมอีกตลอดชีวิต
หล่อนนอนหอบหายใจแรง บทบรรเลงเพลงสวาทของเขา ทั้งสามรอบทำหล่อนเหนื่อย จนม่อยหลับลึกแบบไม่รู้ตัว
ในความหลับลึกอันดำมืด พาบางสิ่งบางอย่างอันน่าสะพรึง มาปลุกหล่อนให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในฝัน ความฝันที่พาหลอนมายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีเทา
ด้านหน้าหล่อนมีเตียงคนไข้คล้ายตามในโรงพยาบาลทั่วไป แต่ไม่มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม มีเพียงเตียงเหล็ก และยังมีรอยคราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
ด้านข้างเตียงมีโต๊ะเหล็ก บนโต๊ะมีมีดผ่าตัดทุกขนาด วางเรียงราย และมีดทุกเล่มมีคราบเลือด
หล่อนตกใจยกมือปิดปาก ความหวาดกลัวชนิดหนึ่งวิ่งเข้าเล่นงานหล่อน
"ที่นี่ที่ไหนกัน มีใครอยู่ไหม"
หล่อนตะโกนส่งเดช เผื่อจะมีใครได้ยิน สายตามองหาประตู เพื่อจะออกไปจากห้องนี้ และหล่อนเห็น เห็นแล้วประตู หล่อนวิ่งไปยังประตูที่ไม่มีลูกบิด
ประตูถูกล็อคจากด้านนอก หล่อนใช้มือทุบประตู กรีดร้อง ตะโกนขอความช่วย แต่ไร้สิ่งตอบกลับ
มีเพียงสิ่งเดียวที่หล่อนได้ยิน คือเสียงโหยหวน ร่ำไห้สุดแสนเจ็บ ที่ดังอยู่แค่ในลำคอ ทว่าไม่มีเสียงเปล่งออกมาทางปาก
หล่อนหันกลับมาดู และเห็นได้ภาพที่ชวนเขย่าขวัญประสาท หล่อนกรีดร้องลั่นด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ
หญิงสาวสี่คนถูกผ้าสีขาวพันรอบตัวคล้ายมัมมี่ มีเพียงศีรษะเท่านั้นที่ไม่ถูกพัน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ พวกเธอถูกด้ายเย็บปิดปากและดวงตา
หญิงสาวทั้งสี่ส่งเสียงโหยหวนในลำคอดังขึ้นดังดังขึ้นเรื่อยๆ
หล่อนสะดุ้งตื่นหัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว จนเหงื่อผุดตามฝ่ามือ หน้าผาก และแผ่นหลัง
ความกลัวในฝัน ตามมาเล่นงานหล่อนในยามตื่น หล่อนตื่นมาในห้องสีเทา บนเตียงเหล็กด้วยร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆห่อหุ้ม มือและขาถูกมัดติดเตียง
หล่อนพยายามดิ้น ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ขยับปากไม่ได้ ไม่สามารถอ้าปากพูดสิ่งใดได้เลย
หล่อนหันหน้ามองรอบห้อง และสิ่งที่หล่อนเห็นคือโลงศพกระจกวางเรียงกันสี่โลง และมีหญิงสาวสี่คนอยู่ภายใน พวกหล่อน เหมือนคนในฝันที่หล่อนเจอไม่มีผิด
หล่อนน้ำตาไหลพราก ดิ้นทุรนทุรายหาทางหนี
เสียงเปิดประตูดังขึ้น สักพักไฟในห้องพลันสว่างไสวขึ้นมา
กรกับผู้หญิงอีกคนเดินมาที่เตียง หล่อนขยับปากจะพูดแต่ทำไมได้ จึงเปล่งเสียงได้แค่ในลำคอ สายตากลอกกลิ้งมองกร เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ
"รายสุดท้ายแล้วนะ ผมไม่อยากนอนกับผู้หญิงคนไหนอีกแล้วนอกจากเมียสุดที่รักคนนี้" กรพูดกับผู้หญิงที่เดินมาพร้อมเขา ทั้งสองคนสบสายตามองกันหวานหยาดเยิ้ม แล้วจูบดูดดื่มยาวนานกว่าจะถอนริมฝีปากออกจากกัน
หล่อนมองดูน้ำตาร่วง ตัวสั่นไปทั้งร่าง
"ผมลืมแนะนำให้คุณรู้จักนี่คือ ผกาแก้ว เมียผมเอง"
ชายหนุ่มหันมาพูดกับหล่อน ผกาแก้วส่งยิ้มให้หล่อน แล้วหันไปพูดกับสามี
"ที่จริงฉันอยากได้มากกว่าห้านะคะ แต่แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว"
"ผมต้องออกไปแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ เชิญไปนั่งชมดาวของคุณต่อเถอะ"
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไป เหลือแต่ผกาแก้วกับหล่อน
ผกาแก้วยกมือลูบไล้เส้นผมคนบนเตียง
"เธอจะไม่เจ็บสายฝน ฉันฉีดยาชาที่ปากให้เธอแล้ว"
ผกาแก้วพูดไปด้วย ร้อยด้ายใส่รูเข็มไปด้วย หล่อนรู้ชะตากรรมว่าต้องโดนเย็บปาก หล่อนดิ้น กรีดร้องในลำคอ
แล้วผกาแก้วก็แทงเข็มลงที่ขาหล่อนทั้งสองขา
"ยาชาน่ะ ถ้าเธอไม่ดิ้นคงไม่โดน"
ผกาแก้วแทงเข็มแรกที่ริมฝีปากล่าง แล้วสอยเข็มขึ้นมาแทงเข้าที่ริมฝีปากบน เลือดไหลหยดตามรอยเข็ม
"เธอคงเห็นพวกเขาสี่คนแล้วนะ ของสะสมของฉันน่ะ จริงๆไม่ได้คิดจะสะสมอะไรแบบนี้หรอก"
ผกาแก้วพูดไป มือก็ง่วนกับการเย็บปากหล่อนไปด้วย คนเย็บพิถีพิถันให้เส้นด้ายออกมาเรียงกันเป็นระเบียบ
จึงไม่รีบเร่ง เย็บอย่างใจเย็น เหมือนเวลาที่เรานั่งเย็บผ้าให้คนที่รัก เราจะมีความสุข และตั้งใจทำให้ออกมาดี สวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เธอคนแรกน่ะ แอบเป็นชู้กับสามีฉัน ฉันจับได้เลยจับมาทำมัมมี่ซะเลย โน่นแนะคนแรก"
ผกาแก้วบุ้ยใบ้ปากให้หล่อนหันไปมอง แต่หล่อนทำได้ที่ไหน
หล่อนกำลังคร่ำครวญร้องไห้ในใจ ร้องไห้ในอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย
ตอนนี้หล่อนนึกถึงป้า ญาติคนเดียวที่หล่อนมี ถึงป้าจะดุด่าทุบตีหล่อน แต่ป้าก็เลี้ยงดูหล่อนให้ข้าวให้ปลากินจนเติบโต และคอยปกป้องหล่อนเมื่อมีใครมาว่าหล่อนเสียๆหายๆ
หล่อนร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ป้าจะรู้หรือไม่ว่าหล่อนอยู่นี่ ป้าจะเป็นห่วงหล่อนไหม
"ทำไปทำมาฉันเริ่มติดใจ จึงให้กร ซื้อหญิงสาวขายบริการมานอนด้วย และนำมาเสิร์ฟบนเตียงเชือดให้ฉัน เมื่อจบการใช้งานแล้ว"
หล่อนอยากตะโกนด่าผกาแก้วว่าอีบ้า อีโรคจิต
"กรยอมทำหมดแหละ เพื่อฉัน และเพื่อเงินของฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันน่ะ ทายาทเศรษฐีพันล้าน กรน่ะไม่ไปไหนจากฉันหรอก"
อีบ้า หล่อนจิกตาด่าอีกระลอก
"เธอว่าฉันบ้าเหรอ....ไม่เอาน่า ไม่บ้าสักหน่อย ที่จริงฉันไปรักษาโรคจิตเวชที่โรงพยาบาลแล้วนะ หมอพวกนั้นที่รักษาฉัน คงคิดว่าฉันบ้าจึงจ่ายยามาให้ฉันกินเป็นหอบๆเชียวละ กินก็บ้าสิจริงไหม ฉันจึงโยนยาทิ้งและไม่ไปหาหมออีกเลย "
ผกาแก้วยิ้มหวานให้หล่อน
"เสร็จแล้วละ"
ผกาแก้วผูกปมที่ด้ายแล้วตัดด้ายออก
"อยากดูไหม สวยนะ"
หล่อนส่ายหน้า แต่ผกาแก้วหยิบกระจกส่องปากที่ถูกเย็บให้หล่อนดู
หล่อนกรีดร้อง ร่างชักกระตุก เมื่อเห็นภาพตัวเอง
"อย่าร้องเลยสายฝน ฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว"
ผกาแก้วก้มลงจูบหน้าผากหล่อน
"ฉันจะรมยาสลบให้เธอ จากนั้นจะเย็บปิดตา และผ่าท้อง ควักเอาเครื่องในออกมาให้หมด เธอจะได้เป็นมัมมี่ที่สมบูรณ์แบบไงจ๊ะ"
ผกาแก้วเดินไปหยิบ ที่ครอบจมูกมาจากชั้นวาง
"เธอรู้ไหม ทำไมฉันต้องเย็บปิดปากและตา ก็เพราะว่า เมื่อตายไปแล้ว พวกเธอจะได้หาทางกลับบ้านไม่ถูก ปิดปากไว้ พวกเธอจะไม่สามารถบอกอะไรใครได้ ถึงกลายเป็นผี ฉันก็ต้องกันไว้ก่อนนะ เผื่อผีเกิดปากโป้งนำเรื่องนี้ไปบอกคน"
ผกาแก้ววางที่ครอบจมูกบนใบหน้าหล่อน
"เธอควรสูดลมหายใจเข้าลึกๆนะ จะได้นอนหลับยาว ไม่เผลอตื่นขึ้นมาตอนฉันกำลังผ่าท้องพอดี และเธอไม่ต้องห่วงเรื่องเครื่องในนะ มันไม่สูญเปล่าแน่
ฉันจะเอาเครื่องในเธอไปสับให้ละเอียด แล้วต้มจนสุก จากนั้นก็จะนำไปแจกจ่ายให้สุนัขจรจัดได้กิน พวกมันคงมีความสุขมากแน่เมื่อท้องอิ่ม"
ผกาแก้วปล่อยยาสลบเข้าสายครอบจมูก หล่อนพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ความพยายามของหล่อน พาหล่อนหลับสนิทไปตลอดกาล
..จบ..
Post a Comment