ช่วยน้องป.1 รอพ่อกลับบ้าน
เรื่องราวที่ย้อนกลับไปในวัยเด็กย่านชนบทเมื่อเด็กคนหนึ่งที่เขาพบ ต้องการความช่วยเหลือ ในขนะที่เขายังเด็กนั้นเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นแฝงไปด้วยความหลอน "เรื่องช่วยน้องป.1 รอพ่อกลับบ้าน"โดยสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ย้อนกลับไปในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ
สมัยนั้น แถวๆบ้านผมเรียกได้ว่ายังเป็นชนบทอยู่ครับ
บ้านเรือนก็ยังมีไม่มากนัก บ้านแต่ละหลังก็อยู่ห่างกันพอสมควร
ไม่ได้สร้างติดกันจนแออัดเหมือนสมัยนี้
อย่างบ้านผมนี่ หลังบ้านติดทุ่งนาเลยทีเดียว
ตอนนั้นผมอายุ 12 ปี เรียนอยู่ ป.6 พอเลิกเรียนผมก็เดินกลับบ้าน
ไม่มีรถรับส่งเหมือนอย่างสมัยนี้หรอกครับ
แต่บางวันกว่าจะกลับจากโรงเรียนได้ ก็มัวแต่เล่นกับเพื่อนๆจนมืดค่ำถึงได้กลับบ้าน
และถ้ากลับถึงบ้านตอนท้องฟ้าไม่มีแสงเมื่อไหร่ ก็จะโดนแม่ตี ทุกครั้ง
ดังนั้นผมก็เลยต้องกลับบ้านก่อนมืดเสมอ
ทุกๆวันระหว่างทางกลับบ้าน ผมจะเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ละแวกบ้านผม
ประมาณช่วงต้นๆซอยหน่อย
เมื่อก่อนบ้านหลังนั้นเป็นร้านขาย พวกก๋วยเตี๋ยว พวกแกงเส้น ของหวาน
ตอนเด็กๆผมก็แวะกินบ้าง เวลาที่กลับจากโรงเรียน
แต่พอป้าคนขายที่เขาเป็นเจ้าของร้าน เสียชีวิตลง เขาก็ปิดร้านไปเลย
ไม่เห็นเขาเปิดร้านตรงนั้นอีกเลย
ช่วงหลังๆก็เห็นคนมาอยู่บ้านหลังนั้น ไม่รู้ว่าเป็นญาติหรือคนมาเช่าอยู่นะครับ
แต่ช่วงผมอยู่ ป6 นี่แหละครับ เวลาเดินกลับบ้านตอนเย็น
บางวันผมก็เห็น น้องผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุกนักเรียน นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน
คล้ายๆรอพ่อหรือแม่กลับมา
แต่ผมจำได้ว่าน้องเขาก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันกับผมนี่แหละครับ
เพราะตอนเข้าแถวหน้าเสาธงก็เจอน้องเขาอยู่บ้าง น้องเขาน่าจะเรียนอยู่ราวๆ ป.1
บางวันผมก็เห็นพ่อของน้องเขากำลังไขกุญแจเข้าบ้าน โดยมีน้องเขายืนอยู่ข้างๆ
แต่ก็ไม่เคยเห็นแม่ของน้องเขาสักทีนะครับ
นานๆครั้งผมก็เห็นน้องคนนี้นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน รอพ่อของเขา
จนชินตา และรู้สึกไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
จนกระทั่งวันหนึ่ง
หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมก็มัวแต่เล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนเพลินจนลืมเวลาเลย
พอมองดูท้องฟ้าอีกที พระอาทิตย์ก็เริ่มอัสดงแล้ว
"ตายห่าหละ จะมืดแล้วหรือ โดนแม่ตีแน่เลย"
พอคิดได้ก็รีบบอกเพื่อนว่า "กลับก่อนหละ เดี๋ยวแม่ตี"
ผมรีบกลับบ้านในช่วงเวลาที่โพเพ้ กึ่งวิ่งกึ่งเดิน จนมาถึงแถวๆ ซอยบ้านผม
พระอาทิตย์เริ่มสองแสงริบหรี่ บรรยากาศสะโหลสะเหล จนกดดันให้ผมต้องรีบเดิน
พอเดินมาใกล้จะถึงบ้านน้อง ป.1 คนนั้น
มองไประยะสายตาก็เห็นน้องเขานั่งเล่นอยู่ตรงหน้าบ้าน
ผมนึกในใจ " โหจะมืดค่ำแล้วพ่อเขายังไม่กลับอีกหรือนี่ "
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก รีบเดินกลับบ้านต่อ
พอเดินเข้าไปใกล้ๆ
น้องเขานั่งเล่นเหรียญบาทอยู่หน้าบ้าน
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวเก่าๆ หลังคาสังกะสี หน้าบ้านเป็นประตูที่เอาไม้กระดาน
หลายๆแผ่นมาเรียงกันเป็นประตู เวลาเปิดแผ่นไม้นั้นออกทุกบาน มันก็จะเป็นร้านโล่งๆ
ที่ใช้ทำร้านก๋วยเตี๋ยวสมัยก่อน
ข้างหน้าก็เป็นชานพักที่ยกสูงขึ้นมาสูงประมาณเข่า ชานพักนี้ก็ทำจากไม้แผ่นกระดานเก่าๆ ยาวไปตลอดแนว
น้องคนนั้นนั่งเล่นเหรียญบาท อยู่ตรงชานไม้หน้าบ้าน ปล่อยเหรียญให้กลิ้งไปตามแผ่นไม้ที่เป็นชาญบ้าน
ผมมองผ่านๆตา ไม่ได้ใส่ใจอะไร
พอเดินผ่านเข้าไปใกล้ๆผมก็เห็น เหมือนเหรียญบาท ที่น้องเขากลิ้งเล่น มันหล่นลงไปในช่องไม้
ที่มันวางเรียงกันไม่สนิท มันก็เลยตกลงไป ตรงช่องนั้น
แล้วก็เห็นน้องเขา รีบก้มลงไปส่องดูตรงช่องที่เหรียญนั้นตกลงไป
พอผมเดินไปใกล้จะถึง น้องเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วก็วิ่งลงไปที่ถนนหน้าบ้าน หยิบเศษไม้ ที่เป็นเหมือนไม้เสียบลูกชิ้น
แล้วก็วิ่งกลับไปที่ชาญพัก เอาไม้เขี่ยๆลงไปในรูที่เหรียญตกลงไป
พอผมเห็นก็หยุดดู
กะว่าจะเข้าไปช่วยน้องเขา
พอเข้าไปนั่งลงข้างๆน้องเขา ก็ถามน้องเขาว่า
มองเห็นหรือมันมืดแล้ว
น้องเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วก็ยิ้มให้
ผมก็เลยส่องลงไปตรงช่องที่น้องเขาส่องอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย มันมืดมาก
ก็เลยบอกน้องเขาไปว่า
"เอาอะไรมาขีดไว้ ว่ามันตกลงไปตรงช่องนี้ แล้วพรุ้งนี้ตอนเช้าค่อยมาหา"
"ตอนนี้มันมืด มองไม่เห็นหรอก"
น้องเขาก็เลยวิ่งลงไปที่ถนนอีก แล้วก็ไปหยิบเอา เศษถ่านก้อนดำๆ มา
แล้วก็มาขีดไว้ตรงช่องที่มันตก
พอทำเครื่องหมายไว้แล้ว
ผมก็เลยถามน้องเขาว่า "ยังไม่เข้าบ้านอีกหรือ จะมืดแล้วนะ"
น้องเขาก็บอกว่า "พ่อยังไม่กลับ "
ผมก็เลยพูดไปว่า "อ้าวแล้วไม่มีกุญแจเข้าบ้านหรือ"
น้องเขาก็ตอบว่า
" ไม่มี "
"แต่เคยเห็นพ่อเอากุญแจไปซ่อน ไว้ตรงหลังบ้าน "
ผมก็เลยแปลกใจ
"อ้าว รู้แล้ว แล้วทำไมไม่ไปเอาหละ "
น้องเขาก็บอกว่า เขาตัวเล็ก เอื้อมไม่ถึง มันอยู่สูง
ผมก็เลยบอกให้น้องเขาพาผมไปดูหน่อย มันอยู่ตรงไหน
พอน้องเขาพาผมเดินอ้อมไปตรงหลังบ้านไม้เก่าๆหลังนั้น
รู้สึกว่า ด้านหลังมันจะยกพื้นสูงไปอีกสเต็ปหนึ่ง
คือถ้าก้มตัวคลานไปตรงใต้ถุนบ้าน มันจะคลานเข้าไปได้ ในส่วนของตรงด้านหลังบ้านนะครับ
แต่ว่าด้านหน้าบ้านจะยกสูงแค่เลยเข่าไปนิดหนึ่ง
พอไปถึงหลังบ้าน น้องเขาก็พาผมมุดคลานเข้าไปใต้ถุงบ้าน แล้วก็พาไปหยุดอยู่ตรงเสาต้นหนึ่งที่อยู่แถวๆขอบตัวบ้าน
น้องเขาชี้ไปให้ผมดูตรงข้างบนที่เป็นพื้นบ้าน มันมีไม้แตกเป็นปล่องเล็กๆขนาดเท่ามือคนสอดเข้าไปได้
น้องเขาบอกให้มองลอดช่องนั้นขึ้นไป
ผมก็เลยค่อยๆเอาหน้าไปแนบที่ปล่องตรงนั้นแล้วก็มองขึ้นไป
ตอนนั้น บรรยากาศเริ่มค่ำแล้วแสงก็เริ่มริบหรี่ลง
จวบกับในตัวบ้านไม่ได้เปิดหน้าต่างอะไรด้วย ยิ่งทำให้ข้างในค่อนข้างมืดครับ
ผมกวาดสายตามองไปรอบๆก็เห็นผนังบ้าน เห็นเสาต้นที่ผมเอามือจับอยู่ยาวไปถึงหลังคา
แล้วก็เห็นพวงกุญแจ พวงหนึ่งห้อยอยู่ ตรงเสา
ดูๆแล้วมันก็ห้อยอยู่สูงพอสมควร ถ้าวัดจากตรงที่ผมยืนอยู่จากใต้ถุนบ้าน
ผมก็เลยบอกน้องเขาไปว่า "เห็นแล้ว ใช่พวงที่แขวนอยู่ตรงเสานี้ใช่ไหม"
น้องเขาก็บอกว่า "ใช่"
ผมก็เลยหันตัวกลับลงมา แล้วก็ค่อยๆสอดมือเข้าไปตรงช่องนั้นช้าๆ
พยายามนึกถึงตำแหน่งที่กุญแจนั้นห้อยอยู่ แล้วก็กะระยะ ว่ามันอยู่ประมาณไหน
แล้วก็ยืดแขนไปจนสุด
แต่รู้สึกเหมือนไม่ถึงครับ
ผมก็เลยค่อยๆยืดปลายนิ้วไปอีก ตวัดปลายนิ้วไปมา ควานหากุญแจไปรอบๆ
จนรู้สึกว่าปลายนิ้วผมมันเฉี่ยวไปโดนกับเหล็กอะไรสักอย่างเย็นๆ
ผมก็เลยบอกน้องเขาว่า อ้า.. จะได้แล้ว
แล้วผมก็เอียงคอจนหน้าติดกับใต้พื้นไม้ เหยียดแขนไปจนสุดไหล่
ตวัดนิ้วไปอีกที
คราวนี้ รู้สึกว่า นิ้วผมไปโดนพวงกุญแจ จนมันกระเด็นตกลงไปที่พื้นเลยครับ
พอได้ยินเสียงกุญแจตกพื้น ผมก็ตกใจ " อ้าวเอ้ย.. ตกไปไหนแล้ว"
พอได้ยินเสียงกุญแจตก
ผมก็รีบดึงแขนออกมาจากรู แล้วก็รีบเอาตาไปส่องดูกับรูไม้นั้น
พยายามเอียงให้สายตามองไปตามพื้น มองให้รอบๆ
แต่ก็มองไม่เห็นพวงกุญแจที่ตก
พอกรอกตามองขึ้นไปบนเสา ก็ไม่เห็นกุญแจพวงนั้นแล้ว
ผมก็เลย รีบก้มกลับลงมาหาน้องเขา
แล้วก็พากันคลานออกไปตรงหลังบ้าน
พอถึงตรงหลังบ้านผมก็พยายามมองหา ช่องที่พอจะส่องเข้าไปดูข้างในบ้านได้
เพื่อมองหากุญแจ ว่ามันตกลงไปอยู่แถวๆไหน
ผมยืนเล็งตำแหน่งให้ค่อนไปทางเสาบ้าน ต้นนั้น
มองหาช่องจะส่องไปมาอยู่พักหนึ่งก็ เห็นว่าพอจะมีช่องไม้ที่มันเป็นร่องต่อกันไม่สนิทอยู่
ก็เลยรีบเอาตาแนบส่องไปที่ช่องไม้นั้น
พอมองไป ในตัวบ้านก็เห็นพื้นบ้าน เป็นไม้สีออกดำๆเงาๆ ที่พื้นมีข้าวของตกอยู่กับพื้น
สองสามชิ้น
ผมพยายามย่อตัวลง กวาดสายตามองไปแถวๆโคนเสาที่กุญแจห้อยอยู่
แล้วผมก็เห็น พวงกุญแจนั้นตกอยู่กับพื้น
มันอยู่ใกล้ๆกับรอยต่อของพื้นกระดานพอดี
ถ้าเอาไม้บางๆสอดเข้าไปในช่องรอยต่อพื้นไม้นั้น
แล้วก็เขี่ยพวงกุญแจมาที่ปล่องที่เราไปเอากุญแจ
มันน่าจะทำได้นะ
ผมรีบหันไปบอกน้องเขาว่า ไปหาไม้บางๆยาวสักฝ่ามือ มาให้หน่อย
พูดจบ น้องเขาก็รีบวิ่งไปทางหน้าบ้าน
ผมก็เลยส่องช่องไม้นั้นเข้าไปดูกุญแจอีกครั้งหนึ่ง
แต่ขณะที่ผมกำลังมองดูกุญแจอยู่นั้น
อยู่ๆก็เห็นเหมือนกระป๋อง อะไรสักอย่าง มันกลิ้งเข้ามาอยู่ในแนวสายตาที่ผมส่องอยู่
แต่มันไม่เห็นอีกครึ่งหนึ่งของกระป๋อง
ผมพยายามเอียงหน้าส่องไปดูให้เห็น เต็มๆกระป๋องนั้นชัดๆ
แต่มันก็มองไม่เห็นเพราะมุมไม้ที่ส่องมันบังคับให้เห็นได้แค่นั้น
ตอนนั้นผมก็คิดในใจ เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นลมพัด
แต่แล้วอยู่ๆ กระป๋องนั้นมันก็เหมือนถูกคนดึงกลับคืนไปครับ
เหมือนถูกดึงพรวดหายไปอย่างเร็ว
เฮ้ย.. มีคนอยู่นี่หว่า
ผมนึกในใจ ปนตกใจ
สักพักก็ได้ยินเหมือนเสียงคน ลากเก้าอี้ขูดไปตามพื้นไม้เสียงดัง อยู่ข้างๆอีกด้านหนึ่ง
ผมตกใจ แทบจะกลั้นลมหายใจให้เบาที่สุด เพราะกลัวคนที่อยู่ข้างในจะรู้ตัวว่าผมแอบดูอยู่
ผมค่อยๆเดินย่องๆไปแถวๆ เสียงนั้นดัง
แล้วก็หาช่องที่จะพอส่องดูข้างในได้
พอเห็นช่องช่องหนึ่ง ผมก็รีบมองลอดช่องนั้นเข้าไปดูทันที
ปรากฏว่า
ปรากฏว่า
ผมเห็นหลังคนคนหนึ่ง เดินเข้าไปตรงบานประตูที่เปิดอ้าอยู่ ตรงห้องข้างๆ
ผมตกใจพรางนึกในใจ เฮ้ย ขโมยหรือเปล่าวะ
แล้วผมก็จ้องไปตรงแถวๆประตูที่เปิดอ้าอยู่
บานประตูมันบังช่องประตู ทำให้มองไม่เห็นข้างใน
ผมพยายามมองลอดช่องบานพับประตูเข้าไป ว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรอยู่ข้างในห้องนั้นไหม
แต่ก็ยังเงียบอยู่
ผมก็เลยมองไปรอบๆอีกที ถัดจากประตูที่เปิดอ้าอยู่ ตรงข้างหน้าผมเห็นเป็นเก้าอี้ตัวหนึ่งล้มอยู่
ที่พื้นมีของตกเกลื่อน คล้ายๆกระดาษโดนฉีก ขยำๆอยู่หลายแผ่น
ตอนนั้นบรรยากาศข้างในเริ่มมืดแล้วครับ แทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว
ใจผมเริ่มเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว มันมีอาการใจหวิวๆขาสั่นๆยังไงไม่รู้ครับ
แล้วสักพัก อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงบ้านสั่นครับ
มันสั่นครืนๆไปทั้งหลัง เหมือนมีคนเขย่าๆบ้าน
ผมตกใจ ตัวเกร็งไปทั้งตัว พยายามเอียงสายตามองไปทางประตูห้อง
ด้วยความอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรเกิดขึ้น
แล้วอยู่ๆผมก็เห็นผู้ชายร่างท้วมๆสูงใหญ่ เดินออกมาจากประตู
เดินออกมาแถวๆเก้าอี้ที่ล้ม ตอนนั้นมันเริ่มมืดจนมองหน้าเขาไม่ถนัดครับว่าเป็นใคร
แต่เหมือนเขาเดินมาก้มมองหาอะไรสักอย่างอยู่แถวๆนั้น
แล้วก็เดินกลับไปตรงประตูที่เปิดอ้า
ประตูบังตัวเขาไว้ เหมือนเขานั่งลงตรงข้างๆประตูแล้วมีแค่ส่วนหลังเขาโผล่มาให้เห็น
แล้วเขาก็ ร้องไห้ ฮือๆ ออกมา อยู่พักหนึ่ง
ก่อนจะเห็นเขายืนขึ้นเดินมาแถวๆเก้าอี้ที่ล้มอยู่ ในมือถือสายอะไรบางอย่างดำๆลากไปกับพื้น
แล้วเขาก็เดินผ่านเก้าอี้ตัวนั้นไป เดินหายไปทางเสาต้นที่แขวนพวงกุญแจ
ผมพยายามมองตามเขาไป แต่มันมองไม่เห็นครับ เพราะช่องไม้มันบังคับแนวสายตาอยู่
พยายามส่องเอียงๆไปมาก็ไม่เห็นชายคนนั้น
จนสักพัก เสียงดังตึง ก็ดังขึ้นอย่างแรงจนผมตกใจ
ผมรีบส่องกลับไปมองตรงเก้าอี้ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร
แต่อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมันแกว่งไปแกว่งมา อยู่แถวๆข้างบนสายตา
จนผมต้องรีบกรอกตาขึ้นไปดู
เท่านั้นแหละ หัวใจผมแทบจะหลุ่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ผมเห็นร่างดำทะมึน ตัวแข็ง ขาเหยียดยาว ผูกคอแขวนห้อยโตงเตงอยู่กับขื่อบ้าน
จนผมสะกดความกลัวไว้ไม่อยู่ ร้องออกมาจนสุดเสียง
ช่วยด้วย.. มีคนผูกคอตาย..
พอคว้ากระเป๋าได้ ผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที
แหกปากร้องไปตลอดทาง จนถึงบ้าน
พอถึงบ้านก็เห็นแม่ยืนถือไม้เรียวรอผมอยู่หน้าบ้าน
ผมก็รีบวิ่งไปหาแม่ รีบบอกแม่ ว่า "มีคนผูกคอตาย แม่"
แม่จากที่ตั้งท่าจะตีผม พอแกเห็นอาการผมแล้วก็ดูเหมือนตกใจ แล้วก็ถามว่า
ใคร ใครผูกคอตาย
ผมก็ตอบกลับไปว่า "พ่อน้อง ป.1 ที่อยู่ตรงบ้านป้าขายแกงเส้นอะครับ"
หลังจากที่ผมบอกแม่ไป ไม่นาน แม่ก็ไปตามน้าๆกับญาติๆที่อยู่ละแวกนั้น
ให้พากันไปดู บางคนก็ปั่นจักรยานนำหน้าไปก่อน บางคนก็วิ่งตามไปดู
ผมกับแม่กับพี่สาวพากันเดินตามไป
พอใกล้ๆจะไปถึงต้นซอย ก็มีชาวบ้านแถวนั้น
ออกมายืนดูพวกเรา แล้วก็ถามว่าเป็นอะไรกัน
แม่ก็เลยตอบว่า มีคนผูกคอตาย
พอผมกับแม่ไปถึง ก็เห็น ญาติผมกับคนละแวกนั้น ยืนอยู่หน้าบ้าน น้องป.1
แล้วน้าผมก็บอกว่า เข้าไปเลยไหม ประตูไม่ได้ล๊อค
ผมก็เห็นน้าผมผลักเข้าไปได้เลย ไม่ได้ล๊อคประตูไว้จริงๆ
พอเปิดประตูเข้าไปได้ ก็มีคนตามเข้าไปดูด้วย ผมกับแม่กับพี่สาวก็เดินตามเข้าไป
ข้างในมันมืดมาก เพราะเริ่มค่ำแล้ว ได้ยินแต่เสียงน้ากับชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า
เปิดไฟตรงไหน
เสียงอีกคนหนึ่งก็บอกว่า เดี๋ยวๆหาที่เปิดไฟก่อน
แล้วสักพัก แสงไฟก็เปิดพรึบขึ้น
เท่านั้นแหละ ผมมองไปตรงไฟที่สว่างอยู่ตรงโถงหลังบ้าน
ก็เห็นเป็นร่างคนห้อยโตงเตง หน้าเขี่ยวคล้ำ ลิ้นจุกปาก
เสียงแม่กับพี่สาว ร้องว้ายขึ้น รีบเอามือมาปิดตาผม
ได้ยินแต่เสียงแม่พูดว่า อย่าดู อย่าดู
ผมรีบเอามือปัดมือแม่ออก แล้วก็พูดว่า "เดี๋ยวๆ"
รีบมองไปตรงข้างๆประตูที่เปิดอ้าอยู่
เห็นเป็นเด็กใส่ชุดนักเรียน นั่งพิงอยู่กับผนังไม้ข้างๆประตู
สภาพคือ นั่งก้มหน้า เหยียดขาตรง หัวนี้เขียวบวมไปทั้งหัว
ผมร้อง เฮ้ย.. น้องป.1คนนั้นนี่
ขนผมลุกซู่ไปทั้งร่าง ทั้นที
วินาทีนั้นเสียงเอ๊ะอะโวยวาย ดังระงมอยู่ในบ้าน
เพราะมีบางคนก็ร้องออกมาเสียงดัง เหมือนจะบอกให้คนแถวนั้นรู้ว่ามีคนตาย
พี่สาวผมจับผมผลักออกมาข้างนอก บอกว่าเด็กออกไปก่อน
พอผมออกมาข้างนอก มองไปตรงหน้าบ้าน ก็เห็นคนเริ่มมายืนมุงดูกันแล้ว
ทั้งคนแก่คนหนุ่ม ลูกเด็กเล็กแดง ก็มายืนกันเต็ม
บางคนก็ถามว่า เป็นอะไรกัน
บางคนก็พูดว่า ไปตามกำนัน มาดูหรือยัง
ผมยืนอยู่กับพี่สาว ฟังชาวบ้านเขาคุยกันไปต่างๆนาๆ
แล้วน้าผมก็ออกมาจากข้างใน ก็มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง
น่าจะตายนานแล้ว ศพขึ้นอืดแล้ว
ข้างๆ ศพเด็ก เห็นแต่ขวด ยาโฟลิดอล (ยาฆ่าหญ้า)
กรอกไปหมดขวดเลย
พอผมได้ฟังนี่ ผมสงสารน้องเขามากเลย
คงทรมานมาก
ยังไง ก็ขอให้น้องไปสู่สุคติ ภพภูมิที่ดีๆนะ
ยังนึกถึงน้องไม่ทันไร
อยู่ๆก็เหมือนมีเด็กวิ่งแหวกกลุ่มคนมุงดู ตรงมาทางผม
ผมมองไป
อ้าว น้อง ป.1 คนนั้นนี่
ผมตกใจ เฮ้ย..
ชะงักไป ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะได้ยินเสียงน้องเขาถามว่า
"พี่ เขามาทำอะไรกัน"
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ
พอมองไปทางที่น้องเขาวิ่งมา ก็เห็นพ่อของน้องเขาเดินแหวกกลุ่มคนตามน้องมาติดๆ
แล้วก็ถาม พวกน้าผมว่า เกิดอะไรขึ้น
น้าผมก็ตกใจ
อ้าว.. ไม่ใช่คุณหรอกหรือที่ผูกคอตาย
หลังจากที่ พ่อของน้องป.1 เข้าไปดูศพแล้ว
เขาก็ออกมาเล่าให้พวกน้าฟังว่า
น้องชายเขาตกงาน ก็เลยพาลูกน้อยมาขออยู่ด้วย
ก็มาขออาศัยอยู่ได้สองสามวันแล้ว
ตัวเองก็เลยให้น้องชายอยู่ที่บ้านหลังนี้ไปก่อน
ส่วนตนกับลูกก็ไปอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง
แต่วันนี้ตัวเองต้องไปทำงานกลับดึก ก็เลยบอกให้ลูกมารออยู่ที่นี่
เพราะคิดว่า น้องชายก็อยู่บ้านนี้
ก็กะว่าเสร็จธุระแล้วก็จะแวะมารับลูกสักช่วงหัวค่ำหน่อย
แต่พอมาถึงแล้วก็ไม่คิดว่าน้องชายจะคิดสั้นแบบนี้
พอผมได้ฟังที่พ่อของน้องบอก ก็คิดถึงช่วงตอนเย็นขึ้นมา
ดีนะที่น้องเขาคิดว่าเข้าบ้านไม่ได้ ถ้าคืนน้องเขาเปิดประตูเข้าไป
แล้วไปเจอสภาพแบบนั้น สงสัยช็อคตาย
หลังจากยืนรอกำนันอยู่พักหนึ่ง ก็มีคนมาจัดแจงนำศพทั้งสองไปวัด
คนก็ถึงแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
พอกลับถึงบ้าน ผมก็ไปเล่าเรื่องนี้ให้พี่สาวฟัง คืนนั้น หมาหอนทั้งคืนเลยครับ
ผมกับพี่สาวกางมุ้งนอนด้วยกัน ไม่รู้ว่าใครนอนดิ้นไปอี่ท่าไหน
ดันโดนหูมุ้งขาด ทั้งผมกับพี่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมา เกี่ยวหูมุ้งใหม่เลย
พากันนอน ขดอยู่ในมุ้งแบบนั้นจนถึงเช้า
ตื่นเช้ามา ปรากฏว่าพี่สาวกลายเป็นคนไม่สบายไป เหมือนหนาวๆร้อนๆ
จนพ่อกับแม่ต้องพาพี่สาวไปวัด เพื่อรดน้ำมนต์
แม้ว่าจะได้คุยกันกับน้องคนนั้นไม่กี่ครั้ง
แต่มันก็รู้สึกเหมือนว่า เป็นคนรู้จักกัน คงเพราะเห็นน้องเขานั่งอยู่ตรงหน้าบ้านบ่อยๆ
วันนั้นผมรู้สึกดีใจมาก ที่คนเสียชีวิตไม่ใช่น้องเขา
เล่นเอาซะผมหายใจหายคอไม่ทั่วท้องเลย
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไป ผมก็ไม่เคยเห็นน้อง ป.1 มานั่งรอพ่อเขาอีกเลยครับ
แล้วบ้านหลังนั้นก็ถูกปิดตาย จนทรุดโทรมลงไปมาก
ทางเจ้าของเขาก็เลยรื้อบ้านหลังนั้นออกไปในที่สุด
จบ บริบูรณ์
เรื่องจากพันทิป ช่วยน้องป.1 รอพ่อกลับบ้าน
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735
Post a Comment