เจอดีก่อนวันสอบ


    "เจอดีก่อนวันสอบ" คงจะเป็นเรื่องดีถ้าหากเจอดีคงจะสอบได้แต่.... การเดินทางไปสอบต่างจังหวัดทำให้เขาต้องหาที่พักเพื่อตั้งตัวก่อนสอบ และเขาได้เจอดีเข้าให้ เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด  เดินทางมาสอบเรียนต่อที่จังหวัดใกล้เคียงจังหวัดหนึ่ง
ตอนแรกนัดเพื่อนไว้ว่าจะมาด้วยกัน แต่ผมดันไปหาเพื่อนสาย เพื่อนๆก็เลยเดินทางกันไปก่อน
ผมเลยต้องเดินทางไปจังหวัดนั้นเองคนเดียว
ตอนนั้นผมยังไม่มีโทรศัพท์ติดต่อเพื่อน มีแค่เบอร์โทรสถาบันที่ผมจะไปสอบ
กับแผนที่ ที่จะไปที่พักที่อยู่แถวๆหน้าสถาบัน

ตอนนั้นคิดว่ามันน่าจะมีที่พักเยอะพอจะให้นักเรียนมาเช่ากัน
แต่พอผมเดินทางไปถึง ก็เย็นมากแล้ว พอไปถามหาที่พักก็ปรากฏว่าเต็มหมดแล้ว
ว่าจะเดินหาเพื่อนๆ บางทีมันอาจจะพากันมาเช่าห้องกันแถวๆนี้ก็ได้
แต่เดินมองไปมองมาอยู่สักพัก ก็มีป้าคนหนึ่ง มาถามว่า จะมาหาที่พักหรือ
ผมก็บอกว่าใช่ครับ
ป้าแกก็เลยบอกว่า แถวนี้น่าจะเต็มหมดแล้วนะ ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นในเมืองเลย

หรือไม่ก็หมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ห่างไปประมาณ 5 กิโล


ผมก็เลยคิดตัดสินใจ ถ้าเข้าไปในเมืองก็ไกลเหมือนกัน
งั้นลองไปหาหมู่บ้านข้างหน้าดู


โดยนั่งรถสองแถวที่มันผ่านมา นั่งไปประมาณ 5 กิโล
พอขับไปได้สักระยะหนึ่ง รถสองแถวเล็ก มันเริ่มพาเข้าไปในทางที่เป็นถนนลูกรังครับ
ดูเปลี่ยวๆเลย แล้วในรถก็มีแค่ผมกับผู้โดยสารอีกสองสามคน
พอเข้าไปในป่าลึกเข้า ลึกเข้า คนก็เริ่มลงจากรถจนหมด
เหลือแต่ผมคนเดียว

เฮ้ยรถมันจะไปไหนวะนี่  ใจเต้นตุ๋มๆต่อมๆ

จนกระทั่ง อยู่ๆรถก็มาจอดนิ่ง อยู่ตรงบริเวณที่คล้ายๆตลาดนัดตอนเย็นๆ
คนขับตะโกนมาบอกผมว่า สุดระยะแล้ว
ผมก็เลยลงไปจ่ายตังส์ค่าโดยสาร
พอเดินจ่ายตังส์เสร็จ มองไปรอบๆ ก็เป็นหมู่บ้านในชนบท คล้ายๆหมู่บ้านที่ผมอยู่นี่แหละ
ตรงนั้นมีตลาดนัดตอนเย็นด้วย คนกำลังมาจับจ่ายตลาด ซื้อกับข้าวกัน
ผมก็เลย รีบเดินไปมองหา ตรงไหนที่พอจะมีที่ให้เช่าบ้าง
เดินไป สักพักเจอตรงไหนพอจะถามได้ก็ถาม ว่ามีที่พักให้เช่าไหม
เขาก็บอกว่าไม่มีให้ไปถามแถวข้างหน้าดู
ผมก็เดินไปเรื่อยเลยครับ ไร้จุดหมายมาก
รู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเลย ชีวิตทำไมต้องมาเจออะไรเคว้งคว้างแบบนี้ด้วย

ผมเดินไปแล้วก็ไปนั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงสี่แยก ใกล้ๆกับตลาดตรงนั้น
แบบว่าคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี
อยู่ๆ มีชายคนหนึ่ง ถามผมขึ้นว่า น้องมาหาที่พักหรือ
ผมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นคนอ้วนๆ ผมหยิกๆ
ผมก็เลยบอกว่าใช่ครับ น้าพอจะรู้จักที่พักให้เช่าบ้างไหม
ชายคนนั้นก็บอกว่า แถวนี้มันนอกเมืองแล้ว หายาก
ผมก็เลยบอกว่า ที่ไหนก็ได้ขอพักแค่คืนเดียว
ชายคนนั้นก็เลยบอกว่า เดี๋ยวพาไปพักบ้านญาติเขา  เป็นบ้านธรรมดานะไม่ใช่หอพัก
ผมก็เลยบอกว่าได้

เขาก็เลยพาขี่มอไซค์ไปส่ง


ผมก็นั่งมอไซค์ไปกับเขา เขาก็พาขับออกไปตามทาง ที่ดูเหมือนว่ามันจะออกจากหมู่บ้านนั้นไป
ทางก็เริ่มเปลี่ยวอีก
รู้สึกว่าไปไกลมาก ชนิดว่า เดินกลับมาคงเดินไม่ถึงอะ

ผมก็เลยตะโกนถามแกว่า ไกลไหม แล้วผมจะออกมายังไงตอนเช้า พรุ้งนี้ผมมีสอบ

คนขับมอไซค์ก็บอกว่า เดี๋ยวมีคนออกมาส่ง


ขับไปได้สักพักก็พาเข้าไปในวัดเลยคราวนี้ ผ่านวัด
ทะลุวัดออกหลังวัด เจอป่าทั้งนั้น  ต้นไม้ก็สูงใหญ่
บรรยากาศก็เริ่มสะโหลสะเหล
ขับเข้าไปลึกเลย ในใจผมตอนนั้น กลับใจยังทันไหมนี่ มันทำไมเข้าไปลึกอย่างนี้


จนกระทั่ง มอไซค์คันนั้นก็พามาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง
ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เก่าๆ มีพื้นติดดิน  หลังคาสังกะสี
พอจอดรถได้ ชายคนนั้นก็ร้องเรียกชื่อใครคนหนึ่ง
แล้วก็มี ผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมา
ได้ยินเหมือนพี่มอไซค์ทักชายคนนั้นไปว่า อ้าวกลับมาจาก กรุงเทพ วันไหน
แล้วเขาก็คุยกันนิดหน่อย ก่อนจะถามต่อว่า แล้วแม่เอ็งอยู่ไหม
ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่าแม่ไปธุระยังไม่กลับ

แล้วน้ามอไซค์คนนั้นก็บอกว่า พอดีมีน้องเขามาสอบแล้วหาที่พักไม่ได้
ว่าจะให้มาพักที่นี่ หาห้องให้น้องเขาห้องสิ
ชายหนุ่มคนนั้นก็คุยกับน้ามอไซค์กันไปมาพักหนึ่ง
แล้วก็หันมาหาผมบอกว่า อ้าวตามพี่เขาไปเลย
ผมก็เลยลงจากมอไซค์แล้วก็เดินไปแบบ งง

อะไรนี่ ..  คือ  ทำไม อะไร ยังไง  งง ไปหมด


แต่ก็ตามไป


เขาพาผมอ้อมเดินไปตามด้านข้าง แล้วก็ไปทะลุคล้ายๆสวนอะครับ
เดินผ่านสวนนั้นไป ก็มีคล้ายๆเป็นบ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียว

ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกผมว่า ลองดูก่อนนะ พักได้ไหม ไม่มีไฟฟ้านะ

พอเปิดประตูเข้าไปข้างใน
โอโห มันคล้ายๆห้องเก็บของอะครับ
ที่พื้นเป็นพื้นไม้ ข้างๆผนังมีคล้ายๆ แผ่นไม้กระดานวางเรียงๆกัน
แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้ ตู้เก้าอี้เก่าๆ วางอยู่ข้างๆผนังทั้งสี่ด้านเลย
เหลือแค่พื้นที่ตรงกลางที่โล่ง น่าจะเป็นพื้นที่สักประมาณ 3x2 เมตร น่าจะได้

พอเห็นแบบนั้น ชายหนุ่มก็มองมาที่ผม แล้วก็ถามว่า พอจะพักได้ไหม

ด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด มันก็เลยรู้สึกธรรมดาครับ แค่มีพื้นที่ให้นอนก็น่าจะใช้ได้
ก็เลยบอกพี่เขาไปว่า ได้ครับ
แล้วเขาก็บอกว่า ถ้าจะอาบน้ำ เข้าห้องน้ำอะไรก็มีอยู่ด้านหลังข้างนอก เดินอ้อมไป

ผมก็เลยรีบถามเขาว่า แล้วคิดค่าเช่าเท่าไหร่ครับ
ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเช่าหรอก บ้านเขาไม่ได้เปิดเป็นที่ให้เช่าห้อง
แล้วเขาก็เล่าให้ฟังก่อนจะไปว่า
เขาไม่ได้อยู่บ้านมานานแล้ว พึ่งกลับมาเยี่ยมบ้านในรอบห้าปี พอดีแม่ไม่อยู่
ถ้าแม่เขาอยู่จะให้พักอีกหลังหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องเก็บของ เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าแม่เขาเก็บกุญแจบ้านไว้ไหน
ก็เลยพามาพักที่หลังนี้ไปก่อน

พอคุยกันได้สักพัก ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวไปเอาไฟแช็คกับตะเกียงมาให้
ผมก็เลยเดินเข้าไปสำรวจในบ้านที่จะพัก

พอเข้าไปข้างใน ที่พื้นมีฝุ่นจับหนาเลย  แต่ข้างๆที่มีของวางๆสุมกันอยู่ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
มองไปเห็นมีเสื่อตั้งอยู่หลายผืน  ผมก็เลยเดินไปหยิบดู
แล้วก็มองไปที่พื้น  อืม ต้องหาผ้ามาถูพื้นหน่อย ค่อยปูเสื่อ

แล้วผมก็หาเศษผ้าแถวๆนั้น เดินอ้อมไปที่ห้องน้ำด้านหลัง
แล้วก็เอามาถูพื้น ช่วงที่กำลังถูพื้นอยู่ ชายหนุ่มคนนั้นก็เอาตะเกียงกับไฟแช็คมาให้ผมพอดี
พอถูกพื้นเสร็จ ปูเสื่อจัดที่จัดทางได้ ผมก็รีบไปอาบน้ำ ก่อน ก่อนจะมืดค่ำ

พออาบน้ำออกมาบรรยากาศก็เริ่มมืดแล้วครับ
ผมรีบจุดตะเกียง ทั้งๆที่ตัวยังเปียก เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่ นุ่งแต่ผ้าขนหนูหอบเสื้อผ้าอยู่แนบอก
พอใส่เสื้อผ้าได้ ก็เอานั่งสือมานั่งอ่านตรงเสื่อกลางห้อง
พอนั่งลงสักพัก สายตาเริ่มปรับให้ชินกับแสงสว่างแล้ว
ผมก็มองไปตรงข้างหน้าผม จ้องมองไปดีๆ
ก็เจอล้อเกวี่ยนไม้ใหญ่ๆเก่าๆ อะครับ วางพิงอยู่กับผนังบ้าน
มองไปด้านข้างอีกด้าน เหมือนมีโต๊ะตัวใหญ่ๆขาสูงๆ แล้วก็มีไม้แผ่นกระดานอะไรสุมๆกันอยู่รวมกับข้าวของอะไรเต็มไปหมด
รู้สึกด้านนี้มันจะมีของวางเยอะกินพื้นที่ออกมา มากกว่าครึ่งห้อง
แล้วก็หันไปมองด้านหลัง ก็มีคล้ายๆแม้กระดานวางเรียงๆกันอยู่เล็กน้อย
ตอนนั้นบรรยากาศเริ่มหัวค่ำ ก็ไม่รู้สึกอะไร

อ่านหนังสือไปได้สักพัก ก็รู้สึกหิว ก็เลยเอามาม่าออกมากิน
กินแบบไม่ต้องต้มอะครับ

เอามาขยำๆในซองแล้วก็กินเลย
นั่งกินอยู่สักพัก บรรยากาศก็เงียบมาก
อยู่ๆได้ยินเสียงพื้นไม้ ดัง เอี๊ยด..    เอี๊ยด....
คล้ายๆมีคนเดิน อยู่ตรงพื้นไม้ด้านใน ตรงที่ที่มีของวางเยอะๆอะครับ

ผมก็หันไปดู แสงจากตะเกียงมันไปไม่ถึง เลยรู้สึกว่าตรงนั้นมันจะมืดๆ สลัวสลัว
แต่ก็ไม่เห็นอะไร

สงสัยพื้นมันจะลั่นมั้ง อากาศมันเย็น ไม้คงลั่น


พอกินอิ่มสักพัก ก็รู้สึกหนังท้องตึง หนังตาหย่อน
ก็เลยคิดว่าจะนอนพักเล่นๆสักหน่อย แล้วก็ค่อยมาอ่านหนังสือต่อ
ผมก็เลยนอนลงไปกับเสื่อ เอาเสื้อผ้ามาหนุนหัว
นอนหลับตาทำสมาธิ คิดอะไรเพลินๆ

แล้วผมก็พลิกตัวนอนตะแคงไปฝั่งที่มีของวางอยู่เยอะๆ
พอลืมตาดูว่าหน้าเราจะไปชนกับอะไรหรือเปล่า
ปรากฏว่า มองไปก็เห็นเป็นขาโต๊ะ ตัวสูงๆ
ผมก็เลยเพ่งมองดูดีๆ เอ๊ะ  ทำไมขาโต๊ะมันแกะสลักลวดลายอะไรด้วยวะ
พอมองขึ้นไปตามขาโต๊ะ
เท่านั้นแหละ ผมก็สะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นมานั่งมองไปที่โต๊ะใหญ่ตัวนั้นทันที
พอชะโงกหน้าไปดูอีกด้านที่มันหันไปอยู่ด้านใน ขนผมลุกซู่
พร้อมกับเย็นสันหลังวาบ ขึ้นมาทันที
เพ่งมองดูดีๆแล้วปรากฏว่ามันไม่ใช่โต๊ะครับ มันเป็นธรรมาสน์เก่า


เฮ้ย... ของวัดทำไมเอามาเก็บไว้ที่นี่วะ

พอรู้ว่าเป็นธรรมมาสน์เก่าใจผมก็ เริ่มตุ๋มๆต่อมๆ
แต่ก็พยายามคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร หรอก
ก็แค่ของเก่าที่เขาไม่ใช้แล้วเท่านั้น
ผมก็เลยเอาหนังสือมาอ่านต่อ
อ่านไปได้สักพัก อยู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำด้านหลัง
ผมก็เลยรีบลุกขึ้นมองไปทางเสียงนั้น ในใจก็คิดว่า ดึกป่านนี้ใครมาอาบน้ำด้านหลังอีก

รอฟังอยู่สักพัก เสียงอาบน้ำ ก็ชัดเจนขึ้น เหมือนคนเอาขันตักน้ำราดตัว ไปหลายๆที
จากช้าๆทีละขันสองขัน จนมันดังถี่ขึ้นรัวๆ ไม่หยุดเลย

พอได้ยินแล้ว ผมก็ตกใจ คิดว่า ใครมันบ้าอาบน้ำแบบกระหน่ำขนาดนี้
ก็เลยรีบตะโกนไปทางผนังบ้านที่ติดกับห้องน้ำ

ใครอาบน้ำอะ นั้นใคร

แล้วเสียงอาบน้ำนั้นก็เงียบทันที
ผมมองไปทางผนังไม้เก่าๆตรงนั้น ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา


ขณะยืนรอคำตอบ ใจผมก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
แล้วผมก็ได้ยินเหมือนเสียงประตูห้องน้ำมันเปิดอะครับ ดัง แอ๊ด.... (ช้าๆ)
ผมนี่ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
แล้วก็รีบตะโกนถามไปอีก

นั้นใคร  ได้ยินผมไหม

พอไม่มีเสียงตอบอะไรกลับมา
ผมก็รีบถือตะเกียงไปเปิดประตู เดินอ้อมไปทางด้านข้างบ้าน
มองไปตรงมุมบ้าน ว่าจะมีใครเดินออกมาไหม
แต่ก็ไม่มีใครเดินออกมา จากด้านหลังตรงนั้น
ผมก็เลยค่อยๆเดินไปดูช้าๆ
พอไปถึงก็เห็นประตูห้องน้ำมันอ้าอยู่ แบบปิดไม่สนิท
พอเปิดประตูเข้าไปดูข้างใน
เฮ้ย..!
น้ำกับขันอะไรก็อยู่เหมือนเดิมปกติ เหมือนไม่มีใครมาอาบน้ำนะ
พอเห็นแบบนั้นเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีเลย
รีบปิดประตูห้องน้ำแล้วก็เดินกลับไปที่หน้าบ้านอย่างไว
พอมาถึงหน้าบ้าน มองไปทางบ้านที่พี่คนนั้นพาผมมาพัก เห็นแต่ตัวบ้านทะมึนๆ ไม่ได้เปิดไฟ
สงสัยจะเข้านอนกันหมดแล้ว

ผมรีบเข้ามาในบ้าน ปิดประตูอย่างเร็ว
รีบสวดมนต์ไว้พระ คิดว่ารีบๆนอนๆดีกว่า เดี๋ยวก็เช้าแล้ว

พอจะนอน ผมก็มองหาว่าในห้องพอจะมีมุ้งไหม
เพราะเด็กต่างจังหวัดจะรู้ดีว่า ถ้านอนไม่กางมุ้งแล้ว มันจะมีแมลงมาไต่เราตอนเรานอน
ผมก็เลยพยายามมองหาตามตู้เก็บของต่างๆ
แล้วผมก็มองไปเจอคล้ายๆเป็นตู้เก็บพวก ที่นอน หมอนหมี่ขิด เสื้อผ้า
แต่ว่ามันอยู่ด้านในลึกมาก
ผมต้องค่อยๆยกพวกเก้าอี้ เศษไม้ต่างๆ ไม้กระดาน ขยับออก
เพื่อเดินไปดูตรงตู้เก็บของใบนั้น ช่วงที่ยกของแล้วเดินเข้าไป
เจอฝุ่นหนาจนผมต้อง ไปเอาร้องเท้านักเรียนมาใส่ แล้วก็เดินไป
เหยียบกองไม้บ้าง เหยียบเก้าอี้ที่วางซ้อนๆกันอยู่บ้าง
จนไปถึงกองไม้กระดานที่มันวางทับกันขึ้นมาหลายชั้นจนเกือบๆถึงเอว
ผมก็พยายามจะปีนขึ้นไปเหยียบตรงแผ่นไม้พวกนั้น แล้วก็ข้ามไป
หาตู้ใบนั้นที่อยุ่ข้างหน้าผม
พอไปถึงตู้ ปรากฏว่า มันเปิดตู้ไม่ได้อีก
เพราะว่า พวกไม้มันวางขวางหน้าตู้อยู่
ผมก็วางตะเกียงไว้ข้างๆแถวนั้น แล้วค่อยๆยกแผ่นไม้พวกนั้นออกที่ละแผ่นสองแผ่น
สักพักก็เปิดตู้ได้ เล่นเอาเหงือผมออกมาท่วมตัวเลย
รู้สึกร้อนไปหมด
พอเปิดตู้กระจกอันนั้นได้ ก็เจอพวกหมอน ที่นอนแล้วก็มุ้งจริงๆ
ผมก็เลยถือหมอนกับมุ้งออกมา ปิดตู้ แล้วพยายามจะปีนกลับออกมา
อยู่ๆไม้กระดาษที่ผมเหยียบมันก็เกิดพลิก จนผมทรงตัวไม่อยู่
เท้าผมมันก็ลื่นไถลตกลงมากระแทกกับพื้นบ้าน ดัง ตึง
ตัวผมก็ล้มฟาดไปกับพื้นบ้าน ที่เป็นซอกเล็กๆ ตรงหน้าตู้ตัวนั้น
รู้สึกหัวผมจะโขกกับขอบไม้อะไรสักอย่าง ดังโป๊ก จนรู้สึกเจ็บที่ศรีษะไปหมด
ผมก็รีบเอามือกุมที่ศรีษะได้แต่หลับตากัดฟันนอนขดอยู่ตรงนั้นด้วยความเจ็บปวด

สักพักพออาการเจ็บเริ่มทุเลา ผมก็ค่อยๆลืมตา
มองไปข้างหน้าผม มันเป็นตัวหนังสือสีขาวรางๆ อยู่ภายใต้แสงสลัวสลัว
พอเพ่งดูดีๆอีกที มันเขียนว่า ชาตะ  มรณะ
ผมสะดุ้งโหยง รีบกวาดตามองไปตามแนวยาวทันที
เฮ้ย... นี่มันโลงศพ นี่

พอผมเห็นดังนั้นผมก็รีบลุกขึ้นมาคว้าตะเกียงปีนข้ามกองไม้กระดานกลับไปตรงที่ผมจะนอนทันที
หันกลับไปมองตรงผนังไม้มืดๆฝั่งที่ผมปีนกลับออกมา ขนก็ลูกซู่ขึ้น ข้างๆตัวผมเย็นยะเยือกไปหมด

ผมรีบมองหาที่จะเกาะหูมุ้ง พยายามรีบกางมุ้งให้เสร็จไว้ที่สุด
พอกางมุ้งเสร็จผมก็เอาตะเกียงไปตั้งไว้แถวๆล้อเกวียนเก่า ไม่กล้าดับไฟ
แล้วรีบเอาผ้าขนหนูที่ตากอยู่ มุดเข้ามุ้งไปอย่างเร็ว
พอคลุมผ้าขนหนู มันก็คลุมไม่ถึงขา จนผมต้องขดตัวเองให้ขาเข้ามาอยู่ใต้ผ้าขนหนู
ผมนอนหันหลังให้ทางที่มีโลงศพตั้งอยู่
คิดว่าคืนนี้ รีบๆข่มตาให้หลับจะดีกว่า

แล้วไม่นานผมก็หลับไป
มารู้สึกตัวอีกทีตอนปลายเท้าเย็นว๊าบ เหมือนมีลมพัดมาโดน
พอลืมตาตื่นขึ้น แสงตะเกียงยังส่องอยู่ในห้อง แต่ดูริบหรี่ลง
ผมมองไปทางปลายเท้า รีบขดเท้าเข้ามาในผ้าห่ม
พลางนึกในใจ ทำไมมันหนาวแบบนี้วะ ยังไม่เช้าอีกหรือนี่
ผมยกแขนเอานาฬิกาที่ข้อมือมาดู
โห ตีสองเองหรือ

ก็เลยรีบนอนต่อ หลับตาพยายามข่มตาให้หลับ
แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนข้างนอกมีลมพัดแรงมาก
เหมือนเสียงพายุ พัด ฟิ้ว ฟิ้ว แรงๆอะครับ
ผมลืมตา ฟังเสียงให้แน่ใจ
เฮ้ยฝนจะตกหรือ


พอหลับตาลงจะนอนต่อ อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน

ก๊อกๆ ก๊อกก๊อก

ผมตกใจมาก รีบลืมตามองไปทางประตู
นึกในใจ ดึกป่านนี้แล้วใครมาเคาะประตูวะ

เงียบรอฟังให้แน่ใจ ไม่นาน
เสียงเคาะประตูก็ดังอีก

ก๊อกๆ ก๊อกก๊อก

ผมก็เลยถามว่า ใครอะ  มีอะไร

แต่ก็เงียบไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา
ผมก็ตกใจมากรีบลุกขึ้นนั่งมองไปที่ตรงประตู
ตอนนั้นรู้สึกลมจะแรงขึ้น จนแสงจากตะเกียงมันเริ่มกระพริบๆแล้วอะครับ
พอเงียบไปได้สักพัก
อยู่ๆก็เป็นเสียงทุบประตู ดัง ตึงๆ ตึงๆ แรงๆเลยคราวนี้
ผมตกใจรีบถอยไปจนชิดขอบมุ้ง  พลางร้องถามไปอีก

ใครวะ มีอะไร

แล้วประตูมันก็ เริ่มสั่น เหมือนมีคนเขย่าๆอยู่ด้านนอก
จนกลอนประตูมันเหมือนจะหลุดเลยอะครับ

ผมก็ ยิ่งร้อง ใครวะ ใครวะ จะเอาอะไร
จนผมทนไม่ไหว ต้องรีบลุกไปเปิดประตู
เอาวะเป็นไงเป็นกัน
พอผลักประตูออกไป ลมแรงก็ประทะเข้าที่หน้าผมทันที
เฮ้ย..!
มองออกไปหน้าประตู
ข้างนอกมืดสนิท ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าประตูเลย
ผมรีบมองซ้ายมองขวา เห็นแต่ต้นไม้แถวนั้น ปลิวไปมาเพราะแรงลม
พอเห็นไม่มีใคร ผมก็ งง มาก

หรือว่าจะเป็นเพราะลมมันพัดอะไรมาติดประตูวะ

รีบปิดประตู ใส่กลอน  วิ่งกลับเข้าไปอยู่ในมุ้งอย่างไว
จะหลับไหมนี่
พอคุมโปงได้ ก็พยายามเอามืออุดหู ข่มตาให้หลับอีก
แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครับ
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
ผมตกใจลืมตาอยู่ในผ้าที่คลุมโปงอยู่ เงียบรอฟังว่ามันจะดังอีกไหม
สักพัก มันก็ดังอีก
ก๊อกๆ ก๊อกๆ

คราวนี้ผมก็ค่อยๆเปิดผ้าคลุมออกช้าๆมองไปตรงประตูนั่น
ใจเต้นแรงมาก  เพราะไฟตะเกียงมันริบหรี่ลงแล้วก็ สั่นไหวเหมือนจะดับแล้ว
ผมรีบเอาผ้าคลุมหัวทันที


แล้วเสียงประตูก็เขย่า กึกๆ กึกๆ อีก
ผมรีบเปิดผ้าดู หันไปทางตะเกียงที่กำลังจะดับ มองเห็นล้อเกวียนใหญ่ๆ
ที่วางอยู่ใกล้ๆ อยู่ๆมันก็ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมา

พอเสียงเขย่าประตูเงียบไป
ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นไปตรงล้อเกวียนใหญ่อันนั้น
ค่อยๆเหยียบที่ซี่ล้อเกวียนแล้วก็ปีนขึ้นไปเหยียบบนส่วนที่สูงที่สุด
ยืดแขนไปคว้าขื่อใกล้ๆ แล้วผมก็ดันตัวเองปีนขึ้นไปบนขื่นบ้าน
ค่อยๆไต่ไปนั่งตรงขื่นบ้าน แล้วพยายามหาช่องที่จะมองออกไปตรงหน้าประตู
จนไปเจอช่องไม้แตกเล็กๆ ที่พอจะส่องลอดไปได้
ผมก็เลยค่อยๆก้มตัวลงไปมองผ่านช่องไม้ตรงนั้น
มองไปเห็นตรงแถวๆหน้าประตู บรรยากาศมืดพอสมควร
แต่ก็ยังพอมองเห็นภาพรางๆบ้าง
ผมจ้องมองอยู่นานก็ไม่มีอะไร
ผมก็เลยลุกขึ้นมานั่งรอสักพัก
ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
ผมรีบก้มตัวลงไปส่องดูตรงหน้าประตูทันที

พอส่องดูไปที่หน้าประตู เหมือนมันมองไม่เห็นอะไรเลย มืดไปหมด
พยายามกวาดตามองไปมา จนไปเจออะไรบางอย่าง
ลักษณะเหมือนหยวกกล้วยยาวๆยื่นมาจ่ออยู่ตรงแถวๆหน้าประตู
ผมก็เลยรีบมองไปทางนอกบ้าน เพื่อดูว่า ใครยื่นหยวกกล้วยนั้นมา
เห็นมันยาวออกไปจนสุดแนวที่ผมจะมองดูได้แล้ว
แต่ก็ยังมองไม่เห็นว่าใครมาถือหยวกกล้วยอันนั้น
แล้วเสียงประตูก็ดัง ตึง ตึง ตึง ขึ้น
ผมตกใจรีบกวาดสายตากลับมาดูตรงหน้าประตูอีกที
พอมองไปตรงหน้าประตู ผมก็เห็นตรงปลายหยวกกล้วยอันนั้น
มันเป็นอุ้งมือใหญ่ๆกำลังตีประตูอยู่
เท่านั้นแหละ ขนหัวผมก็ลุกตั้ง เย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที
คุณพระช่วย นี่มันแขนนี่หว่า

พอรู้ว่าเป็นแขนประหลาดยาวๆ ผมก็รีบผงะออกมา
วินาทีนั้นได้แต่เกร็งไปหมดทั้งตัว
อยู่นิ่งๆไม่กล้าขยับไปไหน เหมือนกลัวมันจะรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้
พอเสียงตึงตังเงียบไป อยู่ๆแสงตะเกียงก็ค่อยๆดับลง
ผมรีบมองลงไปข้างล่างตรงตะเกียงตั้งอยู่
โอโห
คุณพระช่วย..
ผมเจอเงาดำทะมึน นั่งรายล้อมอยู่แถวๆ ธรรมมาสน์ เก่าเต็มไปหมด
แล้วตรงข้างบน ธรรมมาสน์นั้นก็มีเงาดำทะมึนลักษณะเหมือนพระ
แต่หัวโตเท่ากระด้ง นั่งอยู่ตรงนั้น
ตัวผมเย็นเฉียบ ทำไรไม่ถูก
และสิ่งที่ทำให้ผมต้องผวาสุดขีด ก็คือ
ตรงโลงศพ มีเงาดำทะมึนลักษณะเหมือนผู้หญิงผมยาว
ยืนคอตกผมปิดหน้า ลอยอยู่กลางอากาศ เหนือโลงศพ
เท่านั้นแหละผมตัดสินใจ กระโดดลงจากขือบ้าน
เท้ากระแทกพื้น  เสียงดัง ตึง สนั่นหวั่นไหว
ก่อนที่ร่างผมจะเซไปล้มอยู่แถวๆ ล้อเกวี่ยน
พอเเหงนมองกลับขึ้นไปตรงขือที่ผมโดดลงมา
ฉี่แทบราดเลยครับ
เพราะผมเห็นเงาดำทะมึน นั่งอยู่ตรงขือนั้น
ห้อยขาโตงเตง มองมาที่ผม ตาแดงก่ำ
เท่านั้นแหละ ผมก็ร้องขึ้นจนสุดเสียง
รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตู พยายามเปิดกลอนประตู
แต่เปิดไม่ออก ข้างหลังผมตอนนั้น เย็นยะเยือก
เหมือนมีใครมาหายใจรดต้นคอผมเลยครับ
พอเปิดประตูไม่ได้ ผมก็พยายามเขย่าๆประตูให้กลอนมันค่อยๆขยับ
วินาทีนั้น ผมค่อยๆหันไปดูด้านหลังผมช้าๆ
ปรากฏว่าในห้องมืดว่างเปล่า ไม่มีอะไร
แต่มองไปตรงด้านหลังห้องมืดๆ เหมือนมีอะไรดำๆ เป็นสายย้อยลงมา
ผมก็เลยมองขึ้นไปบนเพดานตรงนั้น
โอ้ ..
มันเป็นหัวผู้หญิงเปียกน้ำ ผมเปียกยาวลงมาถึงพื้น
ลอยอยู่บนเพดาน สะแหยะยิ้มมาทางผม
ผมก็เลยร้องขึ้นสุดเสียง ช่วยด้วย
พอเปิดประตูยังไงก็ไม่ออก ก็เลยตัดสินใจ ถีบเลย
ถีบไปสุดแรงเกิด จนประตูกระเด้งเปิดไปตามแรงถีบ
แล้วผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที

ผมรีบวิ่งผ่านป่าที่เป็นสวน ออกมาตรงบ้านพี่คนนั้น อย่างไว
พอถึงหน้าบ้านผมก็ร้องเอ๊ะอะ ไม่เป็นภาษา
จนหมาแถวนั้นอยู่ๆมันก็พากันหอนขึ้นมา พร้อมกัน
ผมรีบวิ่งไปเคาะประตูบ้านหลังนั้น
ช่วยด้วย  ช่วยผมด้วย
เคาะอยู่ตั้งนานก็ไม่มีใครขานรับ
จนผมมองไปดูที่ประตูบ้านดีๆอีกที
อ้าว.. มันล๊อคโซ่ไว้นี่

เฮ้ย... ไม่มีใครอยู่บ้าน

ผมก็เลยรีบวิ่งออกมาตรงถนน
มองหาแสงสว่างจากบ้านคนแถวนั้น น่าจะมีบ้านคนบ้าง
แต่ไม่มีเลยครับ
ผมเลยตัดสินใจวิ่งกลับไปทางที่ผมจำได้
ช่วงที่วิ่งไปหมาก็หอนกันตลอดทาง
จนเริ่มเห็นรั้ววัด ต้นไม้ก็เริ่มสูงใหญ่จนแถวๆนั้นดูยิ่งมืดมากขึ้น
พอวิ่งเข้าไปในด้านหลังวัดได้
ก็มองเห็นมีกุฏิพระอยู่ใกล้ด้านหลังวัด มีแสงไฟเปิดอยู่พอดี
เลยรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย
ผมพยายามพูดออกไปทั้งๆที่ยังหอบอยู่
สักพักก็เห็นประตูเปิดแง้มออกมาแล้วก็มีหน้าหลวงพี่โผล่มาดูผม
พอเห็นผม หลวงพี่ก็ถามว่า เป็นอะไร ทำไมมีเลือดเต็มหน้าเลย

พอถูกทักแบบนั้นผมก็รีบเอามือปัดดูตรงหน้า
แล้วเอามาดู โอ้โห เลือดจริงๆ
อ้าว ตอนที่หัวผมโขกกับไม้ตอนนั้น มันแตกหรอกหรือ
ผมก็นึกว่าน้ำเหงื่อ ตอนที่ผมยกแผ่นไม้พวกนั้นเสียอีก

พอผมนั่งลงตรงพื้นได้  ผมก็บอกหลวงพี่ว่า ผมโดนผีหลอกมา
แล้วก็เล่าให้หลวงพี่ฟัง ว่าไปพักที่บ้านหลังนั้นมา
พอหลวงพี่ได้ฟัง หลวงพี่ก็บอกว่า
บ้านที่ผมไปพักอะ เป็นบ้านของสัปเหร่อคนเก่า
แกเสียไปหลายปีแล้ว  ตรงแถวนั้น มีบ้านคนไม่กี่หลังหรอก
เพราะว่าเป็นหลังวัด
แล้วหลวงพี่ก็ถามว่า ผมเป็นอะไรมากไหมเพราะเลือดมันเริ่มจะออกมากแล้ว
หลวงพี่ก็เลยบอกให้ผมรออยู่ที่กุฏิตรงนี้ก่อน
แล้วท่านก็เดินไปหายไปสักพัก
แล้วก็กลับมา บอกผมว่า รอเดี่ยวนะ กำลังให้คนไปตามมอไซค์

รอสักพักก็มีคนขับมอไซค์มา แล้วก็พาผมไปทำแผล ที่ที่หนึ่ง
ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาลหรืออนามัย เพราะสถานที่มันเล็กมาก
พอทำแผลเสร็จเขาก็ให้ผมนอนรอจนถึงเช้า
พอเช้าผมก็นั่งมอไซค์กลับไปเอาของที่บ้านหลังนั้น
พอไปถึงบ้านพี่คนนั้นหน้าบ้านก็ยังล๊อคโซ่อยู่
ผมเดินไปในสวนตรงไปที่บ้านเก็บของหลังนั้น
ประตูยังเปิดอ้าซ่าอยู่
เดินเข้าไปข้างใน   แม้จะเช้าแล้วแต่แสงภายในห้องก็ยังสลัวสลัว
ผมรีบไปหยิบกระเป๋า แล้วก็เปิดมุ้งจะไปเอาผ้าขนหนู
พอเปิดมุ้งเข้าไปมองดูหมอน โอโห เลือดเต็มหมอนเลย
แล้วพอดูผ้าขนหนู ก็มีเลือดติดเหมือนกัน
พอได้ของแล้วผมก็รีบเดินออกมา ปิดประตู แล้วก็ไม่หันกลับไปมองอีกเลย
พอนั่งมอไซค์ออกมา
พี่วินมอไซค์ก็ถามว่า นอนบ้านหลังนั้นหรือเมื่อคืน
ผมก็บอกว่าใช่
แล้วพี่วินแกก็บอกว่า โห ไปนอนได้ไง บ้านนั้นมันร้างมาตั้งหลายปีแล้ว
ผมก็เลยแปลกใจ อ้าวหรือ
ก็เห็นพี่คนที่เขาอยู่บ้านตรงด้านหน้าพาผมไปพักที่นั่น
แล้ววินมอไซค์ก็บอกว่า
สงสัยเป็นลูกชายเขาพึ่งกลับมาเยี่ยมมั้ง
เลยยังไม่รู้ว่าเขาย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว


จบบริบูรณ์

เรื่องจากพันทิป เจอดีก่อนวันสอบ
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735

ไม่มีความคิดเห็น