มีอะไรที่ชั้น27


       "มีอะไรที่ชั้น27" เรื่องราวของ รปภ. คนหนึ่งที่เขามีหน้าที่เฝ้าตึกร้าง มีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อเกิดเรื่องหลอนบางอย่างที่น่าพิศวง เรื่องจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 นักเล่าเรื่องสยองแห่งพันทิป ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมเป็นคนต่างจังหวัด
ยังไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ช่วงรอหางานอยู่ที่ต่างจังหวัด
ทางลุงผมได้ติดต่อมา ถามผมว่า
อยากทำงานพาร์ทไทม์ไหม
พอดีทาง บริษัทที่ลุงทำงานอยู่ เขาต้องการคนอยู่พอดี
แกก็เลยนึกถึงผมขึ้นมา
ลุงอยากให้ผมลองมาทำงานนี้ไปก่อน
จนกว่าผมจะได้งานเป็นหลักแหล่งค่อยออกก็ได้

ลุงผมทำงานเป็น รปภ แกอายุมากแล้ว
แกบอกว่า งานสบายๆ นั่งๆนอนๆ เฝ้าตึกแค่นั้นเอง
ห้องก็ไม่ต้องเช่า มีทีพักให้ด้วย

ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปหาลุงตามที่แกนัด

พอไปถึง หลังจากทำเอกสารและรับชุดกับทาง บริษัทที่ลุงสังกัดอยู่แล้ว
ผมกับลุงก็เดินทางมาที่ อาคารที่ผมจะมาประจำหน้าที่

พอเดินทางไปถึง ก็ช่วงประมาณ เย็นมากแล้ว
เดินเข้าไปที่หน้าอาคาร ก็มี รปภ ออกมา ทำความเคารพลุงผม
ลุงผมแกเป็น หัวหน้าตรวจการณ์หนะครับ
แล้วลุงก็แนะนำให้รู้จัก กับ รปภ คนนั้น
มองดูแล้วก็ ยังวัยรุ่น อยู่ครับ น่าจะรุ่นราวคราเดียวกันกับผม
ลุงบอกว่า รปภ คนนี้เขาพึ่งมาอยู่ได้สองสามวันเหมือนกัน
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ลุงก็พาเดินเข้าไปในอาคาร

ผมเดินไปพลางมองบรรยากาศรอบๆไปพลาง
แหงนมองขึ้นไปดูอาคาร
โห มันเป็นอาคารที่สูงมากๆครับ  ไม่รู้ว่ากี่ชั้นนะ
แต่มองดูรอบๆดีๆอีกที มันเป็นอาคารร้างครับ
อ้าวตอนแรกมองดูไกลๆนึกว่า เป็นอาคารที่เปิดใช้งานแล้ว
เพราะมีกระจกหน้าต่างอะไร อย่างกะอาคารที่สร้างเสร็จใหม่ๆ

พอเดินเข้าไปในอาคารชั้นล่าง ก็ถึงเห็นสภาพที่ชัดเจนขึ้น
คือภายในเป็นผนังเปลือยเปล่าไม่ได้ตกแต่งอะไร

ลุงพามาหยุดคุยกันในห้องโถงชั้น1

ก็สรุปประมาณว่า
คือในแต่ละวัน จะมี รปภ เฝ้าอาคารนี้ อยู่ สี่คน
แบ่งเป็นกะกลางวันสองคน และกะกลางคืน2คน

ให้เฝ้าหน้าตึกคนหนึ่ง และเฝ้าในตึกอีกคนหนึ่ง
ก็ตรงที่เรานั่งคุยกันอยู่นี่แหละ

ส่วนใครจะอยู่กะไหนก็ให้ตกลงกันเอาเอง
เดี๋ยวจะให้เบอร์โทรอีกสองคนไว้

แล้วก็มีเงื่อนไขอีกว่า
ในแต่ละกะ จะต้องขึ้นไปตรวจตึก สองรอบด้วย

คุยกันอยู่พักหนึ่ง ลุงก็เลยพาเดินขึ้นไปดูจุดตรวจในแต่ละชั้น
พอเริ่มเดินบันไดขึ้นไป
ลุงก็บอกว่า ที่นี่มีทั้งหมด 30 ชั้น
ชั้นที่จะต้องไป แตะการ์ดตรวจจะอยู่ทุกๆ 5 ชั้น

พอเดินตามลุงออกมาถึงชั้น ลานจอดรถ
มันเเป็นชั้นที่ 5 พอดี ลุงก็บอกว่า
ก็ให้เอาตัวการ์ดทัวร์ ไปแตะที่แถบป้ายหน้าโถงลิฟท์
แล้วลุงก็พาเดินไปตรงหน้าลิฟท์
ผมมองไปมันก็เป็นประตูลิฟท์ที่ปิดอยู่

ผมก็เลยถามลุงว่า แล้วลิฟท์ใช้ไม่ได้หรือลุง
ลุงก็บอกว่า มันมีแต่ประตูลิฟท์แต่ว่า ข้างใน
มีแต่บ่อลิทฟ์โล่งๆ ไม่มีตัวลิฟท์หรอก

แล้วลุงก็พาพวกเราเดินขึ้นไปดูเรื่อยๆจนถึงชั้นที่เป็นส่วนของออฟฟิต
พอเดินออกมาจากบันได มองไปกวาดตามองซ้ายไปขวาทีเดียว
ก็มองได้หมดทั้งชั้นแล้วครับ
เพราะว่ามันไม่มีการกั้นห้องอะไรเลย เป็นพื้นที่โล่งๆ
แต่มีหน้าต่าง มีขอบผนังเป็นกระจกทั้งหมด แล้ว

ลุงก็พาเดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีสภาพแบบเดียวกันนี้ทุกชั้น
จนไปถึงชั้น ยี่สิบกว่าๆ เริ่มเหนื่อย
ก็เลยนั่งพักกัน

ผมก็เลยถามลุงว่า มันก็ไม่เห็นมีอะไรที่มีค่าเลยอะลุง
ทำไมต้องเดินขึ้นมาตรวจด้วย

ลุงก็บอกว่า เคยมีพวกวัยรุ่นมันชอบลักลอบ มามั่วสุมกัน
ก็ต้องเดินขึ้นมาตรวจ หรือบางที กระจกมันแตกเองก็มีบางชั้น
ยิ่งชั้นสูงๆ จะมีกระจกแตกเยอะ เพราะลมมันแรง

พอพากันเดินขึ้นไปประมาณชั้น 25 ขึ้นไป
เริ่มมีการก่อผนังบางส่วน แต่ก่อไม่เสร็จ
ผมเดินเข้าไปดู ก็จะเป็นคล้ายๆกำลังก่อห้องน้ำ

เดินขึ้นไปชั้น 26 ก็เริ่มมีกำแพงมากขึ้น ซอยเป็นห้องซับซ้อนจนดูมืดๆสลัวๆ
ลุงก็พาเดินดู แล้วก็บอกว่า ชั้นนี้กับชั้นข้างบนจะเริ่มมีกั้นเป็นห้องๆแล้ว

พอเดินขึ้นไปชั้น27 ปรากฏว่า เหมือนเขากั้นห้องอะไรเสร็จหมดแล้ว
แต่จากโถงลิฟท์จะเดินเข้าไปตรวจภายในชั้นนั้น
มีประตู ถูกปิดด้วยไม้อัด เลยทำให้เข้าไปข้างในไม่ได้

ลุงก็บอกว่า ชั้นนี้ เดิมเข้าใช้เก็บของ ข้างในน่าจะเป็นเก็บพวก กระจก
เขาก็เลยปิดตายไว้

พอถึงชั้นนี้ผมก็เลยรู้สึกปวดฉี่ เลยถามลุงว่า
แล้วห้องน้ำมันใช้ได้ไหมลุง ถ้าอยู่บนตึกแล้วปวดฉี่ทำยังไง
ลุงก็บอกว่า ตั้งแต่ชั้น 26 ขึ้นไปนี่แหละ
ก็ไปฉี่ได้ แต่ไม่มีน้ำนะ ก็ให้มันระบายลงมาตามท่อเอง
ผมก็เลยรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ข้างๆโถงลิฟท์
พอเข้าไปในห้องน้ำ
มีกระจก มีผนังห้องน้ำอะไรสมบูรณ์พอสมควรครับ
มีโถปัสสาวะ เรียงรายอยู่หลายอัน
ผมก็เลยรีบวิ่งไปฉี่
ช่วงที่กำลังทำธุระอยู่
อยู่ๆก็ได้ยินประตูห้องน้ำด้านหลังผมมันแง้ม ดัง แอ๊ดดดด.
ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
เพราะคิดว่ามันคงมีลมมีอะไรทำให้ประตูมัน ขยับเองบ้างหละ
พอทำธุระเสร็จ หันหลังกลับจะกลับออกมา
แล้วผมก็มองไปที่ประตูห้องน้ำโดยบังเอิญ
มีสีสเปย์พ่นเป็นสีแดงตัวใหญ่ ติดอยู่กับประตู "ผีดุ"
เห็นแบบนั้น ผมขนลุกเกรียวขึ้นมาทันทีเลย
รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำเลย

พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นลุงกับ รปภ ยืนรออยู่หน้าโถงลิฟท์
ลุงถามว่า เป็นอะไร
ผมก็บอกว่าเปล่าครับ
ลุงก้บอกว่า ทำไมผมตั้งอะ

ผมเลยเอามือจับหัวผมดู จริงๆด้วยครับ
รู้สึกผมของผมมันฟูๆ

ผมก็เลยรีบบอกลุงไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นของมันเอง

จากนั้นลุงก็พาเดินขึ้นไปดูชั้นอื่นๆต่อ
ชั้น 28 กับ 29  สองชั้นถูกแบ่งเป็นแค่สองโซน
ห้องด้านซ้ายกับห้องด้านขวา แต่ภายในยังไม่ได้ตกแต่งอะไร
ส่วนชั้น30 ก็เป็นชั้นสระว่ายน้ำ

หลังจากลงมาข้างล่าง
ผมก็เลยถามลุงว่า
แล้วทำไมอาคารนี้มันถึงร้างอะลุง
ก็เห็นสร้างจวนจะเสร็จหมดแล้วนี่

ลุงก็เล่าว่า อืม เดิมเจ้าของเขาจะสร้างเสร็จแล้วหละ
แต่ดันมาเสียชีวิตเสียก่อน แต่ทางบ้านเขา
ก็ดันมีแค่เมียกับลูกน้อยที่แบเบาะ ก็เลยบริหารงานไม่เป็น
สุดท้ายไม่รู้ทำอีท่าไหน ตึกนี้ก็เลยโดนธนาคารยึด

พอได้ฟังแล้ว
ผมก็อึ้งไปเลย
โห อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ว ทำไมให้โดนยึดง่ายๆแบบนี้หละ น่าเสียดายจริงๆ
ผมก็ได้แต่คิดในใจ

หลังจากนั้นลุงก็พาผมไปดูที่พักด้านหลังตึก
มันเป็นห้องเก็บของที่อยู่ติดกับห้องระบบไฟฟ้า
ห้องไฟฟ้าตรงนั้นมีโซ่ใส่กุญแจล๊อคไว้อยู่
ด้านข้างก็เป็นห้องที่ลุงบอกว่า พักที่นี่ได้
พอเปิดไปดู
ก็เจอที่นอนหมอนมุ้ง เสื้อผ้า หม้อหุงข้าว ของใช้อื่นๆอีกเพียบ
มันดูรกๆ ไม่น่าดูเลย จนผมถึงกับผงะ

ผมก็เลยถามลุงว่า ของของใครอะลุง
ลุงบอกว่า ของ รปภ คนก่อน
อยู่ๆเดือนที่แล้วมันก็โทรมาบอกว่า ลาออก แล้วมันก็หายไปเลย
ทิ้งข้าวของไว้ อย่างที่เห็นนี่แหละ

หลังจากที่คุยธุระเสร็จแล้ว
ก็สรุปกันว่า ให้ผมเข้าเวรกะเช้าไปก่อนสองอาทิตย์
แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นกะกลางคืน
พอลุงกลับไป ผมก็เข้าไปเก็บทำความสะอาดห้องพัก
ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเสื้อผ้าต่างๆของคนที่อยู่เดิม
ผมก็เก็บยัดๆใส่ถุงพลาสติกไว้แล้วค่อยเอาไปทิ้ง
ช่วงที่กำลังเก็บกวาดห้องอยู่
กวาดขยะไปมาอยู่แถวๆปลายเตียง
อยู่ๆก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งร่วงลงมาจากชั้นวาง
ก็เลยก้มไปหยิบขึ้นมาดู
มันเป็นเศษกระดาษยับๆ ถูกฉีกเหลือครึ่งแผ่น
แล้วก็มีข้อความเขียนอยู่ในนั้น
ดูแล้วเหมือนรีบๆจด จนแทบอ่านไม่ออก
บางคำก็มีหมึกจางๆ เหมือนปากกาหมึกกำลังจะหมด
พยายามอ่านอยู่นาน ก็มีประมาณคำว่า

เลือดหมาดำ
คือวันเพ็ญ
ธูป30ดอก

พออ่านแล้วก็ งงๆ มันคืออะไรหว่า
พอไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยขยำๆทิ้งไป

หลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จ ก็ค่ำพอดี
ก็เลยจะไปอาบน้ำ
ห้องน้ำ มันจะต้องเดินอ้อมไปตามถนนทางออก
จะอยู่ช่วงกลางๆตัวอาคาร
ก็ไม่ไกลจากป้อม ที่ รปภ นั่งอยู่ด้านหน้า


ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในซอกที่มีห้องน้ำ
ผมก็มองไปที่ป้อม รปภ ก็เห็น รปภ นั่งอยู่ที่ป้อม
มีไฟจากเสาไฟฟ้าใกล้ๆ ส่องอยู่บริเวณนั้น  สลัวๆ
แต่บรรยากาศก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ก็เลยเดินเข้าไปในห้องน้ำ
พอเข้าไปในห้องน้ำ สภาพก็ดูแย่เหมือนกัน
ไม่มีฝักบัว ไม่มีถังรองน้ำ สำหรับอาบน้ำ
มีแต่โถส้วมกับถังรองน้ำเล็กๆอยู่ข้างๆกัน
มีพื้นที่พออาบน้ำได้อยู่ด้านหนัานิดเดียว
เวลาอาบ ต้องเปิดก๊อกน้ำแล้วนั่งยองๆให้น้ำจากก๊อกโดนตัวเรา
ก็ค่อนข้างทุลักทุเลอยู่ครับ
สาละวนกับการอาบน้ำอยู่ไปมาสักพักหนึ่ง
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เหมือนเสียงมันดังมาจากข้างในตึก
อยู่ข้างๆผนังนี่เอง
เป็นเสียง เหมือนคนทำอะไรหล่นลงพื้น  ก๊องแก๊ง  ก๊องแก๊ง
สะท้อนก้องไปมา
พอตั้งใจฟังอีกที ก็เหมือนมีคนคุยกันด้วย
แต่จับใจความไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไร
แต่มันรู้สึกเหมือนมีคน อยู่ในตึกเลย
พอเงียบฟังอยู่สักพัก ทุกอย่างก็เงียบตามด้วย
ไม่มีเสียงอะไร ให้ได้ยินอีก

อืม แปลกดี เกิดมาก็พึ่งจะเคยหูแว่วคราวนี้หละ

พออาบน้ำเสร็จ
เข้าห้องหุงหาอาหารกินแล้ว
ก็นอนเล่น พักผ่อน อยู่พักใหญ่ ก็หลับไป
มารู้ตัวอีกที ตอนได้ยินเสียง มีใครมาดึงประตู
ผมรู้สึกตัว สะดุ้งตื่น
แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป
ก็เลยถามว่าใคร
แต่ก็เงียบไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา
ผมก็เลยนอนต่อ ตอนนั้นในห้องมืดสลัวๆ
แต่ก็ยังมองเห็นบรรยากาศข้างในอยู่บ้าง
เพราะสายตาเริ่มปรับสภาพให้เข้ากับความมืด


นอนๆกำลังจะเคลิ้มหลับ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก
ผมก็สะดุ้งอีก
คราวนี้ไม่ได้ถามอะไร
รีบลุกขึ้นเปิดไฟ แล้วก็ไปเปิดกลอนประตู
ผลักประตูออกไปเบาๆ

แล้วผมก็เจอ รปภ ตัวผอมสูง ผิวขาว
ขาวจนดูหน้าเขามันซีดๆยังไงชอบกล

พอเห็นเป็น รปภ ผมก็เลยถามว่า มีอะไรครับ

เขาไม่ตอบอะไร
แล้วก็เดินหายไปทางฝั่งด้านหลังที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

ผมก็ได้แต่ งงๆ   "อะไรวะ มาเคาะประตูแล้วก็ไม่พูด"

สงสัยเป็น รปภ กะกลางคืน  เขาคงมาตรวจดูแถวๆนี้

รุ่งเช้า ผมก็ไปเข้าเวรกะเช้า
เจอ รปภ ที่อยู่กะกลางวัน ก็เลยคุยกันไปมาอยู่พักใหญ่
เขาชื่อ รปภ อาท เป็นคนอัธยาศัยดีคนหนึ่ง
คุยไปคุยมา ผมก็เลยเล่าเรื่อง รปภ เมื่อคืนให้เขาฟังว่า

เมื่อคืน มีอะไรแปลกๆ
อยู่ๆ รปภ ก็มาเคาะห้อง พอเปิดประตูไปดู
เจอ รปภ ยืนอยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่พูดอะไรซะงั้น

รปภ อาทก็เลยถามว่า คนไหน
ผมก็บอกว่าคนที่ ขาวๆผอมๆสูงๆอะ

รปภ อาท ก็ทำหน้า เหมือนนึกอยู่พักหนึ่ง
แล้วก็พูดประมาณว่า
คนไหน ผอมๆสูงๆเขาไม่เคยเห็นนะ

"เท่าที่เห็นก็มีแต่คนรูปร่างท้วมๆ ดำๆ"

พอพูดจบผมก็ ได้แต่ แปลกใจ
"อ้าว ไม่มีหรอกหรือ"

แล้ว รปภ อาท ก็พูดว่า

"แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะมาแทนกันก็ได้ บางทีถ้ามีใครลา
เขาก็ดึง รปภ จากที่อื่นมาเข้าเวรแทน"

พอได้ฟังผมก็เลย ได้แต่พยักหน้า
"อ๋อ ก็อาจจะเป็นไปได้"

หลังจากนั้น
เขาก็พาผมเดินดูรอบๆ ว่ามีอะไรบ้าง
แล้วช่วงสายๆเขาก็พาผมเดินขึ้นไปตรวจบนตึก


หลังจากเข้าเวรกะเช้ามาอยู่เกือบๆสองอาทิตย์
ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ที่ผิดปกติ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ลุงมาแจ้งว่า ได้ไล่ รปภ กะกลางคืนออกคนหนึ่ง
เพราะว่าเขาเสพยา
เสพยาแล้วหลอน จนวุ่นวายกันทั้งคืน ลุงก็เลยไล่เขาออก
แล้วก็บอกให้ผมย้ายมาเข้าเวรกะกลางคืนแทน
ส่วนกลางวันลุงบอกว่า
ไม่ค่อยมีอะไร ช่วงนี้จะให้มี รปภกะกลางวันแค่คนเดียวไปก่อน

วันนั้นช่วงสายๆ ผมยังเข้าเวรกะกลางวันอยู่
ก็เดินไปตรวจบนตึกตามปกติ
ขากลับลงมา ก็คิดว่า คืนนี้จะเข้ากะกลางคืน
เดี๋ยวอาจจะหาที่ หลบ งีบเอาแรงสักหน่อย
พอเดินลงมาเรื่อยๆ มองหาที่เหมาะที่จะพองีบได้
เดินลงมาจนมาถึงชั้น 8
ชั้น8 มันจะเป็นชั้นห้องเครื่อง
มันเลยดูมีหลืบ มีซอกหน้าประตูห้อง
ผมเลยเดินไปหาซอกที่พอจะนอนได้ ตรงชั้น8นี่แหละ
พอเดินเข้าไปในซอก ซอกหนึ่ง หาอะไรมาปัดตรงพื้น
จนดูสะอาดพอนอนได้
ผมก็ค่อยๆนั่งลง ขยับตัวจะนอน
ตรงด้านหลังผมเป็นประตูบานหนึ่ง
ตรงข้างๆด้านซ้ายมือเป็นผนัง แล้วที่ปลายเท้าผมฝั่งเดียวกัน
เป็นประตูอีกบานหนึ่ง
ช่วงที่นอนลงไป เท้าผมก็ไปโดนประตูที่อยู่ปลายเท้า
ผมก็เลยพิงเท้าไว้แบบนั้น
พอรู้สึกจะเคลิ้มหลับ
อยู่ๆเท้าผมมันก็รู้สึกเหมือนขยับ พร้อมกับได้ยินเสียง แกร๊ก
ผมรีบลืมตาดูตรงปลายเท้า
ปรากกฏว่า ประตูตรงปลายเท้าผมมันเปิดแง้มออกเองครับ

เฮ้ย...
ผมอุทานเบาๆ

แล้วก็รีบลุกขึ้นไปดู ว่าทำไมประตูมันเปิดเอง
พอดูตรงลูกบิด ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อคไว้
ผมก็เลยชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างในห้อง
มันเป็นห้องเครื่อง อะไรสักอย่าง
มีตู้ไฟมีท่อน้ำใหญ่ๆ เยอะแยะไปหมด

สักพักก็เลยเปิดประตูให้มีแสงสว่างส่องเข้าไปในห้อง
แต่ตรงนั้นมันเป็นซอกหลืบ มันก็เลยมีแสงน้อย
ผมก็เลยเปิดไฟฉายส่องเข้าไปในห้อง
พอเดินเข้าไปในห้อง ก็เริ่มได้กลิ่นอับ แล้วก็กลิ่นเหม็นๆแบบเค็มๆ
พอเดินเข้าไปได้สักพัก มองไปที่พื้นก็มองเห็น
เหมือนมีรอยรองเท้าแบบที่ รปภ ใส่ เหยียบย่ำอยู่แถวนั้นเต็มไปหมด
พอมองดูดีๆก็เหมือนมีรอยเท้าอะไรสักอย่าง
ที่กำลังตะเกียกตะกาย ขูดไปขูดมากับพื้น ปนอยู่ด้วย

อะไรวะนี่

ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องนั้นช้าๆ ฉายไฟตามรอยพวกนั้นไปเรื่อยๆ
จนมาเจอกับ คราบเลือดแห้ง เกรอะกรังอยู่ที่พื้น
ดูเหมือนจะเป็นกองเลือดหนาๆ เป็นลิ่มๆ แห้งอยู่

ผมตกใจมาก
พยายามฉายไฟมองไปรอบๆ ด้านหน้าตรงนั้น
มันเป็นท่อขนาดใหญ่สองท่อขวางหน้าผมอยู่
ถ้าจะเดินต่อไปก็ต้องปีนข้ามท่อด้านบนนั้นไป

ตอนนั้นใจเต้นแรงมาก
เอาไงดี
ยืนทำใจอยู่พักหนึ่งครับ
สุดท้าย ก็เลยตัดสินใจ เดินไปใกล้ๆท่อใหญ่ๆ
แล้วก็กระโดดเกาะท่อแล้วก็พยายามปีนข้ามไป
แต่พอแค่ตัวผมค้างอยู่หลังท่อ
ผมก็รีบเอาไฟฉายส่องไปดูด้านหน้าผมก่อนว่ามันมีอะไร
พอส่องลงไปดูที่พื้นเท่านั้นแหละ

คุณพระช่วย

ขนหัวผมลุกตั้ง  เสียวสันหลังขึ้นมาทันทีเลยครับ

สภาพที่เห็นคือ
กระดูกซีกโครงกับหัวกระโหลกสุนัข กองเกลื่อนอยู่ที่พื้นหลายสิบตัว

สภาพที่เห็นคือ
กระดูกซีกโครงกับหัวกระโหลกสุนัข กองเกลื่อนอยู่ที่พื้นหลายสิบตัว
พอเห็นสภาพแบบนั้น กลิ่นเหม็นเน่า สะอิดสะเอียนก็โชยมาเตะจมูกผมอย่างแรง
จนผมต้องรีบเอาต้นแขนมาปิดจมูก  แล้วก็ดันตัวเองถอยหลังกลับลงมาจากบนท่อ
พอโดดลงมาได้ ผมก็รีบวิ่งออกมาจากห้องนั้นทันที
พร้อมกับ วอ ไปหา รปภ ข้างล่าง ว่าเจอซากสุนัขตายเกลื่อนที่ชั้น8

-------------------
หลังจากนั้น ลุงผมก็มาดูห้องที่เกิดเหตุ ช่วงเย็นๆ
ลุงเข้าไปดูในห้องนั้นกับ รปภ กะกลางคืน และ รปภ อาท

พอออกมา แกก็บอกว่า  อย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
เดี่ยวแกจะให้คนมาทำความสะอาด เก็บกวาดซากพวกนั้น

ผมก็ถามลุงว่า ฝีมือใคร ใครเป็นคนทำแบบนี้ มันทำแบบนี้ทำไม

ลุงเงียบไป  ดูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูจากสภาพศพที่เน่าเปื่อย น่าจะตายมาเป็นเดือนแล้ว
แต่ละตัวที่ตายถูกตัดหัวขาดหมด "
………………………….
หลังจากล็อคห้องนั้นไว้แล้ว ก็พากันเดินกลับลงมา
ลุงกับ รปภ อาท  แยกย้ายกลับ
เหลือผม กับ รปภอีกคนที่เข้าเวร ต่อ

รปภ ที่อยู่กะกลางคืนกับผม เขาชื่อ รปภ สมหมาย
มีอายุมากกว่าผม พอสมควร แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก
คล้ายๆเป็นคนที่ถามคำตอบคำ
ผมพยายามถามว่า เคยเจออะไรแปลกๆที่นี่ไหม
หรือถามเรื่อง รปภ คนที่โดนไล่ออกเขาเป็นยังไง
พี่เขาก็เหมือนพูดแบบเลี่ยงๆจะตอบ
ผมก็เลยไม่ค่อยอยากเซ้าซี้อะไรกับแกมากนัก

ช่วงหัวค่ำ เขาให้ผมไปนั่งเฝ้าอยู่ที่ป้อมยาม ทางเข้าอาคาร
ส่วนเขาก็ดูแลภายในตึก
พอถึงเวลาที่จะเดินขึ้นไปตรวจตึก
รปภ สมหมาย ก็จะวอมาบอกผมให้ขึ้นไปตรวจตึกด้วยกัน

ช่วงกะกลางคืนเวลาตรวจตึก จะขึ้นไปสองคน
เพราะข้างบนไม่มีไฟฟ้า มันจะมืดมาก
แม้ว่าผมจะคุ้นเคยกับการเดินขึ้นไปตรวจบนตึกมาเป็นอาทิตย์แล้ว
แต่สภาพข้างบนตึกตอนกลางคืนนี่
บอกตรงๆ ถ้ามาคนเดียวผมก็ไม่กล้าขึ้นมาเหมือนกันครับ
มันวังเวงมากแล้วก็มืดไปหมด
ถ้าเกิดไฟฉายดับ นี่ คงเดินเคว้งอยู่บนตึกแบบมืดๆแน่

ยิ่งเดินขึ้นไปชั้นบนๆ ผมก็ยิ่งขนลุก
รอบๆข้างมีเสียงลมพัด และเสียงก้องสะท้อนของฝึเท้าที่เราเดินกัน
บางชั้นก็มีเสียง กึกๆกึก เหมือนมีใครเขย่าหน้าต่างบ้าง
เขย่าบานประตูบ้าง
พอเดินไปหาต้นเสียงที่มา ก็เห็นเป็นลมพัดหน้าต่างกระทบกับขอบหน้าต่าง
คือบางจุด ยางที่เป็นขอบหน้าต่าง เหมือนมันขาดหลุดรุ่ยอะครับ
เลยทำให้เกิดเสียงดังเวลามีลมผัดแรงๆมากระทบหน้าต่าง
เราเดินตรวจกันจนขึ้นมาถึงชั้นบนสุด พี่แกก็หยุดสูบบุหรี่อยู่บนนั้น
นั่งพักสักครู่ใหญ่ ก็พากันเดินกลับลงมา
ช่วงที่พากันเดินลงมา เราไม่ได้ตรวจดูตามชั้นอีก
คือก้มหน้าก้มตาเดินลงมาจากบันใดอย่างเดียว
พอมาถึงช่วงหนึ่ง อยู่ๆก็ได้ยินเสียง ก๊องแก๊ง
เหมือนมีอะไรตกอยู่ชั้นบนๆที่เราเดินผ่านมา
ผมหยุดฟังให้แน่ใจ ก็ได้ยินเหมือนเสียงกระป๋องกลิ้งไปกับพื้น
แล้วก็เงียบไป
ช่วงที่กำลังหยุดนึก  ว่าเสียงนั่นมาจากชั้นไหน
หันมาดู รปภ สมหมาย อีกที
พี่แกก็เดินลงบันไดไปหลายชั้นแล้วครับ
ผมก้มลงไปมองตามช่องบันได ก็เห็นแต่ไฟฉายแกสาดส่องไปมา
อยู่ข้างล่างผม
พอผมหันไปมองรอบตัว  บรรยากาศมันมืดมากจนขนผมลุกไปทั้งตัว
รีบเดินลงบันไดตาม รปภ สมหมาย ไป
พอผมรีบเดินลงมาจะตามทัน รปภ สมหมาย แล้ว
แต่ดูเหมือนว่า พี่แกจะเร่งฝีเท้าเดินไวขึ้นไปอีก
จนผมรู้สึกได้ว่า การเดินของแกมันไม่ชิวๆ เหมือนกับตอนเดินขึ้นมาแล้ว
ผมรีบก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อตามแกให้ทัน
รีบรักษาระยะห่างไม่ให้ทิ้งช่วงมาก
ตอนนั้นเสียงฝีเท้า ดัง พรึบ พรึบ พรึบ รัวๆ ถี่เร็วยิ่งขึ้น
จนผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติของการเดินแล้ว
ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาเดินอย่างไว
ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ในใจอยากถามแกว่า เห็นอะไร
แต่ก็ไม่กล้าถามตอนอยู่บนตึก
ผมเดินตามหลังพี่แกมาตลอดทาง
ดูพี่แก จะไม่หันหลังกลับมามองผมเลย
จนเหลือที่สามชั้นสุดท้าย
คราวนี้พี่แกวิ่งเลยครับ
พอเห็นพี่แกวิ่งผมก็ ตกใจที่แกเริ่มทิ้งช่วงห่าง
ผมก็เลยรีบวิ่งตามแก ลงมา
เสียงวิ่งป่นกับเสียงหายใจหอบ ดังก้องไปตามปล่องบัดได
ที่จะทะลุลงไปถึงชั้นล่าง
พอวิ่งลงมาจนถึงทางออกประตูชั้น1
พี่แกก็ผลักประตูออกไปทะลุโถงชั้นหนึ่งได้
ผมวิ่งตามมา ลมแทบจับ หายใจหอบ เสียงดัง
กำลังจะมองหาที่นั่งพัก ตรงโถงชั้นหนึ่ง
แต่มองไปที่ รปภ สมหมาย
แกไม่หยุดวิ่งครับ แกวิ่งออกไปนอกอาคารเลย
ผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เห็นแบบนั้น
ก็เลยตัดสินใจวิ่งตามแกออกไปด้วย
พอวิ่งตามแกออกมานอกตึกได้
ผมก็ร้องถามแกว่า  พี่ พี่ เห็นอะไร ทำไมถึงวิ่งหนีแบบนี้
รปภ สมหมาย กึ่งวิ่งกึ่งเดิน หันมาทางผม แล้วพูดว่า

"เปล่า   ปวดท้องจะเข้าห้องน้ำ"
ว่าแล้วแกก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำ

อ้าว ทิ้งให้ผมยืนเอ๋อ อยู่ตรงหน้าตึก
ผมก็เลยค่อยๆเดินกลับไปนั่งพักในโถงชั้นล่าง

ไอ้เราก็นึกว่าเจอดีอะไรเข้าให้ซะอีก รีบวิ่งหนีแทบตาย
ที่ไหนได้  พี่แกปวดท้องขี้

ตั้งแต่วันนั้น ผมก็เข้าเวรกะกลางคืนกับ รปภ สมหมาย มาตลอด
เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไรให้ระทึกขวัญ

จนกระทั่งวันหนึ่ง
ช่วงโพล้เพล้ ผมเอาข้าวมานั่งกินที่โถงชั้นล่าง
ตอนนั้น รปภ อาท กลับไปแล้ว แต่พี่ รปภ สมหมาย ยังไม่มา
ผมก็เลยนั่งกินข้าวไปตามปกติ
แล้วสักพัก ผมก็ได้ยินเหมือนมีเสียงคนคุยกัน
เสียงคนเดิน อยู่ข้างในตึกชั้นล่าง
ผมหยุดฟัง ให้แน่ใจ ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ อยู่ข้างในตึกอีก
น่าจะมีคนอยู่ข้างในจริงๆด้วย
ผมก็เลยเดินไปดูข้างใน
ตรงทางที่จะเข้าไปในตึก ถัดจากโถงที่ผมอยู่
จะมีประตูม้วนขนาดใหญ่ปิดอยู่ พอเข้าตรงนั้นไม่ได้
ผมก็พยายามเดินหาทาง ที่จะเข้าไปในห้องโถงชั้นใน
เดินไปตามช่องเล็กๆ มีประตูบานหนึ่ง น่าจะทะลุเข้าไปข้างในได้
แต่ว่ามันล็อคโซ่ไว้
ผมก็พยายามเดินหาทางเข้าต่อ
จนไปเจอผนังอันหนึ่ง มันมีไม้อัดตีปิดอยู่กับผนัง
พอมองลงไปที่พื้น ก็เห็นเหมือนมีช่องเล็กๆช่องหนึ่ง
ประมาณเอามือสอดเข้าไปได้
ผมก็เลยลองสอดมือเข้าไป แล้วก็ดึงไม้อัดแผ่นนั้นออก
ปรากฏว่า ไม้อัดมันก็เปิดอ้าออก ง่ายๆเลยครับ

อ้าว.. ทำไมหลุดง่ายจัง

พอมองดูที่กำแพงตรงนั้น มันก็เป็นช่องประตูแต่ไม่มีบานประตูครับ
ผมค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างใน
รู้สึกมันจะเป็นห้องอะไรสักอย่าง
แต่ข้างในมืดสลัวสลัว
ผมก็เลยเปิดไฟฉาย ฉายไปดูข้างใน
มันเป็นห้องเล็กๆเชื่อมกับทางเดิน เดินทะลุเข้าไปข้างในได้อีก
ผมก็เลยค่อยๆเดินเข้าไปดู
บรรยากาศ ตอนนั้นยังไม่มืดมากนัก พอจะมีแสงสลัวสลัวจากด้านนอกส่องมา
พอเข้าไปข้างในได้ มันก็เป็นทางบังคับให้เดินเข้าไปเรื่อยๆ
ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ มีผนัง มีห้องเล็กห้องน้อยสลับซับซ้อนพอสมควร
แล้วผมก็มาหยุดอยู่ตรงแถวๆห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
มองไป รอบๆ เห็นชุดเครื่องครัว ตู้สแตนเลส ชุดเตา ชุดตู้อบ
นี่มันน่าจเป็นห้องครัวนะ ผมค่อยๆเดินไปจนไปชนกับ
รถเข็นเล็กๆเท่าเอว ที่มีพวกถาดสแตนเลส  ช้อน ซ่อม
จนมันขยับ แล้วพวกของในนั้นก็ตกลงกระทบพื้น ดังก๊องแก๊ง
เสียงเหมือนกับที่ผมได้ยิน ครั้งแรกตอนที่มาอาบน้ำ
พอมองดูดีๆ ผมก็คะเนว่า ห้องครัวนี้ น่าจะติดกับห้องน้ำที่ผมอาบน้ำแน่เลย
แล้วผมก็เดินต่อไปอีก
ผ่านจากห้องครัวทะลุออกไปอีกห้องหนึ่ง
ผมเดินผ่านไปจนไปทะลุโถงชั้นใน
มันเป็นโถงใหญ่ โล่งๆ มีพวกท่อลมสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ยาวๆ กองอยู่กับพื้น
แล้วก็มีพวกเก้าอี้ พวกโต๊ะ วางกองกันอยู่เต็มแถวนั้น
พอกวาดสายตามองไปรอบๆ บรรยากาศเหมือนตอนห้างกำลังจะปิดอะครับ
พยายามมองหาว่ามีใครอยู่ในนี้ไหม
แต่ก็ไม่เห็นมีใคร
ผมก็เลยเอาไฟฉายส่องไปที่พื้น เพื่อตรวจดูว่ามีรอยเท้าใครมาเดินบ้างไหม
แต่สิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมต้องตกใจ
ที่พื้นมีหยดเลือดแห้งติดอยู่เป็นหย่อมๆ ผมค่อยๆเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
เห็นหยดเลือดนั้น หยดเป็นทางเลยครับ
ผมก็เลยรีบเดินตามหยดเลือดนั้นไป
บางช่วงมันก็มีเลือดน้อย บางช่วงก็มีหยดเลือดหนาตา
เดินตามไปเรื่อยๆ จนมาหยุด อยู่หน้าห้องห้องหนึ่งครับ
หยดเลือดนั้นหายเข้าไปในประตูนี้

ผมพยายามเปิดประตูเข้าไป แต่ดูเหมือนมันจะล็อคอยู่
ผมก็เลยหาอะไรแถวๆนั้นมาทุบลูกบิดประตูเข้าไป
จนกระทั่งเปิดประตูเข้าไปได้ มันเป็นห้องมืดๆห้องหนึ่งครับ
พอฉายไฟฉายเข้าไปในห้อง
ก็เจอ พวกถังดำๆ ทิ้งเกลื่อนอยู่ แล้วก็มีโต๊ะเก้าอี้อะไรสุมๆอยู่จนท่วมหัว
ผมมองไปที่พื้นมีคาบเลือดแห้งเกลอะกังอยู่เต็มพื้นไปหมด
ผมก็เลยค่อยๆเดินเข้าไปดูแถวๆถังดำพวกนั้น
เหมือนมันจะใช้ใส่อะไรมาสักอย่าง ดูจากคราบแห้งๆ ที่ติดอยู่ในถังเต็มไปหมด
ผมค่อยขยับเดินต่อไปอีก ชะโงกไปดูแถวๆกองเก้าอี้ พวกนั้น
ถัดไปอีกนิดหนึ่ง มีกระถางธูปใบใหญ่วางอยู่

อะไรวะนี่

ผมก็เลยค่อยๆข้ามพวกถังที่วางขวางอยู่เข้าไป
พอไปยืนอยู่หน้ากระถางธูป
มองไปที่กระถางธูป แล้วมองเลยไปทางกองเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่า จะมีอะไรบางอย่างอยู่ใต้กองเก้าอี้พวกนั้น
ด้วยความสงสัยผมก็เลยเดินไปดู ค่อยๆขยับเก้าอี้ที่วางอยู่ด้านบนออก
แล้วก็เจอเหมือนมีแผ่นไม้ มีโต๊ะ มีแผ่นเหล็กวางทับกันไปมาอยู่หลายชั้นพอสมควร

ตอนนั้นรู้สึกใจเต้นแรงมาก
"มันจะมีอะไรตายอยู่ในนี้อีกไหมนี่"

แล้วผมก็ตัดสินใจ ยกของพวกนั้นออกจนหมดเลยครับ
จนสุดท้ายเจอแผ่นไม้แผ่นหนึ่งวางอยู่กับพื้น
ผมก็เลยยกแผ่นไม้นั้นขึ้นมา
ปรากฏว่า ใต้แผ่นไม้นั้นมีกล่องสังกะสีเล็กๆที่ขึ้นสนิมแล้ว วางอยู่ครับ
ผมเลยหยิบขึ้นมาเปิดดู
พอเปิดดูข้างในกล่องนั้น ก็เจอหวีโบราณอันหนึ่งครับ
ผมเอามาดูใกล้ๆลักษณะเหมือนทำจากงาช้างครับ
ดูแล้วถึงจะเก่าแต่ก็สวยดี
ช่วงที่กำลังดูหวีโบราณอันนั้นอยู่
อยู่ๆเก้าอี้ที่กองๆท่วมหัวผมก็ล้มคลืนลง ส่งเสียงดังสนั่น
ผมตกใจรีบส่องไฟฉายไปทางเสียงนั่น
แล้วตาผมก็เห็นอะไรบางอย่างที่ผนังกำแพงครับ
คราบเลือดเต็มผนังห้องไปหมด
ผมรีบส่องไปฉายมองไปรอบผนังห้องทั้งสี่ด้าน และเพดานด้านบน

"คุณพระช่วย"

นี่มันเลือดทั้งนั้นเลยนี่

พอเห็นแบบนั้นผมก็รีบลนลานออกมาจากห้องนั้นทันที
พอออกจากห้องนั้นมาได้ มองดูบรรยากาศในโถงใหญ่
มันก็ทำให้ผมขนลุกชูชันขึ้นมาอีก
เพราะความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมด้านนอกแล้ว
ทำให้บรรยากาศในนั้น มองอะไรรอบๆแทบไม่เห็นเลย
นอกจากบริเวณที่มีลำแสงไฟฉายสาดส่องไป
ผมรีบเอาหวีใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วรีบเดินก้มหน้าก้มตา
ออกมาจากภายในตึกนั้นทันที

ช่วงที่เดินได้ยินเสียงหนูวิ่งชนโน่นชนนี่
จนเกิดเสียงดังเล็กๆ เป็นระยะ ระยะ
สงสัยเสียงที่เราได้ยินพวกของอะไรตกก๊องแก๊งในห้องครัว
อาจจะเป็นเสียงพวกหนูวิ่งชนของอะไรในห้องนั้นก็ได้

ผมรีบออกมาจากช่องที่ไม่มีประตู แล้วก็เอาไม้อัดปิดไว้เหมือนเดิม
รีบเดินไปห้องน้ำล้างมือล้างไม้ แล้วไปทานข้าวต่อที่โถงชั้นหนึ่ง
สักพัก รปภ สมหมาย ก็มา

ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วก็ทำตัวตามปกติ
และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มได้พบเจอกับเหตุการณ์แปลกๆนับตั้งแต่วันนั้นมา

เริ่มจากที่ช่วงรุ่งสางของวันที่ผมเจอหวี
ขณะที่ผมกำลังเดินตรวจดูรอบๆอาคารเล่น
รอบๆเเริ่มมีแสงสลัวๆของยามเช้า
จนมองเห็นถนนหนทาง ได้ไกลขึ้นแล้ว
ผมเดินผ่านไปทางห้องที่ผมนอน
แล้วก็อ้อมออกมาทางห้องน้ำ
มองไปที่ขอบฟ้าเห็นแสงพระอาทิตย์เรืองรอง ส่องแสงอ่อนๆ
ยืนดูอยู่สักพัก ช่วงที่กำลังจะเดินต่อ
หันมาดูที่อาคารร้างนั้น
มันก็ทำให้ผมใจหายวาบขึ้นมาทันที
เมือเจอร่างผู้หญิงคนหนึ่งยืนจ้องมองผมอยู่ที่ลานจอดรถชั้น3
ผมตกใจ จนต้องรีบหันไปมองจุดนั้นให้แน่ใจ
แต่ร่างนั้นก็หายวับไปแล้ว

ผมรีบนึกภาพแว็บสุดท้ายที่เจอ ว่าเห็นอะไร เราตาฝาดหรือเปล่า
มันเป็นภาะผู้หญิงผมยาวใส่ชุดแดงๆ เหมือนชุดคนจีน
หน้าขาวซีด  แต่ไม่เห็นหน้าตาเพราะว่าเขาอยูระยะไกลพอสมควร

ผมคิดว่าผมคงตาฝาดไปเอง หรือไม่ก็คงเกิดจากที่ไม่ได้พักผ่อน
ผมก็เลยพยายามไม่คิดอะไร

หลังจากออกจากเวรยาม ทุกๆวันผมจะต้องเปลี่ยนการเป็นอยู่
มาใช้ชีวิตช่วงกลางคืน ส่วนกลางวันผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่นอนครับ
แต่หลังจากผมเจอหวีอันนั้น ช่วงที่นอนอยู่ในห้องตอนกลางวัน
ผมมักจะได้ยินเสียงสิ่งของมันตกในห้องเป็นระยะ ระยะ
เป็นเสียงของตกดัง ป๊อกแป๊ก
จนผมต้องตกใจตื่นหลายครั้ง มองไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นมีอะไร
นอนๆอยู่ก็ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ไปกับพื้นบ้าง
ดัง ครืดดดดด
ผมก็ตกใจตื่นอีก มองไปที่เก้าอี้ มันก็นิ่งเงียบไม่ได้ขยับไปไหน
วันนั้นทั้งวันผมนอนหลับๆตื่นๆ เพราะเสียงประหลาดพวกนี้

ช่วงเย็นตืนมาผมก็ไปเข้าเวร ตามปกติ
ไปหาซื้อ กับข้าว แถวนั้น มากินในโถงชั้นล่าง
นั่งรอ รปภ สมหมาย
ช่วงสักทุ่มหนึ่ง แกก็มา
พอเดินผ่านรั้วประตูเข้ามา แกก็เลยไปเข้าห้องน้ำด้านหลัง
สักพักก็เดินเข้ามาในโถงที่ผมนั่งอยู่

แล้วแกก็มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดว่า
อ้าว.. แฟนกลับไปแล้วหรือ

ผมนี่ สะดุ้งเลยครับ รีบหันไปมองที่ พี่แก
แล้วก็ถามว่า  ใครพี่

พี่แกก็บอกว่า อ้าวเมื่อกี้ยังเห็น ผู้หญิงตัวขาวๆนั่งอยู่ข้างๆอยู่เลย

ผมตกใจ ใจหายวาบขึ้นมาเลยตอนนั้น
แล้วก็พยายามบอกพี่แกไปว่า ตาฝาดแล้ว
ผมไม่ได้พาใครเข้ามานะ

หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายไปประจำหน้าที่ใครหน้าที่มัน
แต่วันนี้รู้สึก รปภ สมหมาย แกจะคุยเก่งเป็นพิเศษ
ชวนผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตลอด

ซึ่งอยู่ด้วยกันมาหลายวันก็ไม่เคยเห็นพี่แกเป็นแบบนี้นะ
ส่วนใหญ่จะเงียบขรึม

หลังจากที่ขึ้นไปตรวจตึกกลับลงมา
แกก็ไปนั่งงีบอยู่ที่ป้อมยาม ด้านนอก
ผมก็นั่งอยู่ในตัวตึก
หายไปสักพักใหญ่ แกก็ วอ มาบอกผมว่า
ใครไปเปิดไฟ ในตัวตึก
แกเห็นไฟที่ชั้นลานจอดรถ เปิด สว่างทั้งชั้นเลย
ไล่ขึ้นไปตั้งแต่ชั้นสอง จน ถึงชั้น เจ็ด
ผมก็ถามให้แน่ใจ ว่าพี่แกเห็นจริงหรือ
พอแกยืนยันแบบนั้น
ผมก็เลยลองเดินไปดูที่ชั้นสอง
ปรากฏว่า มันมืดสนิท ไม่มีไฟส่องสว่างอะไรเลย
ก็เลย วอ กลับไป บอกแกว่า

"พี่ตาฝาดอีกแล้ว ไม่เห็นมีไฟสว่าง อย่างที่พี่บอกเลย"

ผมเดินกลับลงมา นั่งอยู่ที่โถงชั้นล่างเหมือนเดิม
สักพัก พี่แกก็ วอ มาอีก
บอกว่าจะไปเดินตรวจดูรอบอาคาร

แล้วไม่นานแกก็ไปเดินตรวจจริงๆครับ
มองไปก็เห็นแต่แกเดินไปมาอยู่ด้านนอก
ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
จนผ่านไปสักพักใหญ่
แกก็ วอ มาอีก
บอกว่า กำลังจะเดินไปตรวจรอบๆอาคาร

ผมก็ตอบรับทราบไป
พลางนึกในใจ  เฮ้ย.. พี่แกวันนี้ทำไมขยันจังวะ

จนดึกมากแล้วประมาณ เที่ยงคืนกว่า
ผมก็ยังเห็นพี่แกเดินวนไปวนมาด้านนอกอยู่เลยครับ
อะไรจะขยันปานนั้น

ผมนั่งงีบหลับไป อย่างลืมตัว
รู้สึกสะดุ้งตื่นอีกที ตอนมี วอ จาก รปภ สมหมายเข้ามา
ผมรีบ หยิบ วอ ถามกลับไป ว่ามีอะไร
รปภ สมหมาย ก็บอกผมว่า
แกอยู่ด้านหลังตึก
เมื่อกี้เห็นผู้หญิงแก่ เดินอยู่ที่บันไดลานจอดรถชั้นสอง
กำลังเดินขึ้นไปบนตึก ให้ผมรีบไปสะกัด

อะไรอีกวะนี่ ผมนึกในใจ
หวังว่าพี่แกคงไม่ตาฝาดอีกนะ

ผมรีบลุกจากเก้าอี้ แล้วรีบเดินขึ้นไปบนชั้นจอดรถทันที
พอถึงชั้นสองผมก็รีบส่องไฟฉายไปดูรอบๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร
ได้ยินแต่เสียง วอ เข้ามาบอกว่า
ให้ไปดูชั้นสี่ชั้นห้าเลย พี่แกบอกว่าเห็นผู้หญิงแก่กำลังเดินขึ้นไป
เดี๋ยวแกกำลังตามขึ้นมาดูด้วย

ผมตอบรับทราบ
แล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันใดไปดูทันที

พอไปถึงชั้นสี่ ผมก็รีบฉายไฟฉายไปดูรอบๆทั้งชั้น
ก็ไม่เห็นมีอะไร แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปดูชั้นห้าต่อ

ผมวิ่งขึ้นไปตรวจถึงชั้น6 ก็ไม่เห็นมีใคร
สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้า รปภ สมหมาย วิ่งตามผมขึ้นมา
ผมก็เลยหยุดรอแก
พอเจอ พี่แก ผมก็เลยถามว่า  เห็นจริงหรือ ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม
แกก็บอกว่าแกเห็นจริงๆ
ว่าแล้วแกก็วิ่งขึ้นไปดูต่อที่ชั้นบน
ผมวิ่งตามหลังแกขึ้นบันไดไป
ดูเหมือนแกจะไม่หยุดตรวจดูชั้นเจ็ดชั้นแปดเลยครับ
แกวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มเหนื่อย วิ่งบ้างเดินบ้าง
สักพักผมก็หยุดพักอยู่ที่ชานพัก
ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าแก วิ่งขึ้นบันใดห่างออกไปเรื่อยๆ
ผมก็เลย วอ ไปหา แก
พี่ผมรออยู่ชั้นนี้นะ ถ้าเจออะไรก็ วอ มาบอกแล้วกัน

แกไม่ตอบกลับ
เสียงฝีเท้าแกวิ่งหายไปไกลขึ้น จนสุดท้ายก็เงียบไป
ผมนั่งรออยู่ตรงชานพักบันไดชั้น 8
เดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเป็นชั้นที่ทำเป็นออฟฟิตแล้ว
ผมก็เลยค่อยๆเดินขึ้นไปช้าๆ พอถึงชั้นออฟฟิต
ฉายไฟฉายมองไปรอบๆ เป็นลานโล่งไม่มีอะไร
แล้วผมก็เลยนั่งรออยู่ตรงบันไดข้างๆโถงลิฟท์
ผมนั่งพิงผนังโถงลิฟท์ อยู่
มองออกไปตรงกระจก เห็นท้องฟ้าด้านนอก
อ้าว ..วันนี้พระจันทร์เต็มดวงหรือ
ผมมองพระจันทร์เต็มดวงอยู่ตรงนั้น ด้วยความรู้สึกดี
มิน่าบรรยากาศมันเลยดูไม่ค่อยมืดเท่าไหร่
ช่วงที่นั่งรอ รปภ สมหมายอยู่
อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียง ติ๊ง!!!
ผมตกใจ รีบหันหลังไปชะโงกดูตรงหน้าโถงลิฟท์
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ
มีลิฟท์ตัวหนึ่ง เปิดออก แสงจากข้างในตัวลิฟท์ ส่องออกมา
ทามกลางความมืดที่ปกคลุมอยู่ตรงนั้น
ผมตกใจ แทบช๊อค

ลิฟท์มันทำงานได้ไง ไหนว่าไม่มีไฟฟ้า

สักพักบานประตูลิฟท์ก็ปิดเข้า แสงสว่างที่ส่องออกมาก็หายไป
พร้อมกับที่ประตูปิด

เฮ้ย... ผีหลอก

ผมรีบ วิ่งร้องลั่น กระเสื-อก กระสนพาตัวเองหนีขึ้นไปตามโถงบันได
รีบ วอ หา รปภ สมหมาย

พี่ พี่อยู่ไหน ผมโดนผีหลอก

ไม่มีเสียงจาก รปภ สมหมายตอบกลับ
ผมรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่ดูเหมือนบันไดที่มีรูปแบบซ้ำๆกัน
มันจะทำให้ผมรู้สึกว่า วิ่งไปไม่ถึงไหนเลย
จนขึ้นมาเกือบถึงชั้นที่สิบกว่า ผมก็เหนื่อยมากจนต้องหยุดพัก
รีบ วอ หา รปภ สมหมาย

พี่ พี่อยู่ไหน

แล้วเสียงวอ รปภ สมหมาย ก็ ตอบกลับมา
เสียงเหมือนตะโกน ดังลั่นออกมาจาก วอ

ช่วยกูด้วย มีคนตาม จะฆ่ากู

ผมตกใจ พร้อมกับได้ยินเสียง แกร้องเอะอะอยู่ชั้นด้านบนไม่ไกล
ได้ยินเสียงฝีเท้าแกวิ่งหนีขึ้นไปต่อ

ผมรีบ วอ ไปหาแก
พี่ พี่ อย่าวิ่งขึ้นไป กลับลงมา

ไม่มีเสียงตอบกลับ
เลยทำให้ผมต้องวิ่งตามแกขึ้นไป
ตอนนั้นเสียงแก วอ ตอบกลับมาเป็นระยะ ระยะ
ช่วยกูด้วย มีคนจะฆ่ากู

ผมก็วิ่งตามขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งกลัว ทั้งหลอน ทั้งเหนื่อย
วิ่งตามขึ้นไปได้สักพัก แกก็เงียบไป
พยายาม วอ ถามแกว่าอยู่ตรงไหน
แต่ก็เงียบ
ผมเริ่มเหนื่อยจนต้อง เดินเอา
เดินไปพลาง วอ ถามแกไปพลาง
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
จนใกล้ๆจะถึงชั้นยี่สิบ ตอนที่ผมกดวอ ถาม
เหมือนเสียงผม มันไปดังออกจาก วอ พี่แก ที่อยู่ชั้นบนครับ
ผมรีบเดินตามขึ้น จนไปถึงชั้นที่ได้ยินเสียง วอ ดัง

พอรีบฉายไฟส่องไปดูข้างในชั้น เท่านั้นแหละ
ขนหัวผมก็ลุกตั้ง ด้วยความหลอนเลยครับ
เมื่อเห็น รปภ สมหมาย กำลัง
ยืนหลับตา ยกแขนรำไปมาอยู่กลางห้อง
อย่างกับคนเสียสติ

พอเห็นแบบนั้นผมก็รีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัว รปภ สมหมาย ให้รู้สึกตัว
เรียกชื่อแกไปมาพร้อมกับเขย่าเขย่าตัวแก
แล้วแกก็ทิ้งตัวล้มลง นอนราบไปกับพื้น
ผมก็รีบก้มลงไปปลุกแกอีก

เฮ้ย..อย่าแกล้งเล่นแบบนี้สิวะ

ปลุกแกอยู่พักหนึ่งแกก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

ผมก็ถามว่า พี่เป็นอะไร

แกมองมาทางผม แล้วก็ทำหน้าตกใจ
ก่อนจะพูดว่า "มะ มะ มัน....อยู่ข้างหลังเอ็ง"
แล้วแกก็รีบลุกขึ้น วิ่งหนีไปเลย
ผมก็พลอยตกใจไปด้วย
หันไปมองด้านหลัง ไม่มีใคร
แล้วผมก็รีบวิ่งตาม รปภ สมหมายไป
ได้ยินแต่เสียงแกร้องโวยวายขึ้นไปชั้นบนต่อ
จนกระทั่งเสียงแกก็เงียบหายไป
ผมก็รีบวิ่งตามไป ร้องบอกให้แกหยุด อย่าวิ่ง อย่าวิ่ง
แล้วพอมาถึงชั้น 25 เดินเข้าไปฉายไฟดูในชั้น
ชั้นนี้มันมีการก่อผนังปูนแล้วบางส่วน เลยทำให้ผมต้องเดินไปชะโงกดูตามห้องที่ก่อผนัง
ค่อยๆไปดูทีละห้องพลางเรียก รปภ สมหมายไปด้วยว่า "อยู่ไหม"
ดีนะที่วันนี้ยังพอมีแสงจันทร์ส่องเข้ามาบ้าง ทำให้ยังดูไม่ค่อยมืดมากนัก
พอตรวจดูชั้น25ไม่เจอแก แล้วผมก็ขึ้นไปดูต่อที่ชั้น26
พอขึ้นมาถึงชั้นนี้ บรรยากาศมันก็ยิ่งดูมืดกว่าเก่า
เพราะผนังส่วนใหญ่ก่อเสร็จแล้ว ทำให้มีห้องซับซ้อนหลายห้อง
แต่ละห้องมืดๆทั้งนั้น
ตอนนั้นใจผมเต้นแรงมาก
ร้องบอกให้ รปภ สมหมาย ออกมาจากที่ซ่อน

"พี่ ไม่มีอะไร แล้ว  ออกมาเถอะ ผมจะกลับแล้วนะ"

แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบกลับออกมา นอกจากเสียง หน้าต่างเขย่า กึกๆ เป็นช่วงๆ
ผมเข้าไปดูในห้องน้ำที่ยังทำไม่เสร็จก่อน  มองไปตรงช่องทางเข้าที่ไม่มีบานประตู
ข้างในมืดสนิท  ผมค่อยๆฉายไฟเข้าไปในห้องช้าๆ
ข้างในเป็นห้องโล่งๆแต่มีท่อโผล่ขึ้นมาจากพื้นหลายจุด
พอดูแล้วไม่มีใคร ผมก็เลยเดินออกมา เพื่อไปหาห้องถัดไป
ผมค่อยๆเดินไปตามโถงทางเดิน ฉายไฟเข้าไปดูในแต่ละห้อง
ส่วนใหญ่เป็นห้องโล่งๆยังไม่มีการฉาบผนัง
พอเดินไปถึงหน้าห้องไหนผมก็เรียก รปภ สมหมาย ทุกครั้ง

พี่ อยู่ไหน

ตอนนั้นเดินดูได้ประมาณสองสามห้อง ใจผมก็สั่นกลัวมาก

ในใจก็นึกว่า "ไม่เอาแล้ว โคตรน่ากลัวเลย"

อยากจะเดินกลับลงไปเลย ไม่อยากมาตามหาแกแล้ว
"เอาไงดี"

ผมยืนอยู่ตรงโถงทางเดินในชั้น26 แล้วก็เลยตัดสินใจร้องบอกแกไปว่า

"พี่ผมกลับแล้วนะ"

ว่าแล้วก็เดิน กลับออกมา ตรงไปที่โถงลิฟท์
ตอนนั้นเอง ได้ยินเสียง ตึง ตึง ตึง ดังมาจากชั้นบน
แล้วก็มีเสียงสิ่งของบางอย่างตกกระแทกพื้นเสียงดัง
พอได้ยินผมก็ตกใจมาก

เสียงอะไร

ชะงักไปพักหนึ่ง มองขึ้นไปดูบนเพดาน
แล้วก็ได้ยินเหมือนมีเสียงใครลากอะไรไปกับพื้นชั้นบน ดัง ครืด..!! ครืด..!!
ได้ยินแบบนั้น ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้น 27 ทันที

พอขึ้นไปถึงหน้าโถงลิฟท์ชั้น27
มองไปตรงประตูที่ตีไม้อัดปิดตาย
มันถูกเปิดออก มองเห็นเป็นช่องเท่าตัวลอดได้

เฮ้ย.. อย่าบอกนะว่าพี่แกวิ่งเข้าไปในนั้น

ตอนนั้น ขนลุกไปหมดเลย
ข้างในช่องที่ผมเห็น มันมืดมาก
เพราะชั้นนี้เขากลั้นผนังอะไรเสร็จหมดแล้ว ตามที่ลุงบอก
ผมเดินไปเดินมา ส่องไฟฉายไปตรงช่องที่เปิดอยู่
พยายามตัดสินใจ เอาไงดี เอาไงดี
แล้วผมก็ร้องออกไป

"พี่ อยู่ไหม ออกมาเถอะ"

นิ่งรอคำตอบอยู่พักหนึ่ง
ใจเต้นแรงมาก
แต่ก็เงียบอีก ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับออกมาเลย

ผมยืนมองช่องมืดๆ ที่ถูกไม้อัดปิดอยู่บางส่วน
แล้วก็ทำใจอยู่พักหนึ่ง

"ไม่ไหวหวะ ทำใจไม่ได้จริงๆ" นึกอยู่ในใจ

ผมไม่กล้าเข้าไป มันดูวังเวงมาก
เดินออกมาตรงโถงลิฟท์ ตรงไปที่บันได
แล้วก็เอาโทรศัพท์โทรไปหาลุง

ตามลุงมาช่วยดีกว่า

ผมกะโทรไปบอกลุงว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วให้ลุงมาช่วยตามหาพี่ รปภ ด้วย

แต่ลุงไม่รับสายครับ

ผมเดินมานั่งรออยู่ตรงบันได กะว่า เฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ
แล้วก็พยายามโทรติดต่อลุงให้ได้
แต่ช่วงที่นั่งรออยู่
ทันใดนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียง เหมือนอะไรตก กระแทกพื้นอีก
ผมรีบหันไปดูทางช่องตรงทางเข้าอันนั้น
เห็นเหมือนลำแสงไฟฉายส่องออกมา จากข้างใน

ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

อ้า.. พี่แกออกมาแล้ว

ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปดูตรงช่องนั้น
แต่พอวิ่งไปถึงก็เห็นแสงไฟจากข้างในมันนิ่งอยู่เฉยๆ
อ้าว.. ยังไง
ว่าแล้วก็รีบก้มลงไปดูเอาไฟฉายส่องไปดูข้างใน
ปรากฏว่า มันเป็นแสงจากกระบอกไฟฉายที่ตกอยู่กับพื้นครับ

ผมตกใจ เฮ้ย. แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไม เห็นแต่ไฟฉาย แล้วเจ้าตัวหายไปไหน

คิดได้แบบนั้นไม่ทันนึกอะไร ผมก็รีบมุดเข้าไปดูข้างในทันที
รีบเดินไปตรงไฟฉายที่กลิ้งอยู่พื้น
พอหยิบขึ้นมาได้ ผมก็ร้องเรียก รปภ สมหมายทันที
พี่ พี่อยู่ไหน ได้ยินผมไหม ได้ยินแล้วตอบด้วย

พอไม่มีเสียงตอบกลับ
ผมก็เลยลอง วอ ไปหา แก กะว่าถ้าแกอยู่ในห้องนี้
ต้องได้ยินเสียง วอ มันสะท้อนออกมาหละ

แต่ปรากฏว่า เงียบฉี่ เลย

ผมเลยรีบเอาไฟฉายส่องดูรอบๆในห้องนี้
ปรากฏว่า มันเป็นโถงทางเดินที่ตกแต่งเสร็จแล้ว
มีประตูห้องติดตั้งแล้ว ด้านซ้ายมือมีบานประตูปิดอยู่
หน้าประตูตรงนั้นมีโต๊ะใหญ่วางขวางประตูไว้
ตรงทางด้านขวามือก็มีโต๊ะใหญ่ๆวางขวางประตูไว้เช่นกัน
แต่ดูเหมือนมันจะถูกลากออกมาให้พ้นจากหน้าประตูพอสมควร
มองไป ก็เห็นประตูทางขวาตรงนั้นเปิดอ้าอยู่

ผมเลยเดินไปดูทางฝั่งขวาก่อน
พอเข้าไปข้างในปรากฏว่ามันเป็นโถงใหญ่ๆ
ข้างในมีโต๊ะ เหมือนโต๊ะประชุมใหญ่ๆ มีเก้าอี้หรูวางอยู่รอบๆ
ผมมองดูไปที่โต๊ะ มีผ้าคลุมอยู่
มองไปดูสภาพเฟอร์นิเจอร์รอบๆ
ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นห้องสมาคมอะไรสักอย่าง
ผมรีบตะโกน เรียก รปภ สมหมายอีก
พี่อยู่ในนี้ไหม
เสียงผมเงียบลงไป พร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังสวนขึ้นมาทันที
ผมรีบเดินไปแหวกม่านออก ดูข้างนอก
เหมือนจะมีฝนตกเลยครับ ฟ้าแลบ เผยให้เห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาก้อนหนาใหญ่
ผมเริ่มใจ หวิวๆ ขึ้นมาอีก

"ทำไมต้องมาตกอะไรตอนนี้ด้วยวะ"
แล้วผมก็รีบสำรวจดูต่อ
ข้างในมีห้องเปิดทะลุเข้าไปได้อีก
มีเฟอร์นิเจอร์เต็ม ส่วนตรงนี้น่าจะเป็นพวกบริกรอะ
อารมณ์เหมือนครัวฝรั่ง
ผมค่อยๆเดินต่อไปช้าๆ เปิดประตูเข้าไปข้างในอีก
มันเป็นเหมือนห้องทำงาน ครับมีโต๊ะทำงาน หลายๆโต๊ะ
ผมค่อยๆเดินเข้าไปดู แถวๆโต๊ะทำงานสี่ห้าตัว เผื่อพี่แกจะหลบอยู่ใต้โต๊ะ
แต่ก็ไม่เห็นมีใคร
แล้วก็เลยรีบเดินย้อนกลับออกมา
พอมาถึงตรงโถงที่มีโต๊ะประชุมใหญ่ๆ
ฝนก็เริ่มตกลงแล้วพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง
ข้างหลังม่านมีเสียงหน้าต่าง สั่น กึกกึก กึก กึก  ไปมาเป็นระยะระยะ
ผมรีบเดินไปเปิดม่านออกดูข้างนอก ฝนตกลงมาห่าใหญ่จริงๆด้วย
พอมองเห็นฟ้าแลบ เป็นระยะระยะผมก็เลยคิดว่าจะให้แสงพวกนั้น
ช่วยส่องเข้าในห้องนี้จะได้ไม่วังเวง
ผมก็เลยเปิดม่านออกหมดเลยครับ เผยให้เห็นหน้าต่างกระจก
อยู่เรียงรายไปตามแนวผนัง

จากนั้นผมก็รีบไปดูห้องที่เหลือ ที่อยู่อีกฝั่งของโถงโต๊ะประชุม
พอเปิดเข้าไปข้างใน ดูเหมือนมันจะเป็นห้องแต่งตัวครับ
มีประตูตู้บิ้วอินอยู่หลายบาน
เดินเข้าไปต่อจะเป็นซอกทางเดินเล็กๆ
มีประตูอีกบาน เปิดเข้าไปดู ก็เห็นห้องน้ำครับ
พอเดินต่อไป ตรงหน้าสุดของซอกเล็กๆนั้นเป็นประตูอีกบาน
พอเปิดเข้าไป ปรากฏว่า เป็นห้องนอนใหญ่ๆเลยครับ
มีเตียงนอน มีโซฟา มีโต๊ะอ่านหนังสือ
แต่ดูที่พื้นห้องแล้ว มีของตกเกลื่อนอยู่ กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
มีกล่องกำมะหยี่เหมือนกล่องใส่พวกแหวน พวกสร้อยคอ ตกอยู่ด้วย
แล้วก็มีพวกเศษแก้วแตกรวมอยู่ด้วย
ทำไมห้องนี้มันดูรกๆนะทั้งๆที่เป็นห้องนอน แปลกจัง


พอไม่เห็น รปภ สมหมาย ผมก็เดินกลับออกมาตามทางเดิม
เดินมาถึงโถงโต๊ะประชุมตรงนั้น กำลังจะเดินออกไปดูอีกซีกหนึ่งฝั่งซ้าย
อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงตะกุตะกักอยู่แถวๆโต๊ะประชุมใหญ่ๆ
ผมรีบฉายไฟไปที่โต๊ะประชุม
แล้วก็มีความคิดบางอย่างแว๊บขึ้นมา
ผมเลยเดินไปดึงผ้าคลุมโต๊ะนั้นออกให้หมด
พอฉายไฟไปที่ใต้โต๊ะ ก็เจอ รปภ สมหมายนั่งตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะ
พอเขาเห็นผมฉายไฟไปโดนตัวเขา
เขาก็รีบเอานิ้วชี้มาทาบที่ปาก พร้อมกับทำปากจู๋ แบบประมาณว่า อย่าส่งเสียงดัง
ผมก็เลยถามแกไปค่อยๆว่า กลัวอะไรพี่
พี่แกก็ค่อยๆพูดว่า อย่า ให้มันได้ยิน มันกำลังจะมา
ผมก็เลยรีบ ดีงแกขึ้นมาจากใต้โต๊ะ แล้วก็บอกว่า
กลับกันเถอะ ข้างล่างปลอดภัยกว่า
รปภ สมหมาย ยืนขึ้นตัวสั่นๆ ไม่กล้าก้าวเท้าไปไหน
พอพากันเดินมากำลังจะก้าวออกจากโถงตรงนั้น
ผมก็หันกลับไปมอง ตรงหน้าต่างที่มันยังไม่ปิดม่าน
นึกยังไงไม่รู้ ก็เลยบอกพี่ รปภ ว่า รอผมเดี๋ยว
แล้วผมก็เลยเดินไปปิดม่าน
ช่วงที่ กำลังจะเดินไปใกล้ๆหน้าต่าง อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง รปภ สมหมาย ร้องลั่นขึ้น

" มะ มัน มันมาแล้ว "

ผมหันไปมองแก เห็นแกยืนตัวเกร็งอยู่ในที่มืดๆ พอฟ้าแลบส่องแสงมาที
ก็เห็นที่กางเกงแกค่อยๆเปียกจากเป้าแล้วก็ค่อยๆไหลลงมาตามขาทั้งสองข้าง

พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยรีบ หันหลังกับไปจะดึงม่านมาปิด
พอฟ้าแลบส่องแสงมาอีก
ก็เห็นเงาหน้าผมสะท้อนไปที่กระจก
พร้อมกับเงาหน้าผู้หญิงขาวซีดใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงยืนอยู่ข้างๆผม

พอเห็นเงาหน้าผู้หญิงสะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่าง
ผมก็รีบหันไปมองด้านหลังผมทันที
เฮ้ย.. ใครวะ

พอไม่เห็นมีใคร ผมก็เข่าทรุด ไฟฉายหลุดมือ
ผงะถอยหลังไปชนขอบหน้าต่าง
ได้ยินแต่เสียง รปภ สมหมาย ร้องลั่น สุดเสียง
แล้วก็วิ่งหนี ออกจากประตูห้องไป
ทิ้งให้ผมยืนอยู่ในห้องนั้นคนเดียว

ตอนนั้นคือขาไม่มีเรี่ยวแรงเลยครับ
ทำอะไรต่อไม่ถูก พยายามจะตั้งสติ
แต่พอได้ยินเสียง รปภ สมหมาย วิ่งห่างออกไปจนเงียบเสียง
รอบตัวผมก็หนาวๆร้อนๆ วูบๆวาบๆ ขึ้นมาทันที
มองไปรอบๆห้องมืดสลัววังเวง จนขนลุกซู่ ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
พอตั้งสติได้ผมก็ค่อยๆย่อตัวลงช้าๆ เอื้อมมือไปหยิบไฟฉายที่ตกอยู่ข้างๆเท้า
พอนั่งลงถึงพื้นเท่านั้นหละ
ผมก็เห็นหัวอะไรดำๆกลิ้งไปมาอยู่ใต้โต๊ะ
พอฉายไฟส่องไป ก็เห็นหัวผู้หญิงแก่ๆ ผมหงอกหยิกหยอง
กรอกกลิ้งตามองมาทางผม แต่ที่ปากมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด
พอเห็นแบบนั้นผมก็ร้องออกมาจนสุดเสียง
รีบกระโจนออกจากที่ แล้ววิ่งออกไปทางประตูทันที
พอกำลังจะวิ่งออกจากประตู
ผมก็เห็นเหมือนมีร่างผู้หญิงเป็นเงาจางๆ โผล่มาอยู่ตรงหน้าผม
ผมสะดุ้งรู้สึกเย็นวาบ ยังไม่ทันตั้งตัวเลยครับ
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป


พอมารู้ตัวอีกที ก็เหมือนผมอยู่ในความฝันอะครับ
เหมือนกับว่าตัวเองล่องลอยไปในสถานที่ สถานที่หนึ่ง
เป็นลักษณะเหมือน อยู่ในบ่อนครับ มีคนเล่นการพนันอยู่ในบ่อนนั้นมากมาย
แล้วเวลาเดินผ่านใครไปก็มีคนยิ้มทักผม บางคนก็ชมว่า วันนี้สวยจัง
บางคนก็ทักว่า ได้เห็นคนสวยที่ไรก็ชื่นใจ
ผมล่องลอยไปกับร่างของใครสักคนที่เป็นหญิงสาว
เธอเหมือนทำงานอยู่ในบ่อนนี้ครับ
แล้วสักพัก ภาพก็ตัดไปอยู่ในที่ที่หนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นห้องนอนหรูๆ
ร่างที่ผมแฝงอยู่ นอนอยู่ข้างๆผู้ชายคนหนึ่ง
แล้วผู้ชายคนนั้นก็เหมือนหันมาพูดอะไรกับร่างที่ผมแฝงอยู่
เอามือมาลูบหัว หยอกล้อไปมา
แล้วก็เหมือนเขาหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากบนหัวผม
พอเขาขยับมือไปมาบนหัวผม ผมก็สังเกตว่าเขาหยิบอะไรมา
พอมองตามมือเขาไป ก็มองเห็นเขากำลังถือหวีโบราณอันหนึ่งอยู่
พอผมดูดีๆอีกที ก็ตกใจขึ้นมา นั่นมันเป็นหวีที่ผมเก็บมาได้จากห้องข้างล่างตรงชั้นหนึ่งนี่
แล้วภาพก็ตัดไปที่บ่อนอีก เหมือนกับว่า ชายคนนี้จะมาหาเธอที่บ่อนบ่อยๆ
แล้วอยู่ๆภาพก็มืดดับไป


ลืมตามาอีกที
รู้สึกเหมือนร่างผมนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น พอร่างนั้นพามองขึ้นไปดูบนโต๊ะและเก้าอี้รอบๆ
ก็เจอ คนถูกยิงตายเกลื่อนอยู่ในบ่อนนั้น อย่างสยดสยอง
ร่างที่ผมแฝงอยู่ ขยับตัวได้ช้าๆ
พยายามพาร่างตัวเองไปหาชายคนหนึ่งที่นั่งฟุบหมดสติอยู่บนเก้าอี้
พอไปถึงใกล้ๆ ชายคนนั้น


ร่างที่ผมแฝงอยู่ เอื่อมมือไปดึงขอบผ้าปูโต๊ะ
ที่เป็นโต๊ะวางของโชว์ เพื่อพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น
แต่แล้วชายผ้าที่ถูกดึงมันก็รูดไปตามแรงดึง ข้าวของต่างๆที่วางอยู่บนนั้น
ก็เทกระจาดลงมากองเกลื่อนไปทั่วบริเวณ
ร่างที่ผมแฝงอยู่ ทิ้งตัวนอนหงายลงไปกับพื้นแบบหมดแรง
ก่อนที่จะมีกระจกเงาอันหนึ่งหล่นลงมาอยู่ข้างๆแถวศรีษะ
ช่วงไม่กี่วิก่อนจะสิ้นใจ ร่างนั้นก็คอตกหันไปทางกระจกพอดี
เผยให้เห็นภาพสะท้อนของร่างที่ผมแฝงอยู่
เป็นใบหน้าผู้หญิงสาวสวยอยู่ในกระจก 
นอนตายตาเหลือกเลือดกบปาก
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ หายไปอย่างฉับพลัน

สักพักผมก็รู้สึกตัวขึ้นมา รู้สึกตัวเย็นๆ หนาวๆ
พอลืมตาก็พบว่า ตัวเองนอนหงายอยู่กับพื้นแถวๆประตูห้องที่มีโต๊ะประชุม
ผมรีบลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็รู้สึกเจ็บตรงท้ายทอยมากเลยครับ
รีบเอามือกุมท้ายทอย มือหนึ่งคว้าไฟฉายได้ แล้วก็รีบลุกขึ้น
เดินโซซัดโซเซ ไปตามโถงทางเดิน เพื่อไปหาทางออกทันที
เดินไปพลาง นึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นไปพลาง

เฮ้ย... มันเรื่องอะไรวะ ทำไมมันรู้สึกเหมือนจริงมากๆ

ผมนึกในใจ

จนกระทั่งเดินมาถึงช่องที่ผมจะมุดออก
พอฉายไฟฉายไปที่จุดนั้น
ผมก็เห็นว่า มันเป็นบานประตูกระจกบานใหญ่
แต่ช่องที่ผมรอดเข้ามา เหมือนมันถูกทุบ
จนกระจกแตกเป็นช่องโหว่ตรงด้านล่าง
ดูตามขอบที่มันแตก ยังมีรอยแตกเป็นฟันฉลามอยู่เลย
อ๋อแสดงว่า ชั้นนี้ เคยมีคนงัดเข้ามาก่อนนี่เอง
เขาถึงเอาไม้อัดมาตีปิดไว้ไม่ให้เห็นบานประตูทั้งบาน

ผมรีบมุดออกมาจากช่องนั้น
เดินออกมาอย่าง งงๆ
เหมือนหัวผม มันหนักๆเลยครับ  ปวดตรงท้ายทอยมาก
พอเดินมาถึงทางลงบันไดได้ ผมก็รีบ วอ หา รปภ สมหมาย

พี่  พี่  ทราบแล้วเปลี่ยน

รอสักพัก ก็เงียบไม่มีเสียงตอบกลับมา
แล้วผมก็เลยค่อยๆเดินลงไปช้าๆ
เดินลงมาได้สักสองสามชั้น ก็รู้สึกเหนื่อยมาก
เลยนักพัก ช่วงที่กำลังนั่งพัก รู้สึกเหมือน
อากาศมันเย็นมาก แล้วก็รู้สึกเหมือนมีน้ำมูกไหล
เลยเอามือปาดไปที่จมูก
เท่านั้นแหละ พอก้มมองลงไปที่พื้น
หยดเลือดหยดลงพื้น แหมะ แหมะ เลยครับ
เฮ้ย.. อะไรนี่
ผมรีบเอามือปาดเลือดที่จมูกมาดู
โหเลือดออก เยอะเลย

ตอนแรกคิดว่าจะนั่งพักก่อนแต่อยู่ๆก็ได้ยินเสียง ลิฟท์ดัง ติ๊ง! ขึ้น
ผมสะดุ้งโหยง
พอได้ยินเสียงประตูลิฟท์เปิด ครืดๆ ออก
เท่านั้นแหละผมก็วิ่งเลยครับ
วิ่งลงมาถึงชั้นถัดไป เสียงลิฟท์ก็ดัง  ติ๊ง! ที่ชั้นนั้นอีก

เฮ้ย..

ขนหัวผมลุกไป พลางวิ่งไป

วิ่งลงไปถึงชั้นไหน เสียงลิฟท์ก็ดังตามหลังผมมาทุกชั้น

ผมก็ร้องเอะอะลงมาเรื่อยๆ อย่างคนขวัญเสีย
นึกถึง บานห้องน้ำชั้น27 ขึ้นมาเลยครับที่มันเขียนว่า ผีดุ

จนกระทั่งวิ่งลงมาถึงชั้นลานจอดรถ
รู้สึกแสงจันทร์จะสว่างขึ้น จนมองเห็นรอบๆทั้งชั้นได้
เสียงลิฟท์ที่ไล่ตามหลังผมมา เงียบหายไป
ผมก็เลยค่อยๆชะลอความเร็วลง
เปลี่ยนมาเป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
หายใจแรง เหนื่อยแทบกระอักเลือด
จนเดินลงมาถึงประมาณชั้น 5 ผมเริ่มใจชื้น
รีบ วอ หา รปภ สมหมาย

รปภ สมหมาย ได้ยินแล้ว ตอบด้วย

ถามไปสองสามรอบ แต่ก็เงียบอีก
จนผมเดินลงมาถึงชั้นสาม เริ่มมองเห็นพื้นดินรอบๆตึกแล้ว
ก็รู้สึก ค่อยยังชั่วหน่อย
เลยนั่งพักอยู่ตรงบันไดข้างๆโถงลิฟท์

สักพักก็ได้ยินเสียง สังกระสี แกว่งไปมา ดัง เอี๊ยด เอี๊ยด
ผมก็เลยพยายามหันไปมอง ว่าเสียงมันมาจากไหน
พอฉายไฟฉายไปทางโถงลิฟท์ ผมก็ต้องตกใจขึ้นมาอีก
ประตูลิฟท์ตัวหนึ่ง มันเหมือนถูกอะไรชน จนอ้าออก
ประตูซีกหนึ่งเอียงออกจากกรอบประตูลิฟท์

พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่า เหมือนประตูมันจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่เลยครับ
ผมชะงักอยู่ครู่หนึ่ง
อะไรมันตกลงไปวะ

นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วไม่นานบางอย่างก็แว๊บขึ้นในในความคิดผมทันที

เฮ้ย.. ไม่นะ..

ว่าแล้วผมก็รีบเอามือไปผลักบานประตูลิฟท์ข้างหนึ่งให้เปิดออก
ค่อยๆผลักบานที่ไม่ได้ห้อย ให้เลื่อนอ้าออกช้าๆ
พอเปิดได้ช่องพอสมควรแล้ว
ผมก็ชะโงกหน้าเข้าไปดูในปล่องลิฟท์
ฉายไฟลงไปที่ก้นบ่อ
เท่านั้นแหละ
ผมก็เห็น ร่าง ร่างหนึ่งใส่ชุด รปภ คว่ำหน้าอยู่ในก้นบ่อลิฟท์ที่มีน้ำท่วมขัง

เฮ้ย...
รปภ สมหมาย

ผมตกใจมาก
เรื่องใหญ่แล้ว มีคนตาย!

ผมเข่าทรุด ค่อยๆขยับออกมาจากหน้าประตูลิฟท์
ค่อยๆล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์
เอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาลุง
ตอนนั้นมือผมสั่นไปหมด จนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

โทรอยู่สักพักลุงก็ไม่รับสายสักที
สักพัก อยู่ๆ วอ ผมก็ เหมือนมีคลื่นอะไรเข้ามาครับ

ดัง แคล๊กๆ  แคล๊กๆ

ผมได้แต่นั่งนิ่ง หันไปมอง วอ ที่วางอยู่กับพื้น

ใจเต้นแรง ...

แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียงดังออกมาจาก วอ
เป็นเสียงขาดๆหายๆ

อยู่  แคล๊กๆ    อยู่    แคล๊กๆ   อยู่

ได้ ได้ ยิน มะ ไหม ไหม

พอได้ยิน ผมก็ตกใจมาก.. ใครวะ
ยังไม่ทันจะหยิบ วอ ขึ้นมาตอบ
เสียงขาดๆหายๆก็ดังมาอีก

ช่วย. แคล๊กๆ  . กู ด้วย... แคล๊กๆ


พอได้ยินเสียงนั่น ผมก็ผวาขึ้นมาอีก
ขั่งใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง ว่าจะตอบรับไหม
เสียงนั่น มันขาดๆหายๆจนฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงใครกันแน่
ช่วงที่กำลังเอื้อมมือที่สั่นๆไปหยิบ วอ
อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ในมือผมอีกข้างก็ดังลั่นขึ้น

ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ตกใจ สะดุ้งจนแทบหงายหลัง

พอรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ปรากฏว่าเป็นเบอร์ลุงผมโทรมา
ผมรีบรับสาย พูดเสียงตะกุกตะกัก ไปแบบรีบร้อน

ละ ลุง ลุง รปภ สมหมาย ตะ ตาย ตาย แล้ว

แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรไปบ้าง
ได้ยินแต่ลุงถามว่า เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น
จนลุงคุยกับผมไม่รู้เรื่องแล้ว
ลุงก็บอกว่า ให้รออยู่หน้าตึก เดี๋ยวเข้าไป
แล้วลุงก็วางหูไป

ผมรีบเดินลงมาจากตึก รู้สึกเข่าอ่อน
และตัวสั่นเทา อยู่ตลาดเวลา
พอลงมาถึงโถงชั้นล่าง ได้
ผมก็รีบเดินเข้าไป ตรงที่มีหลอดไฟเปิดสว่างอยู่
นั่งลงกับพื้นหลังพิงผนัง เอามือกอดเข่าโยกตัวไปมา
แบบคนทำอะไรไม่ถูก
นั่งรอลุงอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
นั่งรออยู่ได้สักพัก ในใจผมก็ได้แต่คิดว่า
เมื่อไหร่ลุงจะมา ทำไมนานจัง

แล้วอยู่ๆเสียง วอ  ก็ดังขึ้นมาอีก
แคล๊ค... แคล๊คๆๆ
วอ1 เรียก วอ2   วอ2 ทราบแล้วเปลี่ยน
ผมสะดุ้งขึ้นมาอีก
จับวอขึ้นมาช้าๆ ด้วยมือที่สั่นๆ
แล้วก็พยายามตอบกลับไป

วอ2 ทราบแล้วเปลี่ยน

แล้วผมก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา
เป็นเสียงขาดๆหายๆ ประมาณว่า

ขึ้นมาหรือยัง

พอได้ยินดังนั้น มือผมก็สั่นแรงขึ้น
พยายามฝืนใจถามกลับเขาไป

พะ พะ พี่ อยู่ไหน

แล้วเสียงนั่นก็ตอบกลับมาว่า

อยู่ดาดฟ้า  กูหนาว

ผมได้แต่กั้นใจไว้ พยายามเก็บอาการ

"นี่พี่แกยังไม่รู้ตัวอีกหรือ"

แล้วผมก็ถามแกไปว่า
คุณ เป็นใคร

เสียงวอ เงียบหายไป
สักพัก ก็มีเสียงตอบกลับมา

ก็ รปภ.. แคล๊ค... แคล๊ค...

สมหมายไง

เท่านั้นแหละผม โยนวอทิ้งแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากตัวตึกทันที
..................................................
ผมวิ่งออกมายืนรอลุงอยู่ตรงประตูทางเข้าโครงการ
เดินไปเดินมา ทำอะไรไม่ถูก อยู่พักใหญ่
แล้วลุงก็มากับ รปภ อีกสองคน

พอลุงเห็นผมแกก็ถามว่า ไปโดนอะไรมา เลือดเต็มเสื้อเลย
ผมก็เลยบอกว่า เลือดกำเดาผมเอง
แล้วก็พากันรีบเดินเข้าไปในอาคาร

ลุงถามว่าเจอศพอยู่ที่ไหน
ผมก็บอกว่าอยู่ในบ่อลิฟท์

พอเข้าไปในโถงชั้นหนึ่งได้ เห็นวอของผมตกอยู่ที่พื้น
ลุงก็เก็บเอามาให้ผมถือไว้
แล้วลุงก็ให้ รปภ ที่มาด้วย
งัดประตูเล็กๆที่มีโซ่คล้องอยู่ ออก
แล้วก็พากันเข้าไปข้างใน
พอเดินไปถึงโถงลิฟท์ ก็พากันเปิดบานประตูลิฟท์ตัวหนึ่งออก

พอฉายไฟลงไปดูในบ่อลิฟท์
ลุงก็ถึงกะผงะออกมา
หืม... เสียงลุงพูด พลางเบือนหน้าหนี
ผมเอามือปิดจมูก ชะโงกหน้าไปดู
มองลงไปเห็น สปริงใหญ่ๆโผล่อยู่ สองสามแท่ง
เห็นศพ นอนคว่ำหน้า อยู่บน สปริงที่โผล่มาแท่งหนึ่ง
ไส้แตกทะลัก เห็นแต่ไส้ลอยไปมาอยู่ในน้ำ

พอดูศพเสร็จ ลุงก็ถามว่า
เขาตกลงมาจากชั้นไหน
ผมก็บอกว่า น่าจะชั้น 3 เพราะเห็นประตูลิฟท์ที่ชั้น3 มันเหมือนโดนชนพัง

แล้วลุงก็โทรไปแจ้งหน่วยกูภัยมา
พวกเราก็เลยออกมารออยู่ข้างนอก
จนเกือบๆรุ่งสาง หน่วยกู้ภัย ก็มาถึง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ กว่าจะนำศพ ขึ้นมาจากบ่อลิทฟ์ได้

พอลุงเข้าไปดูศพ ลุงก็หันมาบอกผมทันที
ไม่ใช่ รปภ สมหมาย นี่

พอได้ยิน ผมก็รีบ ชะโงกหน้าไปดู ศพที่เขาเอาขึ้นมาทันที
สภาพศพ คือ เปื่อยยุ้ย ขาวซีด แขนขาวยาว

พอเห็นแบบนั้น หน้า รปภ ตัวผอมๆสูงๆ หน้าขาวซีด
ที่ผมเจอคืนแรก ก็แว๊บขึ้นมาในหัวผมทันที

เฮ้ย...
ผมขนลุกซู่ขึ้นมาอีก  ยืนจังงัง ทำอะไรไม่ถูก
ได้ยินแต่เสียงลุงพูดว่า

นี่มัน รปภ คนก่อนที่ มันลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่

แล้วลุงก็ถามผมว่า
รปภ สมหมายอยู่ไหน
-------------------------------------------

หลังจากบอกลุงไปว่า รปภ สมหมายอยู่ไหน
ลุงก็ให้ รปภ สองคนขึ้นไป ตาม รปภ สมหมาย บนดาดฟ้า
พอหน่วยกูภัยนำศพ รปภ คนเก่า ขึ้นรถไปแล้ว
ผมกับ รปภ สมหมาย ก็ถูก ตำรวจ นำตัวไปสอบปากคำต่อที่สถานี

....................................................

เรื่องราวทั้งหมด ก็เป็นอย่างนี้แหละครับ

ผมพูดกับตำรวจที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้าผม สองสามนาย
ตอนแรก ก็ไม่มีใครมาสนใจครับ เห็นเดินไปเดินมากันอยู่แถวนี้
พอผมเล่าไปเล่ามา ไหงกลายเป็นพากันมานั่งฟัง กันหลายคนเลย

พอเเล่าจบ ตำรวจท่านหนึ่งก็พูดว่า
เมื่อก่อนก็เคยมีเจ้าหน้าที่ ไปเจอดีที่นั่น เหมือนกัน
แต่ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว  เรื่องมันเป็นยังไงน้าาาา
ท่านทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ ร้องเรียกตำรวจอีกท่านหนึ่ง
ที่กำลังเดินเข้าประตูมาพอดี

เออ..เออ.. นี่ไง  มาพอดี

ผมหันไปมอง ก็เห็นเป็น ตำรวจ ดูมีอายุพอสมควรแล้วครับ

ได้ยินแต่เสียง ตำรวจคนที่จดคำให้การณ์ผมอยู่ พูดว่า

ป๋า ป๋า   เล่าเรื่อง สายตรวจ ไอ้ที่เจอผีให้ฟังหน่อย

แล้วท่านก็เดินมา หากลุ่มที่ผมนั่งอยู่
แล้วก็ถามว่า
ทำไม เจอมาอีกแล้วหรือ

แล้วก็คุยกับเพื่อนตำรวจไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนท่านจะเริ่มเล่าให้ฟังดังนี้ครับ

ช่วงที่กำลังก่อสร้างตึกนั้น ทาง สน จัด สายตรวจ ไปตรวจตู้แดงแถวนั้นให้
ช่วงดึกๆไปตรวจตู้แดง ก็ไปเจอผู้หญิงใส่ชุดแดง ยืนรอรถอยู่ในที่มืดๆ
พอสายตรวจขี่มอไซค์ผ่านออกมา หันกลับไปดู ที่มืดๆตรงนั้น
ก็ไม่เห็นผู้หญิงแล้ว

วันหนึ่งไปตรวจตู้แดงช่วงตีสอง ก็เจอแท๊กซี่จอดเสียอยู่
อยู่ตรงแถวๆนั้น เปลี่ยวๆมืดๆ
พอเข้าไปดู
แท๊กซี่ก็เล่าให้ฟังว่า
ก่อนรถจะเสีย สตาร์ทไม่ติด
เห็นผู้หญิงตัวขาวๆ ใส่เสื้อแดงเหมือนคนจีน ยืนโบกรถอยู่
พอแวะเข้าข้างทางมาจอดรับ
เห็นยืนอยู่ข้างกระจกฝั่งฟุตบาท
รอตั้งนานก็ไม่ขึ้นมาสักที
เลยหมุนกระจกลง จะถามว่าไปไหน
พอเอากระจกลง ก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว
แล้วเครื่องก็ดับเลย สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด

แล้วก็เห็นสายตรวจเล่าให้ฟังว่า
ช่วงก่อสร้างตึกตรงนั้น เคยมีคนงาน โดนลิฟท์ก่อสร้าง ตัดหัวขาดด้วย

พอได้ยินตำรวจคนนั่นเล่าจบ ผมก็ตกใจมาก
เฮ้ย.. ทำไม เล่าได้เหมือนกันเลยทั้งๆที่แกไม่ได้ฟังเรื่องที่ผมเล่ามาก่อน

พอได้ฟังแบบนั้น ผมก็เลยถามตำรวจคนนั้นไปว่า
แล้วที่ตรงนั้น มันมีอะไรครับทำไมถึง มีอาถรรพ์แปลกๆ

ตำรวจท่านนั้นก็เล่าให้ฟังอีกว่า

ตรงนั้นมันเป็นที่เก่าแก่ มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่
แต่พอพ่อแม่เสีย ก็มีลูกคนหนึ่งอยากขายที่ แต่พี่น้องคนอื่นไม่เห็นด้วย
ก็เลยทะเลาะกัน ทะเลาะกันถึงขั้นฆ่ากันเองเลย
แต่ก็ไม่รู้ว่ามีใครตายบ้างนะ รู้แต่ว่าสุดท้าย ก็ขายที่ดินนั้นไป
แล้วคนที่มาซื้อก็เอามาทำโรงน้ำแข็ง ทำไปทำมา
ลูกจ้างก็ดันมาฆ่าเฒ่าแก่ตาย ตรงนั้นก็เลยถูกทิ้งเป็นโรงน้ำแข็งร้างไป
ช่วงหลังก็มีคนมาซื้อที่ แล้วก็ทำเป็นร้านอาหารบังหน้า
แต่จริงๆ ก็แอบเปิดเป็นบ่อนใหญ่อยู่ข้างใน
ช่วงก่อนที่บ่อนจะปิดตัว
มีเจ้าพ่อ ขาใหญ่ มีเรื่องกินแหนง แคลงใจกันอยู่กับเจ้าพ่ออีกฝ่าย
นัดกันมาเล่นพนันกันที่นั่น
แต่แทนทีจะ จะพนันเอาบ้านเอารถกัน  กลับกลายเป็นว่า
พนันกันแย่งผู้หญิงคนหนึ่ง
สุดท้ายพอมีอีกฝ่ายแพ้ แล้วรับไม่ได้
ก็เลยสั่งลูกน้องกาดยิงกันไปมา เพื่อแย่งผู้หญิง
สุดท้ายก็ตายกันหมด  ทั้งสองฝ่าย
รวมถึงผู้หญิงคนนั้นด้วย

พูดจบ
ผมนี่ นึกถึง ภาพบ่อนตรงนั้นขึ้นมาในหัวเลยครับ
โห.. แย่งผู้หญิงกันขนาดนี้เลยหรือ

แล้วตำรวจท่านนั้นก็เล่า ต่ออีกว่า
มีผู้หญิงคนหนึ่งโบกรถแท๊กซี่ ให้ไปส่งที่บ่อน
แท๊กซี่ก็แปลกใจ ทั้งๆที่เดินไปไม่ไกลก็ถึงบ่อน
แล้วทำไมต้องเรียกแท๊กซี่ด้วย
พอรับผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในบ่อน
ผู้หญิง บอกให้รออยู่ข้างหน้า แล้วก็หายเข้าไปตั้งนานก็ไม่ออกมา
พอตัวเองเดินลงไปตาม
เข้าไปข้างใน ถึงเห็น ศพคน นอนตายเกลื่อนในบ่อน
แล้วก็เจอผู้หญิงคนที่นั่งรถแท๊กซี่มา นอนตายตาเหลือกอยู่กับพื้น

พอเล่ามาถึงตรงนี้ผมขนลุกซู่เลย
ภาพที่ผมเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นในกระจก  แว๊บขึ้นมาทันที
อะไรจะขนาดนั้น

แล้วแท๊กซี่คนนั้นก็เลยแจ้งให้ตำรวจทราบว่า เกิดเหตุยิงกันตาย

พอท่านเล่าจบ ท่านก็บอกว่า
ก็รู้เท่านี้แหละ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
ทำไมที่ตรงนั้นมันถึงทำอะไรไม่ขึ้นเลย
ทั้งๆที่ก็เปลี่ยนเจ้าของมาหลายมือแล้ว

------------------------------------
ช่วงสายๆ ผมกลับมาขนข้าวของที่อยู่ในห้องพักหลังตึกร้าง พร้อมกับลุง
ผมก็เลยบอกลุงว่า เจอหวีอันนี้ อยู่ในห้องชั้นหนึ่ง
ลุงเอามาดู แล้วก็บอกว่า  ของอาถรรพ์แบบนี้มันต้องเอาไปทำลาย

วันนั้นลุงก็เลยพาผมไปรดน้ำมนต์ กับ ให้พระท่านเผาทำลายหวีนั้นไป
พอเสร็จพิธี ลุงก็พาผมไปส่งขึ้นรถกลับต่างจังหวัด

เพราะผมบอกลุงว่า ผมคงทำต่อไม่ไหว  แค่ขึ้นไปบนตึกกลางวันก็หลอนแล้ว
ลุงเข้าใจก็เลยไม่ว่าอะไร

สองสามวันต่อมา
ลุงก็โทรมาบอกว่า ได้ไล่ รปภ สมหมายออกแล้ว
เพราะวันที่เกิดเรื่อง ลุงให้ตรวจฉี่ รปภ สมหมายด้วย
ปรากฏว่าเจอสารเสพติดครับ ก็เลยไล่ออกไป

มิน่า วันนั้นทำไมพี่แก ดูขยันจัง แล้วก็หลอนๆด้วย

ส่วนเรื่อง รปภ คนเก่าที่เสียชีวิต
จากที่ผมเจออะไรมา ผมขอเดานะครับ
ว่าเหมือนแกกำลังจะทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
เพื่อจัดการกับวิญญาณผู้หญิงคนนั้น
เหมือนแกขังวิญญาณผู้หญิงคนนั้นไว้ในห้องนั้นได้
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วทำไม
แกถึงตกบ่อลิฟท์ตายแบบนั้น
แต่เห็นลุง โทรมาเล่าให้ฟังว่า
จากที่ตรวจดูข้าวของในตัว
ก็ไปเจอกระดาษแผ่นหนึ่ง พับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ รปภ คนที่เสียชีวิต
พอเอามาดูแล้วก็เป็น เหมือน กระดาษที่ถ่ายเอกสารมา
ข้างในเขียนเป็น คาถาอะไรสักอย่าง
แล้วมีชื่อ ลงท้ายกระดาษว่า  อาจารย์คง

จบ บริบูรณ์

โปรดติดตามเรื่องราว สยองขวัญ ลึกลับได้ใหม่
กับเรื่องสั้นสยองขวัญ ตอน อาจารย์คง  เร็วๆนี้ครับ

เรื่องจากพันทิป มีอะไรที่ชั้น27
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735

ไม่มีความคิดเห็น