เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย..(ไม่มีวันลืม).PART 2
เรื่องราวที่ต่อจาก เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย จากสมาชิกพันทิป ของเล่นสีชมพู ซึ่งเธอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงว่าเธอสัมผัสและมองเห็นวิญญาณอยู่บ่อยครั้ง หลังจากสิ่งที่เธอเจอครั้งก่อนที่ทำให้เธอหลอนอยู่ 2 ปี กว่าและนี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เธอสัมผัสมา ขอบคุณประสบการณ์หลอนนี้ไว้ ณ ที่ นี้ด้วย
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วหลังจากที่ห่างหายไปนาน ช่วงนี้งานยุ่งมากกก ไม่มีเวลาอัพกระทู้เลย ขอบคุณทุกคนที่หลังไมค์เข้ามานะคะ ขอบคุณที่ติดตาม
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ช่วงที่เราคิดว่ามันเลวร้ายที่สุดในประสบการณ์การพบเจอวิญญาณของเรา เริ่มเลยนะคะ
ใครที่ตามเรามาตั้งแต่กระทู้แรกจะพอทราบเรื่องแล้วว่าเราพบเจอกับอะไรมาบ้าง เรื่องที่เราจะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่เราเผลอไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มหาลัยจนทำให้เราเหมือนคนเสียสติไปพักนึง เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เราเรียนมหาลัยปี 1 เทอม 2 เรากะเพื่อนเรา ออม (ถ้าเคยอ่านกระทู้เราจะจำออมได้) หลังเลิกเรียนเรากับออมนั่งเล่นอยู่ในมหาลัย เพราะตอนนั้นยังไม่เย็นมาก เราเริ่มสังเกตสีหน้าออม ออมหน้าเศร้าเหมือนคนกำลังทุกข์ใจอะไรสักอย่าง เราได้แต่มองเพื่อน แต่ไม่กล้าถามอะไรเพราะตอนนั้นคิดว่าออมอาจจะมีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะถ้าอยากให้รู้ออมคงมาเล่าให้เราฟังและปรึกษาเรา เรานั่งอ่านหนังสือต่อแต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไร ก็กลุ่มนักกีฬาหน่ะสิสิ่งออกกำลังกายกัน แต่ละคนนี่ ดีต่อใจกันทั้งนั้น 555 อ่ะข้ามเรื่องนี้ไปละกัน แฮ่รๆ
ระหว่างที่เรากำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เฮ้อ!!!!!!เสียงออมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เราตัดสินใจถามออมว่า ออมแกเป็นไรเปล่า เห็นแกนั่งเหม่อตั้งแต่ตอนเรียนละ มีอะไรบอกได้นะ เผื่อเราช่วยได้เราจะช่วย “ไม่มีอะไรหรอกทีขอบใจมากนะ” ออมตอบพร้อมกับยิ้มให้เรา เรารู้สึกว่าออมต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ เพราะปกติ ออมจะร่าเริง ยิ้มเก่ง ตลก แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เราเห็นออมเป็นแบบนี้ “ฮัลโหล มีอะไร” ออมรับโทรศัพท์ใครสักคน แต่เราเดาได้ว่า ปลายสายน่าจะเป็นคนที่ทำให้ออมเป็นแบบนี้แน่นอน “ถ้าตัดสินใจแบบนี้ก็ไม่ต้องโทรมา และไม่ต้องมาเจอกันอีก แค่นี้นะ” ออมกดวางสาย พร้อมกับลุกขึ้นแล้วบอกกับเราว่า “ที กลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” โอเคๆกลับดีๆนะ บาย เราพูดจบ ออมก็เดินไป
หลังจากที่ออมกลับ เราก็เก็บของเตรียมตัวจะกลับเหมือนกัน แต่อยู่ดีๆก็มีลมพัดมาแรงมาก ลมปะทะเข้าที่หน้าเรา เราหลับตาเพราะใส่คอนเท็คเลนส์กลัวฝุ่นเข้า หลังจากที่เรารู้สึกว่าลมน่าจะไปแล้ว เราค่อยๆลืมตาขึ้นมา เราตกใจแทบช็อค เมื่อเห็นออมยื่นหน้ามามองเรา “โห่ ออม หัวใจจะวาย นึกว่ากลับไปแล้ว กลับมาทำไมอ่ะ ลืมของเหรอ” เราถามพลางเอามือจับหน้าอก ค่อยๆลูบเบาๆ เพราะตกใจใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก “ที วันนี้ขอไปนอนด้วยดิ ไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากทำอะไรเลย โทรบอกที่บ้านละ ไหนๆพรุ่งนี้ก้วันหยุด ไปเที่ยวกันดีกว่า ช่วงนี้เซ็งๆ” ออมพูดกับเรา
เราไม่ทันได้พูดอะไร ออมก็จับมือแล้วจูงมือเราเดินกลับหอ “นี่ๆ ออม หยุดก่อนๆ” เราแกะมืออมออกแล้วเดินไปขวางหน้าออมไว้ “บอกเรามาก่อนว่าออมเป็นอะไร มีอะไรไม่สบายใจ ไม่งั้นเราจะไม่ให้ออมไปที่ห้องเรา” เราพูดกับออม ออมไม่สนใจกับสิ่งที่เราพูด ออมจับมือเราอีกครั้งแล้วพูดว่า “ถึงห้องก่อนนะ จะเล่าให้ฟังนะคุณแม่” เพี้ยะ!!!เราตีแขนออม นี่ ยังจะมาพูดเล่นอีกนะออม เราสองคนเดินกลับหอเรา ระหว่างทาง ออมถามเราว่า “ที พวกพี่ๆเค้าถือพวงมาลัย กับดอกไม้ธูป เทียน ไปไหนกันอ่ะ” ออมพูดพร้อมกับหยุดเดินแล้วชี้ไปทางพี่ๆนักศึกษากลุ่มนึง ที่ต่างคนต่างถือ ดอกไม้ ธูป เทียน พวงมาลัย อยู่ในมือ เดินสวนทางกับพวกเราไป “ไม่รู้ดิออม ไปกันเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้พี่บีจะมาหา เดี๋ยวไม่เจอเรา” เราจูงมืออมเดินมาจากที่ตรงนั้น
พอมาถึงห้องเรา ออมถามเราอีกว่า “เออ ที ซี้แกยังอยู่มั้ยวะ (ซี้ที่ออมหมายถึง คือ ผู้หญิงที่เราเล่าไปในพาร์ทแรก ที่อยู่ห้องข้างๆ) เราตอบออมไปว่า “เค้าไปแล้วแหละออม เค้าไปอยู่ในที่ที่สมควรอยู่แล้ว ทำไม คิดถึงเหรอ” นี่แนะ พูดอะไรออกมา” ออมพูดพร้อมกับเอาไม้แขวนเสื้อตีก้นเรา เราไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ออมเปลี่ยน เราเปิดเพลงฟังพร้อมกับเอนตัวลงบนเตียง “ที เราอยากรู้อ่ะ ว่าพวกพี่เค้าไปทำอะไรกัน” ออมพูดออกมาจากห้องน้ำ “ช่างเถอะออม ว่าแต่แกยังไม่บอกเราเลยนะ ว่า เป็นอะไร” ออมเดินออกมาจากห้องน้ำ มานั่งเก้าอี้หน้าคอมเรา แล้วหมุนตัวมาทางที่เรานอน “ที คือ กอล์ฟ (แฟนออม) มันไปเที่ยวกับเพื่อนมัน แล้วไปมีเรื่องกัน มันยกพวกตีกันอ่ะที แล้วฝั่งนั้นตายคนนึง ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับ เรากลัวว่ามันจะโดนจับอ่ะแก” ออมพูดพลางน้ำตาคลอ “เฮ้ย!! จิงดิออม แล้วจะทำไงต่ออ่ะ ตอนนี้กอล์ฟอยู่ไหน” เราดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปหาออมแล้วเอามือแตะไหล่เบาๆ “ตอนนี้กอล์ฟอยู่บ้านน้าที่ลพบุรี มันต้องหลบไปสักพักอ่ะแก มันโทรมาบอกเราว่า เพื่อนมันโดนเอาคืน มันจะไปช่วยเพื่อนมัน แกคิดดูมันจะขับรถจากลพบุรี มากรุงเทพเพื่อมาช่วยเพื่อน มันไม่ห่วงตัวเองเลย ตำรวจก็ตามอยู่ ถ้าจับได้ขึ้นมาจะเป็นยังไง เรียนก็ยังไม่จบ มันไม่คิดถึงเราเลย เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มันรอด เราคิดมากอ่ะแก“ ออมร้องไห้ออกมา “ออม แกฟังเรานะ บางครั้งเราต้องยอมรับในสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ในระหว่างที่แกคิดมากอยู่เนี่ย อีกฝั่งเหมือนเค้าจะไม่คิดอะไรเลยนะ ใจเย็นๆค่อยๆคิด” เราปลอบเพื่อนที่นั่งร้องไห้อยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ที เปิดประตูให้หน่อย เสียงพี่บีอยู่น่าห้อง “ออมเลิกร้องไห้ซะนะ เดี๋ยวเราไปหาไรกินกัน พี่บีมาละ” เราพูดพร้อมกับเดินไปเปิดประตู ออมก็เช็ดน้ำตาอยู่ พี่บีเดินเข้ามาในห้อง เห็นตาออมบวม เพราะร้องไห้ พี่บีเดินเข้าไปจับไหล่ออมแล้วถามว่า ออม ใครทำอะไร เป็นอะไรรึเปล่า ออมกอดพี่บีและเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่บีฟัง “เฮ้อ เรื่องแบบนี้มันพูดยากเนาะ เอางี้เลิกคิดมากก่อน ไปกินบุบเฟ่ต์กุ้งเผากันดีกว่าพี่เลี้ยงเอง” พี่บีพูดพลางเช็ดน้ำตาให้ออม (เหมือนจะรักกว่าน้องตัวเอง555) เราสามคนหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเพื่อจะไปร้านบุบเฟต์
เมื่อมาถึงร้าน ระหว่างที่เรากำลังนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ออมพูดขึ้นว่า “พี่บี วันนี้ออมเห็นพวกรุ่นพี่ที่มหาลัยอ่ะ เค้าถือพวกเครื่องไหว้ ดอกไม้ ธูป เทียน กันเต็มเลยอ่ะ เค้าเอาไปทำอะไรกันไม่รู้” เราได้ยินแบบนั้นเลยพูดต่อว่า “นี่ออม ยังไม่เลิกสงสัยอีกเหรอ” พี่บีเงียบไปพักนึงก่อนจะพูดขึ้นว่า พี่ว่าเค้าน่าจะไปไหว้ศาลที่อยู่ในมหาลัยก็ได้ เค้าว่ากันว่า ขออะไรได้หมด ศักดิ์สิทธิ์มาก เพื่อนพี่ก็เคยไปขอให้ไม่ตก วิชาอะไรสักอย่างจำไม่ได้ แต่มันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องเลย แต่รู้มั้ยมันได้บี เลยนะ พี่ว่าน่าจะใช่ เด็กพวกนั้นอาจจะไปขอให้ตัวเองได้เกรด เอ กันก็ได้นะ” พี่บีพูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตากินแบบไม่ได้สนใจคำพูดตัวเองสักเท่าไร แต่!!!! เรารีบหันไปหาออม เห็นออมนั่งยิ้ม ก่อนที่จะพูดว่า “คิดออกแล้ว ออมจะไปขอให้กอล์ฟรอดจากการโดนจับ” เรากับพี่บีมองหน้ากัน เราพูดขึ้นว่า “นี่ออม อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ “ เราคิดว่าออมไม่น่าจะทำเพื่อแฟนขนาดนี้ เราหันไปสะกิดพี่บีเพื่อที่จะให้พี่บีช่วยห้ามออม “ออม พี่ว่าอย่าเลย ถ้าจะไปจริงๆมีศาลไม้เก่าใกล้ๆหอพักหลังมหาลัยที่นึง เพื่อนพี่บอกว่าตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พี่จะพาไป” ห๊า!!! เราตกใจกับคำพูดพี่บีมาก “พี่บีทำไมไปชี้ทางให้ออมแบบนั้นล่ะ แทนที่จะช่วยห้าม” เราว่าพี่สาวแต่ดูเหมือนนางจะไม่สนใจอะไรเราเลย
ออมยิ้มออกมาเหมือนมีความหวัง แล้วถามพี่บีต่อว่า “เราจะไปวันไหนคะพี่บี วันนี้ได้มั้ย ออมอยากไป แต่มันก็มืดแล้วอ่ะ (ตอนนั้นประมานสามทุ่ม) “ ออมจะไปจริงๆเหรอ” เราถาม “ มืดๆสิดี มันเงียบดี” พี่บีตอบออม “เฮ้ย!!สนใจกันบ้างมั้ยเนี่ย “ เราอารมณ์เสียกับสองคนนี้มาก เราหยุดกิน ทันที ออมเอามือมาจับมือเรา แล้วพูดกับเราด้วยเสียสั่นๆว่า “ ที ช่วยเราหน่อยนะ ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย เราไม่เคยขออะไรแกเลย เรากลัวแฟนเราติดคุกจริงๆ นะทีนะ” พี่บีพูดต่อว่า”เอาน่าที ช่วยออมหน่อย ดีซะอีกมีแกไป เวลาแกเห็นอะไรจะได้บอกพวกพี่ทัน” เราหันไปหาพี่บี “ก้นี่แหละที่กลัว” เราพูดพร้อมกับถอนหายใจ คือยังไงเราก็ต้องไปใช่มั้ย เราบ่นพึมพำกับตัวเอง “เอางี้ กินเสร็จแล้วไปซื้อธูปในเซเว่น แล้วไปกัน อยู่ไม่ไกลหรอก หลังมหาลัยแกแหละ ติดๆกัน จะว่าเป็นศาลไม้ของมหาลัยเลยก็ได้นะ” เรานั่งเงียบ และกินต่อไปจนอิ่มกันทุกคน พวกเราเดินไปซื้อของที่เซเว่นใกล้ๆ หลังจากนั้นพี่บีพาพวกเราไปยังที่ที่พี่บีบอก ทางเดินเข้ามืดมาก ออมกับพี่บีเกาะเราแน่น “นี่ แล้วก็บอกอยากมา จะกลัวอะไรกัน” เราพูดแต่ทั้งสองคนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเราเลย
เราสามคนเดินเข้าไปในซอยค่อนข้างมืดมีเพียงไฟถนนที่แสงริบหรี่ บรรยากาศมันวังเวงอย่างบอกไม่ถูก พี่บีพูดขึ้นว่า “จำได้ว่าอยู่แถวนี้ ตรงไหนน๊า” เราคิดได้เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟฉาย ระหว่างที่ไฟติดเราส่องไปข้างหน้า สิ่งที่เราเห็นแว็บเดียวคือ ผู้หญิงใส่ผ้าถุงเสื้อแขนยาวคอบัวสีแดง ยืนชี้ไปในซอยเล็กๆซอยนึง เราหยุดชะงักก่อนที่จะบอกพี่บีกับออมว่า “ทีว่าอยู่ตรงนั้น ในซอยนั้น” เราพูดพร้อมกับชี้ไปตรงซอยข้างหน้า พี่บีงงกับสิ่งที่เราพูดเลยถามเราว่า “รู้ได้ไงอ่ะ แกเคยมาเหรอ” “เปล่าหรอก มาเถอะน่าอย่าถามมากเลย รีบทำรีบกลับ” เราตอบ
เราสามคนเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ เราเดินตรงไปเรื่อยๆ หางตาเรารู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ เราหยุดและหันไปข้างๆทาง ผู้หญิงคนนั้นเขาสะแหยะยิ้มออกมาแล้วหายไป เราเอาไฟฉายส่องเข้าไปดูที่เขายืน สิ่งที่เราสามคนต้องตะลึงคือ ภาพตรงหน้าเป็นศาลไม้เก่าๆสภาพทรุดโทรม มีกิ่งไม้หักลงมาหล่นทับหลังคาศาลอยู่ มีเพียงเครื่องเซ่นไหว้เก่าๆหล่นอยู่ตามพื้น ไม่มีสีสันของดอกไม้ มีแต่ดอกไม้และพวงมาลัยที่เหี่ยวแห้ง เหมือนไม่มีคนมาไหว้มาดูแลมานานแล้ว เรารู้สึกหดหู่ใจมากกับภาพที่เห็น “พี่บีไหนบอกว่าศาลอยู่ใกล้กับหอพักไง ทำไมสภาพศาลเป็นแบบนี้ พามาถูกมั้ยเนี่ย” ออมถามพี่บี พี่บีชี้ไปที่ข้างหลังพวกเราแล้วบอกว่า “นั่นไงหอพัก และนี่ก็มหาลัย มันก็ใกล้แหละแต่พี่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็มันนานมาแล้วอ่ะ เพื่อนพี่มันเล่าให้ฟังนี่นา พี่พึ่งมาเจอครั้งแรกเนี่ยแหละ” เราได้ยินแบบนั้นเราเลยบอกให้ออมรีบไหว้รีบกลับ เพราะตอนนั้นเราเริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะตอนที่ยืนคุยกันอยู่ ผู้หญิงชุดแดงคนนั้น ยืนอยู่ในมุมมืดข้างหลังศาลแล้วจ้องมองมาที่เรา สายตาที่แข้งกร้าว กับรอยยิ้มที่น่ากลัว เราพยายามหันหน้าหนี แต่เราทำไม่ได้ เราไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย
ออมกับพี่บีเริ่มจุดธูป สองคนนั้นเถียงกันว่าจะจุดกี่ดอก ได้บทสรุปมายังไงไม่รู้ จุดดอกเดียว ออมกับพี่บีนั่งลงเตรียมไหว้ แต่เรายังยืนขาแข็งอยู่ตรงนั้น เราขยับตัวไม่ได้เลย มันกลัวไปหมด เพราะตอนแรกผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่หลังศาล แต่ตอนนี้เขาขยับมานั่งลงตรงหน้าออมกับพี่บี เขาอยู่หน้าศาล นั่งยองยองเอียงหัวมองหน้าออมและพี่บี แล้วเงยหน้ามายิ้มให้เรา “ที ยืนทำไม นั่งลงมาไหว้ด้วยกันไหนๆก็มาแล้วขอให้แกสอบผ่านไปเลยก็ได้มาแก้บนพร้อมกัน” พี่บีดึงแขนเราให้นั่งลง เรานั่งลงยกมือไหว้ เรายังไม่ทันได้พูดอะไร เราหลับตาลง รู้สึกเหมือนมีใครมานั่งข้างๆ เราลืมตาขึ้นมา เห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งยกมือไหว้ข้างๆเราเขาชะดงกหน้ามามองเรา เขาหัวเราะ มันช่างเป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวมาก มันดังก้องอยู่ในหูของเรา เราร้องไห้ออกมา ออมกับพี่บีหันมาหาเรา เราบอกทั้งสองคนไปว่า “รีบๆทำเถอะ เร็วๆเราไม่ไหวแล้ว” พี่บีกับออมหันไปแล้วทำตามที่เราบอก เรานั่งหลับตา เสียงหัวเราะยังคงก้องอยู่ในหูของเรา
“ทีๆ เสร้จแล้ว ไปกันเถอะ” ออมสะกิดเรา เรารีบลุกขึ้นยืน แล้วจะเดินออกไปจากตรงนั้น แต่จังหวะที่เรากำลังจะก้าวขาเดินออกไป เรารู้สึกเหมือนเหยียบอะไรบางอย่าง ดัง กึก ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวว่ามันคือกิ่งไม้ เราไม่สนใจอะไรเลย ไม่สนใจแม้กระทั่งจะก้มไปดูว่าตัวเองเหยียบอะไร เรา พี่บี และออม รีบเดินออกจากตรงนั้น แต่เหมือนมีอะไรดลใจให้เราหันกลับไป เราหันไปเราตกใจจนแทบจะเป็นลม เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้น ยืนเอามื้อท้าวเอว แล้วชี้หน้าเรา เสียงมันเข้ามาในหูเราว่า อยากเจอดีใช่มั้ย !!!!!
เราตั้งสติ จับมือพี่บี และออม แล้ววิ่งสุดชีวิต แต่ขณะที่เราวิ่งเพื่อที่จะมาขึ้นรถประจำทาง เสียงนั้นยังคงตามมาตลอด อยากเจอดีใช่มั้ย อยากเจอดีใช่มั้ย อยากเจอดีใช่มั้ย คำพูดเหล่านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเรา จนมาถึงหอเราเสียงนั้นก้ยังคงอยู่.....
เรามาถึงห้องเราเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะคอม เสียงนั้นหายไปแล้ว พี่บีพูดขึ้นว่า “หิวจังเลยอ่ะ พึ่งกินมาแท้ๆ “ “ออมก็หิวอ่ะพี่บี ไปเซเว่นกันมั้ย” ออมชวนพี่บี แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้อง “ที เอาไรมั้ย” พี่บีเปิดประตูแล้วชะโงกหัวมาถามเรา “เอานมจืดกล่องนึง” เราตอบพี่บีไป เรากำลังจะเดินไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ลืมอะไรพี่บี “เราพูดพร้อมกับเปิดประตู แต่ไม่มีใคร เราชะโงกหัวออกไปดู หันมองซ้ายขวา ก็ไม่มีใคร เราปิดประตูแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ปังๆๆๆ เสียงคนทุบประตูดังมาก เราสะดุ้งเพราะตกใจ เราเดินไปเปิดอีกรอบนึงก็ไม่มีใครอีก ด้วยความปากไวของเราเราจึงบ่นออกมาว่า”จะเคาะอะไรนักหนา รำคาญ” เราจึงเดินเข้าไปอาบน้ำ
ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ เรารู้สึกเหมือนมีคนทำอะไรอยู่ในห้อง เสียงดัง กุก กัก กุก กัก แล้วมีเสียงพี่บีดังมาว่า “ไม่เคาะแล้ว เข้ามาแล้วนะ 555” เราได้ยินแล้วคิดในใจว่า พี่บีนี่เอง ชอบแกล้งจังเลย เราอาบน้ำเสร็จ เราเดินออกมา เราต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่า ในห้องไม่มีใครเลย “พี่บี แกล้งอีกแล้ว อยู่ไหน ออกมาเลยนะ” เราตะโกนออกไป แต่ในห้องเงียบสงัด เรามองไปรอบๆไม่มีใครเลย ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ทีเปิดให้ออมหน่อย” ออมเรียกเราอยู่หน้าห้อง เราเดินไปเปิดประตูให้ออม เราเห็นออมยืนอยู่หน้าห้องคนเดียว เราเลยคิดว่าพี่บีกลับมาแล้วแน่ๆ เราเลยพูดกับออมว่า “พี่บีนี่ตลอดเลย กลับมาก่อนออมได้ไง ดึกแล้วไม่น่าปล่อยให้เดินมาคนเดียว” ออมทำหน้าสงสัยแล้วพูดกับเราว่า “พี่บีจะกลับมาได้ไง พี่บีเค้าเจอเพื่อนอยู่ที่เซเว่น เลยนั่งเล่นที่หน้าเซเว่นอ่ะ ออมเดินมาคนเดียวนะ” ออมตอบเรา เรามาทบทวนเหตุการณ์เมื่อกี้ ถ้าพี่บียังไม่มา แล้วใครเข้ามาในห้อง แล้วใครพูดกับเรา แล้วประโยคที่ว่า “ไม่เคาะแล้ว เข้ามาแล้วนะ” นั่นก็แสดงว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องเราเหรอ?? เรารีบแต่งตัว แล้วขึ้นไปบนเตียง
เราสวดมนต์ก่อนนอน ระหว่างที่เรากำลังก้มกราบหมอน มีผู้หญิงคนนึงก้มกราบพร้อมเรา เรามองด้วยหางตา ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสีแดง เป็นคนเดียวกับที่เราเจอที่ศาล เราได้แต่นั่งตัวแข็งไม่กล้าขยับ เขาค่อยๆโน้มตัวลงมามองหน้าเรา เราหลับตาไม่ได้อีกแล้ว เราจ้องหน้าเขาอยู่แบบนั้น เขาพูดพร้อมกับยิ้มออกมาว่า “อยากลองดีกับกูใช่มั้ย” แค่นั้นแหละ เรากรี๊ดออกมาสุดเสียง ออมซึ่งเข้าห้องน้ำอยู่วิ่งออกมาจากห้องน้ำ แล้วกรี๊ดหนักกว่าเรา เราตั้งสติ เราวิ่งไปจับมือออมแล้ววิ่งออกจากห้อง เราวิ่งลงไปที่หน้าหอเรา เราถามออมว่า ออมเป็นอะไร ออมบอกเราว่า “ที ตอนเราได้ยินเสียงแกกรี๊ดอ่ะ เราเลยออกมาดู เราเห็นผู้หญิงคนนึง อยู่ข้างแก เค้าหันมามองเราแต่เค้าไม่มีตาอ่ะแก” ออมพูดพร้อมกับเกาะแขนเราแน่น “แล้วแกอ่ะ เห็นเหมือนกันใช่มั้ย แกเลยกรี๊ดอ่ะ” ออมถามเรา เราตอบออมไปว่า “บ้าเหรอ จิ้งจกมันตกใส่เรา แกตาฝาดรึเปล่าออม เราเห็นแกกรี๊ดเราเลยตกใจ เลยจูงมือวิ่งออกมาเนี่ย” เรารู้สึกว่าตัวเองแถไปเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้เพื่อนกลัว เราสองคนนั่ง อยู่ที่ม้านั่งหน้าหอพัก เราชวนออมนั่งรอพี่บี ตอนนั้นเป็นเวลาประมานเกือบเที่ยงคืนแล้ว
พักนึงพี่บีเดินมา “อ้าว ไม่หลับไม่นอนกันรึไง มานั่งไรตรงนี้” พี่บีถามพวกเรา “ก็นั่งรอพี่บีแหละ กลับซะดึกดื่นเลย” เราตอบพี่บีไป “ก็เจอเพื่อนคุยกันนิดหน่อย ปะๆไปนอนกันดีกว่า” หลังสิ้นเสียงพี่บี เราสามคนก็เดินขึ้นไปบนห้อง “เดี๋ยวนะพวกแกหยุดเดินดิ๊” พี่บีพูดพร้อมกับเอามือกั้นไว้ให้เราหยุดเดิน “อะไรพี่บี มีไร” ออมถาม “ไม่มีไรๆ ป่ะเดินต่อ” เราก็เดินกันไปเรื่อยๆ “เดี๋ยวๆ หยุดๆ พวกแกใครเดินเสียงดังจังเลยวะ ลงส้นแรงเกินไปมั้ย เดี๋ยวเค้าก็ตื่นมาด่าหรอก” เราจึงถามพี่บีต่อว่า “ใครเดินเสียงดัง ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย พี่บีนี่เมาป่ะเนี่ย” เราพูดพร้อมกับเดินนำหน้าพี่บีและออมไป “ทีๆ หยุดๆ แกไปลุยโคลนที่ไหนมา ดูดิเลอะเต็มพื้นไปหมดเลย” ออมทักแล้วชี้ไปที่พื้น เรางงกับสิ่งที่ออมพูด ก้มมองเท้าตัวเอง เท้าเราปกติ ไม่มีแม้แต่โคลน รองเท้าก็ไม่มี แต่เรามองไปที่พื้น เห็นรอยเท้าชัดมาก โคลนเลอะพื้นเต็มไปหมด รอยเท้านั้นชัดมาก แต่มันเป็นรอยเท้าของคนที่ไม่ได้ใส่รองเท้า พี่บีกับออมเดินมาหาเรา ก้มมองเท้าเรา เหมือนทั้งคู่จะรู้ว่าโดนเข้าแล้ว พวกเรามองหน้ากันก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าห้อง เราเปิดประตูห้อง แล้วเข้าไป แต่ก่อนที่เราจะปิดประตู รอยเท้านั้นตามมาแล้วหยุดที่หน้าห้องเรา เรารีบปิด แล้วมานั่งรวมกันที่เตียงนอน เราต่างคนต่างไม่พูดอะไร เราล้มตัวลงนอนพร้อมกับพี่บีและออม ทุกคนนอนเงียบ นิ่ง ไม่ขยับ จนกระทั่งเราหลับไป คืนนั้นทุกอย่างปกติ จนกระทั่งเช้าวันต่อมา ร่างกายเราเริ่มผิดปกติ รวมทั้งข้าวของในห้อง
เราตื่นขึ้นมา อาบน้ำแต่งตัว เตรียมจะไปมหาลัย ระหว่างที่เราอาบน้ำอยู่ เราส่องกระจกเห็นข้างหลังตัวเองมีรอยเหมือนรอยที่ผ่านการโดนฟาดมาอย่างแรง เป็นรอยมือใหญ่ชัดมาก เราพยามมองหลายครั้งนึกว่าตาฝาด แต่รอยนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม เราคิดในใจว่าต้องเป็นออมหรือไม่ก็พี่บี คงนอนละเมอแล้วมาตีเรา แต่แปลกที่ทำไมเราไม่รู้สึกอะไรเลย เราหยุดความสงสัยของตัวเองไว้ พยายามไม่นึกถึงผู้หญิงคนนั้น เราล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า เราส่องกระจกดูหน้าตัวเองเหมือนปกติทั่วไปที่คนล้างหน้าต้องทำ แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ในกระจก ตัวเราเองยืนยิ้มอยู่ ทั้งๆที่เรายื่นหน้าเข้าหากระจก เราเอามือถูที่หน้า แต่ในกระจก เรากลับยืนนิ่งๆ แล้วยิ้ม เราหลับตาลง แล้วอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องน้ำ ปังๆๆๆๆ “ทีเป้นอะไรเปล่า มีอะไรมั้ย” ออมตะโกนเรียกเรา เรารีบเช็ดตัวนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วออกมา “มีอะไรเหรออม” เราถามด้วยความสงสัย “ก็เมื่อกี้เราได้ยินเสียงทีกรี๊ดอ่ะ ทีแหละเป็นอะไร” ออมตอบพร้อมกับเดินมาจับตัวเราหมุนแล้วสำรวจตัวเรา เราไม่ทันได้ตอบ ออมร้องออกมา “เฮ้ย!!ที เป็นอะไรเนี่ย ทำไมท้ายทอยแกเป็นแบบนี้” เราตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีแค่รอยประหลาดๆที่หลังที่เดียว เรารีบเดินไปที่กระจกแล้วส่องดูท้ายทอยตัวเอง เราตกใจขาสั่นไปหมด เราค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก เพราะที่ท้ายทอยเรา เป็นรอยเล็บข่วน เหมือนเป็นเล็บที่ยาวมาก แต่เราไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย “ออมพยายามถามเราว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไง เราบอกออมไปว่า “เราขอนะออม เราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่าถามเราอีกเลย” ออมเข้าใจในสิ่งที่เราพูด เราสองคนรีบแต่งตัวแล้วออกมาจากห้องเพื่อจะไปมหาลัย
ระหว่างทางไปมหาลัย เราแวะใส่บาตรกับออม เราใส่บาตรเสร็จพระท่านสวดให้พรจบ ก่อนจะไปท่านมองมาที่เราแล้วพูดว่า “ไปที่ชอบๆเถอะโยม สร้างเวรสร้างกรรมอีกเลย เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ” หลวงพ่อพูดเสร็จ ท่านบอกเราอีกว่า “โยม ไปทำอะไรมา หาเวลาไปหาหลวงพ่อที่วัดนะ หลวงพ่อจะรดน้ำมนต์ให้” หลวงพ่อพูดเสร็จก็เดินไป เรากับออมมองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินไปมหาลัยด้วยความเงียบ เรากับออมไม่พูดอะไรกันเลย
หลังจากเรียนเสร็จ เรานั่งรอออมที่หน้าตึก ออมไปเข้าห้องน้ำ เรารู้สึกเหมือนมีคนมองเราตลอดเวลา เรามองไปรอบๆคนที่เดินผ่าน จะมองมาที่เราแล้วพูดซุบซิบๆกันแล้วรีบเดินไป เราก็มองที่ตัวเราก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งออมเดินมาจับมือเราแล้วรีบพาเราเดินออกจากตรงนั้น “ออม รีบไปไหน มีอะไรมั้ย??” เราถามเพื่อนด้วยความสงสัย แต่ออมไม่ตอบ เราเลยถามต่อว่า แล้วเรื่องกอล์ฟเป็นยังไงบ้าง พอรู้เรื่องมั้ย “อืม มันรอดแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก” ออมพูดแต่สีหน้าออมไม่มีอาการดีใจเลย “ที เราว่าเราไปวัดกันเถอะ ไปหาหลวงพ่อให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ทีกันเถอะ”ออมหยุดเดินแล้วพูดกับเรา เราตอบออมไปว่า”อืม เราก็อยากไปเหมือนกัน แต่ออมต้องไปแก้บนก่อนนะ “ ออมพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “เราโทรบอกที่บ้านแล้วนะ ช่วงนี้เราจะมาอยู่กับที “ เราพยักหน้าให้ออม แล้วพากันเดินกลับหอ อีกนิดเดียวจะถึงห้อง พี่บีโทรมา “ที แกเป็นอะไรรึเปล่าเปิดประตูห้องหน่อย “ เราก้งงกับสิ่งที่พี่บีพูด เลยตอบไปว่า “ที่ไม่ได้อยู่ห้อง กำลังจะกลับห้อง ไปเรียนมา นี่ก็จะถึงแล้วเนี่ย” พี่บีเงียบไปสักพักก่อนจะบอกว่า “งั้นแกรีบกลับมาห้องเลยนะ พี่ว่ามันผิดปกติแล้ว “ เรากับออมรีบเดินกลับไปที่ห้อง เจอพี่บีกับป้าแม่บ้านยืนอยู่ที่หน้าห้องเรา เราถามพี่บีว่า “มีไรอะพี่บี” “พี่ยืนซื้อของอยู่หน้าหอ ป้าแกวิ่งลงมาบอกให้ขึ้นมาดูแก พี่ขึ้นมา ได้ยินเสียงคนร้องไห้ สลับกับหัวเราะในห้อง เสียงข้าวของหล่นเต็มไปหมด เราเอาหูแนบกับประตู ไม่มีเสียงอะไรเลย “ที เราว่ารีบเปิดห้องเถอะ โจรขึ้นห้องรึเปล่า” ออมบอกเรา เราค่อยๆไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไป เราสี่คนตะลึงกับภาพที่เห็น ข้าวของในห้องเราหล่นลงมากระจายเต็มพื้นไปหมด หนังสือ กระดาษปลิวเกลื่อน แต่สิ่งที่เราช็อคมากกว่านั้นคือ เรามองไปที่มุมห้องที่เป้นมุมมืดๆ เราเห็นผู้หญิงชุดแดงคนนั้น เค้าเกาะอยู่บนเพดาน เค้าหันมาหัวเราะให้เรา เราจำได้ว่าเรากรี๊ดแล้วไม่รู้สึกตัวอีกเลย
เราตื่นขึ้นมาเราเห็นพี่บี ออม และป้าแม่บ้านช่วยกันทำความสะอาดห้องอยู่ ออมเห็นเรารีบวิ่งมาหา แล้วถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง ออมทำหน้าตกใจ เรียกพี่บีมาดูเรา “ที ทำไมหน้าแกเป็นแบบนี้ แกเป็นอะไรรึเปล่า” พี่บีพูดพร้อมกับเดินไปหยิบกระจกมาให้เรา เราส่องดูหน้าตัวเอง เรางงมากกับสิ่งทึ่เราเห็น ขอบตาเราดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาเป็นเดือน ปากเราแตกระแหง หน้าเราซีด เวลาที่เราสลบไปไม่กี่ชั่วโมง มันไม่มีทางทำให้เราเป็นได้ขนาดนี้แน่ “ที เราว่าแกไปหาพระเถอะ มันผิดปกติมากเลยนะ “ ออมพูดกับเรา เราถามออมต่อว่า “ออมรู้เหรอ” ออมเงียบไปสักพักก่อนพูดขึ้นว่า “ทีแกจำตอนที่เราบอกว่าเราได้ยินเสียงแกร้องออกมาจากห้องน้ำมั้ย เราได้ยินจริงๆนะ แต่แกก็บอกว่าไม่ได้ร้อง แถมแกยังมีรอยที่ท้ายทอยอีก และก็ตอนที่แกนั่งรอเราที่หน้าตึก เราเดินมาจากห้องน้ำ เราเห็นผู้หญิงคนนึง นั่งอยู่กับแก มือเขากดหัวแกอยู่ เราว่าไม่ใช่คนแน่ๆ” ออมพูดกับเราแล้วจะร้องไห้ “ใส่ชุดสีแดงมั้ยออม เราถาม ออมตกใจทำตาโต แล้วพูดกับเราว่า “ชะ ใช่” พี่บีพูดกับเราต่อว่า ที มีอีกอย่างที่แกต้องเห็น พี่บีพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เพดาน เรามองตามไปเจอ รอยเท้าที่มีโคลน อยู่บนเพดานเต็มไปหมด “พี่พยายามจะเช็ดแล้วนะ มันเช็ดไม่ออก” พี่บีบอกเรา เราตกลงกันว่าจะไปหาพระที่วัดพรุ่งนี้
แต่แล้ว เราก็ต้องเจอกับภาพที่จะจำไปจนวันตาย.......
คืนนั้น เรานอนกับออมและพี่บีเหมือนปกติ เรานอนติดผนัง ออมนอนตรงกลางแล้วต่อด้วยพี่บี เรารู้สึกตัวตอนประมานห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน เราเห็นออมเดินไปเข้าห้องน้ำ สักพักออมเปิดไป เราถามออมว่า”ออมเปิดทำไมเดี๋ยวพี่บีก็โวยหรอก” ออมยังยืนอยู่หน้าห้องน้ำ หันมามองหน้าเราแล้วพูดว่า”ที แกโอเคเปล่า” เราไม่ได้เอะใจอะไรกับคำถามของออม เราตอบออมไปว่าเราโอเค เพราะคิดว่าออมคงเป็นห่วง ออมปิดไฟ เดินมานอนบนเตียง ออมนอนกอดเราแน่น แล้วเราก็หลับไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เราต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าออมกอดเราแน่นจนเกินไป เราหายใจไม่ออก เราตัดสินใจพลิกตัวมาหาออมเพื่อที่จะปลุกให้ตื่น แต่ เรากลับเห็นผู้หญฺิงคนนั้น นอนลืมตามองเราอยู่ เขากอดเราแน่น เราพยายามดิ้นแต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด หน้าเขากับหน้าเราอยู่ห่างกันแค่ฝ่ามือ ที่สำคัญเราหลับตาไม่ได้อีกแล้ว ตาเราเบิกโพรงอยู่อย่างนั้น เราเห็นใบหน้าที่ซีด ขอบตาดำคล้ำ ปากแตกระแหง เหมือนเราไม่มีผิด ยังไม่พอ ผิวหนังเขา ค่อยๆเหี่ยวย่น จนกลายเป็นคนแก่ ภาพมันยังตราตรึงอยจู่ในหัวของเรา เป็นภาพที่เราไม่สามารถลืมได้เลย เราเหมือนคนกำลังจะขาดใจตายในตอนนั้น “ทีๆๆๆ” เสียงพี่บีเรียกเรา “เราหลุดออกจากอ้อมกอดนั้นทันที รู้สึกโล่งมาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็ว่าได้ “พี่บี ทีไม่ไหวแล้วอ่ะ” เราร้องไห้ออกมาแล้วโผลเข้ากอดพี่สาว ออมงัวเงียตื่นขึ้นมาถามเราว่าเป็นอะไร เราบอกให้ออมนอนต่อ
พี่บีเปลี่ยนที่นอนกับออมเพื่อมานอนข้างเรา พี่บีจะเอื้อมมือมากอดเรา เราสะดุ้งสุดตัว คือมันกลัวมากภาพมันยังอยู่ พี่บีนอนเอามือกอดอก เรานอนหันหน้าเข้าฝาตามเดิม นอนไปสักพักจนเช้า “ทีๆ ตื่น” เสียงพี่บีเรียกเรา เราพลิกตัวหันไป ลืมตาขึ้น หน้าหญฺิงแก่คนนั้น พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเรา เรากรี๊ดสุดเสียง พี่บีและออมสะดุ้งตื่นมาจับเรา ตอนนั้นเราจำได้ว่าเรากรี๊ดไม่หยุด เราไม่ไหวเรากลัวมันระแวงไปหมด พี่บีพยายามปลอบเรา จนเราดีขึ้น เราสามคนรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปวัดกัน
เราโบกแท็กซี่แล้วขึ้นไปนั่ง เรานั่งข้างหลังกับออม พี่บีนั่งข้างหน้า เมื่อมาถึงปากทางเข้าวัด อยู่ดีๆคนขับก็เบรคกะทันหัน ออมถามว่ามีอะไร คนขับบอกว่า “มีคนเดินตัดหน้ารถครับ ผู้หญิงบ้าที่ไหนไม่รู้ ยังมีหน้าหันมาชี้หน้าผมอีกนะ “ เราสามคนมองหน้ากัน เพราะเราต่างไม่เห็นกันทุกคน ออมกำมือเราแน่น เมื่อรถมาจอดในวัด เราเดินไปที่กุฏิหลวงพ่อ (หลวงพ่อที่เราเจอตอนใส่บาตรเป็นหลวงพ่อที่คนแถวนั้นรู้จักกันดี) หลวงพ่อเจอหน้าเราท่านพูดขึ้นว่า “ไม่ยอมลดละจริงๆนะโยม”หลวงพ่อมองหน้าเราแล้วพูดว่า “เจอศึกหนักหน่อยนะโยม มาเข้ามาหลวงพ่อจะรดน้ำมนต์ให้” หลวงพ่อก็ทำพิธีรดน้ำมนต์จนเสร็จ ท่านได้บอกพวกเราต่อว่า “พวกโยมไปทำอะไรกันไว้ จำได้มั้ย ให้กับไปแก้บนเขาซะนะ “ พี่บีกับออมมองหน้ากันแล้วพี่บีก็พูดว่า “พี่ลืมไปเลย พี่บนไว้ขอให้ถูกหวย พี่ก็ถูกจริงๆนะ ส่วนออมแฟนก็รอดจริงๆ เราลืมไปแก้บนกันนี่นา” ออมพูดต่อว่า “แต่หลวงพ่อคะ ทำไมเขาทำทีขนาดนี้ล่ะคะ ทำไมไม่มาทำคนที่บนไว้” ออมถามด้วยความสงสัย เราก็อยากรู้เหมือนกัน หลวงพ่อท่านเลยบอกต่อว่า “โยนไปที่ศาลนะ แล้วโยมจะรู้ ซื้อรูปปั้นผู้หญฺงใส่ชุดไทยสีแดงไปด้วยนะ อาตมาบอกได้แค่นี้ แล้วโยมสองคนได้สัมผัสอะไรบ้างมั้ย” หลวงพ่อมองหน้าพี่บีและออมสลับกัน เห็นค่ะ ออมตอบ” หลวงพ่อจึงบอกออมว่า นั่นเป็นเพราะ โยมไม่ได้ไปแก้บนเค้าไง เค้าถึงปรากฏตัวให้เห็น แต่โยมคนนี้ (ชี้มาทางเรา) เผลอไปลบหลู่เขาเข้า เค้าเลยจะตามหนักกว่าคนอื่น เตรียมของไปแก้บนนะ แล้วรีบไปซะ” เราสามคนกราบลาหลวงพ่อแล้วรีบไปซื้อของที่ตลาด พี่บีกับออมเดินซื้อของอยู่ มีเสียงเรียก”ทีๆ” เราหันหาเสียงนั้น แต่เราเจอ ผู้หญิงคนนั้น ยืนอยู่ข้างหลังพี่บี แล้วชี้หน้าเรา เราก้มหน้าร้องไห้ พี่บีกับออมรีบซื้อแล้วพาเราออกจากตรงนั้น
เมื่อเราไปถึงศาล สิ่งที่มันทำให้เราช็อคยิ่งกว่าเจอผู้หญิงคนนั้นคือ ตรงศาลมีหุ่นผู้หญิงใส่ชุดแดง แตกกระจายอยู่ที่พิ้น ภาพมันวิ่งเข้ามาในหัวเราทันที วันนั้นเอง วันที่เรามาที่นี่ครั้งแรกที่เรารู้สึกเหมือนเหยียบอะไรสักอย่างแต่เราไม่ก้มลงไปดู มันคือหุ่นผู้หญิงชุดแดงนี่เอง เรานั่งลงร้องไห้กับภาพที่เห็น เราได้แต่พูดว่าขอโทษๆ เราเงยหน้ามามองไปที่หลังศาล เห็นมีแอ่งน้ำเล็ก มีรอยเท้า เป็นรอยเท้าเดียวกันกับที่เราเคยเจอเพราะมันใหญ่มาก เราเอาแค่ร้องไห้อยู่แบบนั้น พี่บีและออมจุดธูปขอขมาแก้บนเสร็จ เราเอาหุ่นที่เราซื้อมาไปวางไว้ที่ศาล เราจุดธูปเราพูดทุกอย่างเพื่อแสดงความขอโทษ เราร้องไห้ไปด้วย พี่บีและออม ค่อยๆพยุงเรายืนขึ้นแล้วกลับหอ ตั้งแต่นั้นมาเราไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีก แต่เรา จะสะดุ้งทุกครั้งเวลามีคนเรียกชื่อ แม้กระทั่งเสียงคนคุ้นเคยเราก็ไม่กล้าหันไปมอง เรากลายเป็นคนตกใจเสียงทุกอย่างที่ดังขึ้น เรากลายเป็นคนที่เวลามีคนเดินมาแตะตัว เวลาเผลอเราจะกรี๊ดออกมาเลย จนเราอยู่ไม่ได้ เราต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราหยุดเรียนไปเกือบ 1 ปีเต็มที่เราเป็นแบบนี้ มีหลวงพ่อมาทักแม่เรามาแนะนำให้เราถือศีล 7 วัน เราก็ไปทำตามที่หลวงพ่อบอก แม่ไปเป็นเพื่อนเรา
วันสุดท้ายที่เราถือศีล เรานั่งสมาธิในโบสถ์อยู่ดีๆเราก็เห็นภาพผู้หญิงคนนั้น เขาใส่ชุดสีแดงสวย ไม่เก่าเหมือนตอนแรก เขายืนอยู่ตรงศาลแห่งนั้น เขายิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่มีความสุข เรารับรู้ได้ว่าเขาคงให้อภัยเราแล้ว เราอาการดีขึ้น เรากลับมากรุงเทพ มาหางานทำอยู่กับพี่บี เราเจออมบ่อยๆ ปัจุบันนี้ออมเรียนจบทำงานเราก็ยังเจอกันเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม
ออมมาเล่าให้เราฟังว่า “ที รู้ไรป่ะ ว่าตรงศาลนั้นอ่ะ เค้าสร้างเป็นหอพักแล้วนะ เห็นเขาว่าสร้างทับศาลไปเลย”
เราได้ฟังแล้วก็ตกใจ แต่เราไม่เคยคิดจะไปแถวนั้นอีกเลย และต่อมาก็ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับหอนั้นอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับ
“ผู้หญิงชุดแดง”
จบแล้วค่ะประสบการณ์ของเรา เราไม่ได้หวังให้ใครมาเชื่อนะคะ แต่รับรองว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้นะคะ สวัสดีค่ะ
Post a Comment