ทางหลวงอาถรรพ์
"ทางหลวงอาถรรพ์" เรื่องสั้นจากนักเล่าเรื่องสยองสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 เล่าถึงความอาถรรพ์ของทางหลวงแห่งหนึ่งที่สังเวยไปหลายศพ ขอขอบคุณเรื่องดีๆไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยครับ มันเกิดขึ้นสมัยประถม ตอนนั้นครอบครัวผมมีบ้านอยู่ในซอยเล็กๆข้างถนนใหญ่ แล้วอยู่ๆก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ที่ทำให้พวกคนในชุมชนแถวนั้นพากันเล่าต่อๆกันปากต่อปาก และเป็นจุดกำเนิดของตำนานอาถรรพ์ของที่นั่น แต่จากมุมมองของผมแล้ว ผมมั่นใจได้เลยว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะผมเชื่อว่าทุกศพที่ถูกสังเวยไป มันมีคำอธิบายเสมอ
มันคือทางหลวงหมายเลข 1093 ครับ มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง ขนาด 4 เลน และที่น่ากลัวคือความเร็วของรถที่นั่น จากตลอดระยะเวลาที่ผมเติบโตมา กับเสียงของพวกรถที่วิ่งสวนไปมาทั้งวันทั้งคืน ถ้าเสียงมันมาถึงบ้านผมได้ รถจะต้องวิ่งไม่ต่ำกว่า 100 กม/ชม แน่นอน และโดยเฉพาะช่วงใกล้ปีใหม่ ที่แทบจะไม่มีใครกล้าเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพราะรถมันหนาแน่นมากๆ ลองนึกถึงสนามแข่งรถสิครับ แค่ไปยืนใกล้ๆก็กลัวมันจะพุ่งเข้ามาหาเราแล้ว นับประสาอะไรกับการลองก้าวเท้าลงไป
ผมกลัวนะ ยิ่งตอนเด็กๆนี่กลัวมากด้วย ไม่เคยชินสักที แต่ผมก็ยังเห็นคนแถวนั้นไปยืนรอข้ามไปอีกฝั่ง เพราะอะไรน่ะเหรอครับ คือฝั่งตรงข้ามมันเป็นห้างสรรพสินค้า แล้วรอบๆห้างก็จะเป็นตลาดนัดอ่ะครับ เชื่อมั้ยว่าทุกครั้งที่ผมเหลือบไปเห็นคนจะข้ามถนน ผมจะคอยลุ้นให้เขาข้ามผ่านไปด้วยดี แต่ชาวบ้านแถวนั้นคงชินแล้วแหละครับ ไม่งั้นคงไม่กล้า เหมือนผมไง
มีหลายครั้งที่พ่อกับแม่พาไปเดินห้าง แต่เราเลือกที่จะเดินอีกประมาณครึงกิโลไปที่สะพานลอยแทน พวกท่านคงไม่เอาชีวิตผมไปเสี่ยงแน่ๆ แม้จะเดินไกลหน่อย แต่ผมก็รู้สึกปลอดภัยที่ไม่ต้องคอยระวังรถพวกนั้น บางทีการที่ผมเป็นลูกชายคนเดียว ที่จะคอยสืบทอดทั้งสายเลือดและธุรกิจของตระกูลทั้งหมด มันอาจเป็นเหตุผลลึกๆของพ่อกับแม่ก็ได้ คือบ้านเราจะดูมีฐานะหน่อยๆอ่ะครับ แบบมองจากถนนมาก็เห็นเลย อยู่ลึกสุดในซอย แล้วก็ดูเหมือนจะใหญ่สุดด้วย
เริ่มเรื่องเลยดีกว่าครับ ตอนนั้นน่าจะกลางๆเดือนพฤศจิกายน ผมกลับจากโรงเรียนมา แล้วก็เจอคนเยอะมากๆพากันมุงอะไรสักอย่างอยู่หน้าปากซอย รถตำรวจก็มาด้วย และผมก็เห็นแว้บๆว่าข้างในฝูงชนพวกนั้น มีรถคันนึงจอดอยู่ เปล่าครับ ผมไม่ได้เข้าไปมุงกับเค้า แต่แม่ผมไป คืนนั้นแม่ผมก็เลยมาเล่าว่ามีคนโดนรถชนตาย ตามที่แม่ผมบอกนะครับ คนที่ตายเป็นแม่บ้านทำงานอยู่ห้าง ชาวบ้านเล่าว่าเห็นแกเดินข้ามถนนไป แล้วอยู่ดีๆก็หยุด พร้อมกับก้มลงเก็บอะไรสักอย่าง ทีนี้ตำรวจบอกว่าเป็นเหรียญสิบบาท แล้วพอจะเงยหน้าขึ้นก็ไม่ทันแล้วครับ แกเสียชีวิตคาที่ตรงนั้นเลย
ผมช็อกไปเลยครับ พูดอะไรไม่ถูก ได้แต่ย้ำถามแม่ว่าเป็นเหรียญสิบจริงๆใช่มั้ย แม่ก็บอกว่าใช่ เพราะตำรวจเล่าให้ฟังเอง ก็อย่างที่บอกอ่ะครับ ผมเชื่อว่ามันต้องมีคำอธิบาย เพราะครั้งที่สองเกิดขึ้นประมาณอีกสัปดาห์ต่อมาเองครับ ที่เก่าเวลาเดิมเลย แต่ครั้งนี้เป็นเด็กผู้ชาย ม.ต้น แม่ใช้ให้ไปซื้อของที่ตลาด แล้วก็นั่นแหละครับ เหลือบไปเห็นเหรียญสิบ ก็เลยก้มลงเก็บ
และครั้งที่สองนี้ผมได้ไปดูที่เกิดเหตุด้วยครับ ไปกับพ่อกับแม่ ตอนผมแทรกตัวผ่านพวกชาวบ้านเข้าไปดูร่างของเด็กคนนั้น เค้ายังไม่ตายครับ เหมือนกล้ามเนื้อบางส่วนยังกระตุกๆอยู่ ลูกกะตาก็ยังกรอกไปมา แต่คือใบหน้านี่อาบเลือดเลยครับ พอได้มองดีๆผมก็เห็นฟองอากาศที่ตรงปากกับจมูก เลือดมันจะไหลออกมาตรงนั้น แล้วพอเค้าหายใจเป็นเฮือกๆ มันก็มีเหมือนฟองอากาศผุดออกมา ปุดๆ ปุดๆ แบบนั้นเลยครับ
แค่ภาพที่เห็นมันก็ติดตาผมแล้ว แต่นี่คือตลอดเวลาได้ยินแต่เสียงแม่เค้ากรี้ดอ่ะครับ คืออธิบายไม่ถูกว่ามันเหมือนอะไร จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ จะตะคอกออกมาดังๆก็ไม่เชิง พอหันไปดูก็เห็นแม่เค้านอนอยู่บนพื้นข้างถนน แล้วก็กลิ้งตัวไปมาพร้อมกับกรีดร้อง ชาวบ้านน่าจะกันตัวแกออกมาแล้ว แกก็เลยได้แต่ลงไปกลิ้งอยู่อย่างนั้น เข้าใจแกเลยว่ามันคงไม่เหลืออะไรแล้ว หลังจากได้เห็นสภาพลูกตัวเอง มันยังหลอนผมถึงทุกวันนี้เลยครับ
ซักพักข่าวก็ออกมาว่าเด็กคนนั้นไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมช็อกเท่ากับการที่ได้รู้ว่าเหตุมันเกิดจากเหรียญสิบบาท มั่นใจได้เลยว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน แล้วพอมันเกิดขึ้นสองครั้งติดกัน แถมห่างกันแค่แป๊บเดียว เหรียญชนิดเดียวกันด้วย ชาวบ้านบางส่วนก็เลยอดไม่ได้ที่เรียกมันว่าเป็นอาถรรพ์ เป็นอะไรบางอย่างที่เหนือคำอธิบายทั่วไป แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าอาจแค่บังเอิญก็ได้ แต่ก็นะ เรื่องนี้มันแล้วแต่คนจะเชื่อ
คือที่เล่าๆกันมาก็มีสองประเด็นหลักๆครับ อันแรกคือว่าวิญญาณของผู้หญิงคนแรกที่ตายต้องการเอาตัวตายตัวแทน ซึ่งนี่รวมถึงประวัติการก่อสร้างทางหลวงนี้ด้วยครับ ว่ากันว่ามีคนงานเคยเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบศพ และทั้งหมดล้วนเกิดไล่เลี่ยกัน ส่วนสาเหตุนั้นจะต่างกันออกไปครับ บ้างก็ว่ารถชน บ้างก็ว่าป่วยตาย บ้างก็ไหลตายไปเลย แล้วอีกประเด็นนึงก็คือประมาณสองสามสัปดาห์หลังเด็กคนนั้นตาย มีชาวบ้านเล่าว่าได้เห็นเด็กผู้ชายคนนั้นออกมาเดินอยู่ริมถนนตอนดึกๆ คือใส่เสื้อเดียวกันกับตอนที่ตายเลย แล้วเค้าเหมือนพยายามข้ามไปอีกฝั่งอ่ะครับ แต่ไม่กล้า ก็เลยได้แต่เดินๆหยุดๆอยู่ริมถนนตรงนั้น... ณ จุดที่เค้าเคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน
ทุกครั้งที่ผมได้ฟังเรื่องเล่าพวกนี้ ไม่ว่าจะจากปากแม่ของผมหรือคนแถวนั้น มันทำผมรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก หัวใจผมจะเต้นแรงและรัวมากๆ แล้วมือผมก็จะเริ่มสั่นเบาๆ ซักพักมันก็จะหายไปเอง แต่ทุกคืนผมก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปนอนคิดถึงมัน คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกมั้ย คิดว่าจะมีใครบ้างไหมที่รู้ว่าจริงๆแล้ว เหรียญมันมาจากไหนกันแน่ และมันทำผมแทบนอนไม่หลับเลยทีเดียว
จริงอยู่ที่เหตุการณ์นี้มันเว้นช่วง แต่ก็แค่ไม่กีวันหลังมีคนเห็นเด็กคนนั้น มันก็ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม วันนั้นเป็นวันหยุด ผมนอนดูทีวีอยู่บ้าน แล้วอยู่ดีๆก็มีเสียงโครมครามดังมากๆ มาจากถนน พอลงไปดูจึงได้รู้ว่ามีรถตู้เสียหลักเบียดรถกระบะ ทำให้ทั้งคู่ร่วงลงข้างทาง พาดหัวข่าวทั้งในหนังสือพิมพ์และทีวีก็ต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกัน ว่ามีหญิงชราคนนึงเดินข้ามถนน แล้วพอจะถึงเกาะกลางก็ก้มลงไปเก็บเหรียญสิบบาทที่หล่นอยู่ เพียงแต่คราวนี้รถตู้ที่วิ่งมามองเห็นได้ทัน จึงหักหลบแล้วไปเบียดกับรถกระบะจากอีกเลน ทำให้เสียหลักลงข้างทาง มีคนตายทั้งหมด 3 คน รวมทั้งคนขับทั้งสอง แต่หญิงชราคนนั้นรอดตายราวกับปาฏิหาริย์ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ
แม่ผมเล่าว่าหญิงชราคนนั้นเพิ่งจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวในช่วงปีใหม่ พอตกเย็นก็เลยจะเดินข้ามถนนไปซื้ออาหารมาทำกิน ไม่มีใครในครอบครัวทันสังเกตเห็นตอนที่เดินออกไป และด้วยความที่ไม่ใช่คนแถวนี้เลยไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บวกกับเหรียญสิบที่อยู่ตรงนั้นพอดี จึงทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันดังกล่าว
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครข้ามถนนนี้อีกเลยครับ แล้วก็ไม่มีใครเห็นเด็กคนนั้นอีกเช่นกัน ตอนนี้ผมเรียนมัธยมอยู่อีจังหวัดนึงครับ ย้ายไปอยู่กับคุณลุงคุณป้าแทน และผมก็มักจะได้ยินเรื่องเล่าของถนนเส้นนั้นอยู่ ทั้งในทีวีและในอินเทอร์เน็ต มันจะเล่าถึงอาถรรพ์ที่ทำให้ไม่มีใครกล้าข้ามไปอีกฝั่ง เล่าถึงเหรียญสิบปริศนาที่ไม่มีใครรู้ว่ามาจากที่ไหน และทุกครั้งมันจะเล่าถึงการปรากฏตัวของดวงวิญญาณเด็กชายที่เคยออกมาเดินอยู่ริมขอบถนนตอนกลางดึก อันเป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่วันจะมีคนต้องสังเวยชีวิตให้กับที่นั่น ซึ่งทุกครั้งที่ผมได้ฟังหรืออ่านมัน ผมก็จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้
เพราะผมว่ามันมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ พอมีคนตายมากขนาดนั้นจากสาเหตุคล้ายๆกันแล้วก็เกิดไล่เลี่ยกัน พวกชาวบ้านกลับเชื่อเรื่องอาถรรพ์พวกนี้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งนั่นก็รวมถึงพ่อกับแม่ผมด้วย เพราะทุกครั้งที่ผมแวะมาเยี่ยมตอนวันหยุดแล้วมาถามเกี่ยวกับสิ่งที่เคยเกิด ใครๆก็เอาแต่บอกว่ามันเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นเกี่ยวกับตัวตายตัวแทนอะไรพวกนี้ ไม่มีใครซักคนคิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญหรือมีใครจงใจทำให้เป็นแบบนั้น ดูเหมือนความเชื่อเรื่องผีๆสางๆจะฝังรากลึกในชุมชนเล็กๆแห่งนี้เสียแล้ว
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี
เดี๋ยวผมเล่าอะไรให้ฟังนะครับ
มันค่อนข้างง่ายน่ะครับ เพราะชาวบ้านก็มีฐานะไม่ค่อยจะดีนัก และทุกคนก็มีความโลภเป็นของตัวเองอยู่แล้ว สำหรับผมนะ มันยากก็แค่ตอนโยนนี่แหละ เพราะหลังจากแอบออกจากบ้านตอนกลางดึกพร้อมกับเหรียญสิบบาทหนึ่งเหรียญ การทดลองเล็กๆของผมก็ได้เริ่มขึ้น ผมต้องเล็งให้เหรียญมันไปลงตรงกลางๆถนนพอดี แล้วมันก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง หลังจากเหยื่อล่ออยู่ในที่ของมันแล้ว ที่ผมต้องทำต่อจากนี้ก็แค่รอ
แรกๆผมก็ไม่ค่อยหวังอะไรหรอกครับ แต่พอมีคนตายจริงๆ ไม่รู้สิครับ ผมก็เริ่มจะติดใจ แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มมาจากความอยากรู้อยากเห็นของเด็กประถมคนนึง แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นโมเมนต์ความตื่นเต้นเล็กๆของช่วงวัยเด็กของผม และเชื่อมั้ยครับ วันนั้นที่ผมเห็นร่างอันแหลกสลายของเด็กชายผู้โชคร้าย มันทำให้ผมปิ๊งไอเดียนึงขึ้นมา ผมยังจำเขาได้ดีเลย สภาพร่างกายที่โดนรถชนจนเลือดท่วม รวมทั้งเสื้อผ้าทุกชิ้นที่เขาสวมใส่ ผมกลับบ้านมาค้นตู้เสื้อผ้าตัวเอง เพื่อหาสิ่งที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด แล้วเมื่อเวลามาถึง ผมจึงกลายเป็นผี ผีที่ปรากฏตัวตอนกลางดึก เดินไปเดินมาอยู่ริมถนน เพื่อวางเหยื่อล่อชิ้นถัดไป ผมคือสิ่งที่ชาวบ้านหวาดกลัวเกินกว่าจะสงสัยอะไรใดๆ
ผมได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับมานานหลายปี ทุกชีวิตที่สูญเสียไปบนทางหลวงหมายเลข 1093 เส้นนั้น มันทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป โดยเฉพาะเหตุการณ์สุดท้ายที่มีคนตายถึงสามคน ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนร่วมในการสานต่อตำนานอาถรรพ์ของที่นั่นให้คงอยู่ต่อไป จนถึงทุกวันนี้
และใครที่บังเอิญอยู่ใกล้ๆแถวนั้น ถ้าว่างๆอยากให้ลองมองออกไปที่ถนน ลองมองดูดีๆตรงจุดที่เคยเกิดเหตุ คุณจะเห็นบางสิ่งกำลังส่องสว่างวิบวับๆอยู่กลางถนน โลหะชิ้นเล็กๆที่สะท้อนแสงอาทิตย์อยู่ทุกวัน โลหะชิ้นเล็กๆที่โดนรถวิ่งทับอยู่ตลอดเวลา เฝ้ารอผู้โชคร้ายคนต่อไปอย่างใจเย็นและอดทน
ผมฆ่าคนตายไป 5 ศพ ด้วยเงิน 30 บาท และหวังว่าเมื่อถึง 40 มันจะคุ้มกับที่ได้ลงทุนไปนะครับ
จบ…
---
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องที่เจ็ดของผม หวังว่าจะชอบกันนะครับ คิดเห็นอย่างไรสามารถติชมได้เต็มที่เลยครับ ขอบคุณมากๆที่อ่านจนจบ สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป ทางหลวงอาถรรพ์
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 5347947
Post a Comment