เรื่องของก้อย (นามสมมุติ)
เรื่องของก้อย (นามสมมุติ) เรื่องสยองขวัญสร้างจากประสบการณ์จริงของจากสมาชิกพันทิปนาม TharaJF เมื่อครั้งที่ไปอบรมที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือและ เรื่องราวสยองเกิดขึ้น ขอขอบคุณสมาชิกพันทิปนาม TharaJF สำหรับเรื่องราวสยองขวัญไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งเราไปอบรมที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ และใช้ระยะเวลาอบรมทั้งสิ้น 1 อาทิตย์
แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีเรื่องราวและมิตรภาพให้จดจำมากมาย ตอนที่ไปอบรมจะมีหัวหน้า
เป็นผู้ชาย ทางสถานที่อบรมจึงให้นอนแยกห้อง (ขอข้ามรายละเอียดงานที่ไปทำ ^^)
สถานที่ไปพักเป็นตึก 3 ชั้น แต่ละชั้นมี 5 ห้อง เราได้อยู่ห้องริมสุดของชั้น 3 ซึ่งบันไดทางขึ้นลงมีอยู่ฝั่งเดียว
ดังนั้น หากเราจะเดินเข้าห้องก็ต้องผ่านห้องทั้งหมดอีก 4 ห้องก่อนจะถึงห้องเราห้องสุดท้าย ส่วนหัวหน้าเรา
ได้ห้องนอนอยู่ชั้น 2 ห้องริมสุดตรงกับห้องเรา สถานที่อบรมจะมีเจ้าหน้าที่พาไปดูที่พัก เก็บกระเป๋า พักผ่อน
แล้วนัดแนะมาเจอกันอีกทีที่โรงแรมจัดสัมมนาซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก เดินไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึง ซึ่งพวกเราทั้งหมด
อีก 7 ชีวิต เป็นส่วนเกินที่เหลือที่ห้องของโรงแรมเต็ม จึงได้ระเห็ดออกมาอยู่ห้องพักข้างนอก
ว่ากันต่อด้วยการเข้าพัก คืนแรกเราพักคนเดียว ก่อนนอนสวดมนต์แผ่เมตตาแล้วนอนหลับด้วยความเหนื่อยล้า
ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร เช้าต่อมาระหว่างพักอบรมอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ที่จัดอบรมก็เดินมาบอกเราว่า
คืนนี้จะมีผู้หญิงชื่อ "ก้อย" มานอนด้วย เมื่อคืนเขานอนกับอีกคนแล้วมีปัญหา คืนนี้เลยจะจัดให้มานอนกับเรา
เราก็ตกลงตามนั้นนอนได้กับทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถึงเวลาเลิกอบรมต่างคนก็ทยอยเข้าที่พัก เรากับหัวหน้าก็เดินมาที่หอพักด้วยกันแล้วแยกกันเข้าห้องนอน
เราอาบน้ำ ดูทีวีรอจน 2 ทุ่ม ก็ไม่มีใครมา เลยกะจะงีบหลับสักนิดเผื่อก้อยจะมาเคาะเรียก ยังไม่ทันได้หลับตา
เสียงประตูดังขึ้นหนึ่งที ก๊อก! เป็นการเคาะห้องที่แปลกมาก เคาะหนึ่งทีดัง ๆ ก๊อก! แล้วหยุด เราเปิดประตู
พร้อมยิ้มมุมปากเตรียมต้อนรับเต็มที่ แต่พอเปิดประตูออกมาก้อยหน้านิ่งมาก เหมือนคนไม่มีอัธยาศัยเลย
ไม่ทักทาย เดินพุ่งตัวเข้าห้องถอดรองเท้า โยนกระเป๋าแล้วหาเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ ปิดประตูห้องน้ำ ปัง!!
เรานี่หน้าชาเลย เงิบค่ะตอนนั้น คิดว่าไม่แปลกใจที่ก้อยมีปัญหากับเพื่อนร่วมห้องคนเก่า แต่แปลกใจที่ทำไม
บริษัทส่งคนนิสัยแบบนี้มาอบรม หรือเรื่องงานเธออาจจะเก่งมากก็ได้ แค่เข้าสังคมไม่เก่งเท่านั้นเอง ดังนั้น
เราจึงไม่สนใจ เราล้มตัวลงบนที่นอนพลางฟังเสียงน้ำที่กระเซ็นลงพื้นในห้องน้ำแล้วเผลอหลับ รู้สึกตัวอีกที
ทำไมเตียงมันกระเพื่อมเบา ๆ ว ะ (ที่ห้องเป็นเตียงสปริงเดี่ยวนอนได้ 2 คน ) หรี่ตาดูในความมืดพอเห็นหน้า
ก้อยลาง ๆ เพราะตอนนี้ต่างคนต่างนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน ก้อยก็นอนนิ่งแล้วทำไมเตียงมันกระเพื่อม?
มันไม่ได้ขย่มแรงนะคะ แค่เบา ๆ กระเพื่อม เพราะเตียงสปริงแค่อีกคนพลิกตัวมันก็รู้สึกไปทั้งเตียงแล้ว แต่นี่
ไม่มีใครขยับตัวแล้วเตียงมันกระเพื่อมได้ไง ตอนนั้นอธิษฐานถึงน้องให้มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ทันขาดคำก้อยลืมตา!
เราใจหายแว๊บบบ น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ยคนนี้ แต่ก้อยไม่พูดอะไรแล้วหลับตานอนต่อ เราเองก็คล้อยหลับตาม
หลังจากนั้นไม่นาน... นี่คือคืนแรกที่นอนกับก้อย...
เช้าวันต่อมาเข้าอบรมทำกิจกรรมสันทนาการเรียบร้อย ถึงเวลาพักเที่ยงเรานั่งกินข้าวกับหัวหน้าและสมาชิกของ
บริษัทอื่น ๆ ส่วนก้อยนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง หรือเธอจะเป็นคนหน้านิ่ง เพราะเท่าที่สังเกต หน้าเธอจะไม่ยิ้ม ไม่ค่อยพูด
พอถึงเวลาเข้าห้องพักเราก็แยกกับหัวหน้าที่ชั้น 2 เดินบันไดขึ้นมาถึงชั้น 3 เห็นก้อยยืนรออยู่หน้าประตูห้อง
พอเราเดินไปถึงเลยบอกว่า
"เดินมาถึงนานหรือยัง จะชวนเดินกลับมาด้วยแต่หาเธอไม่เจอ"
"เพิ่งถึง วันนี้เหนื่อยจังอยากอาบน้ำนอนเร็ว ๆ " ก้อยตอบ
วันนี้ได้ยินเสียงก้อยแล้วโว๊ย... ยิ้มมุมปากนิดนึง เธอคงแพ้ทางความมีน้ำใจของฉันสินะ (คิดในใจ55)
ระหว่างที่อยู่ด้วยกันในห้องวันนี้ก้อยทักทายเรามากขึ้น ถามเรื่องอบรม เรื่องที่ทำงาน เรื่องส่วนตัว
ดูมีปฏิสัมพันธ์มากกว่าเมื่อคืน แล้วก้อยก็บอกขอตัวนอน เราจึงมานั่งบนเตียงทำท่านั่งจะสวดมนต์
พนมมือระหว่างอก ก้อยก็พูดขึ้นมาว่า
"รำคาญ คนจะหลับจะนอน"
เอ้ยยย อรีนี่ ก รู ยังไม่ทันได้อ้าปากสวดมนต์เลย พูดจาไม่ให้เกียรติกันอีกแล้ว แต่เราไม่สนใจหลับตา
แล้วสวดมนต์ในใจ แต่ไม่มีสมาธิเลย เพราะเสียงยัยก้อยมันหายใจฟึดฟัด กระหืดกระหอบอยู่ข้าง ๆ
เราก็ตกใจคิดว่ามันจะชักเลยตะโกนเรียก "ก้อย ก้อย เธอเป็นไร?" ก้อยลืมตาแล้วบอกว่า
"ร้อน... อึดอัด... หายใจไม่ออก... อยากย้ายห้อง..."
เราเลยบอกว่านอนคืนนี้ไปก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปติดต่อเจ้าหน้าที่ขอย้ายละกัน จริง ๆ เราก็อยากให้ย้ายนะ
เพราะอึดอัดเหมือนกันอยู่กับคนแบบนี้ คืนนั้นก็นอนหลับกันไปจนถึงเช้าเข้าอบรม
เช้าวันเข้าอบรม...
เรากับก้อยได้ทำกิจกรรมกลุ่มเดียวกัน แต่พวกเราไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ ไม่ถูกชะตา!! ชิส์
ระหว่างพักเราเล่าให้หัวหน้าฟัง หัวหน้าจึงพาเราไปหาเจ้าหน้าที่จัดอบรมแล้วให้เราเล่าให้ฟังอีกครั้ง เมื่อฟังจบ เจ้าหน้าที่จัดอบรมดูไม่แปลกใจพร้อมเล่าเสริมว่า คืนแรกที่ก้อยนอนกับอีกคนก็แบบนี้แหละ นอนอยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าคนที่นอนอยู่ จนคนที่นอนอยู่นอนไม่หลับทั้งคืน
"อ้าว แล้วที่ขอย้ายห้องนี่คือใครล่ะ?" เราถาม
"คนที่ขอย้ายคืออีกคนไม่ใช่ก้อยหรอก แต่ก้อยเดินมาได้ยิน ก้อยเลยบอกจะย้ายเอง"
กรรม!! แล้วทำไมต้องจัดให้มานอนกับเราด้วย แต่ช่างเถอะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉะนั้น
"พี่คะ คืนนี้ช่วยย้ายหนูหรือย้ายก้อยก็ได้ค่ะ หนูไม่อยากนอนด้วย" เรากล่าว
พี่เขาบอกว่าอีกไม่กี่คืนก็อบรมเสร็จแล้ว ทน ๆ เอาหน่อยได้ไหม เพราะถ้ามีคนย้ายอีกกลัวจะมีข่าวลือพูดถึงกันในทางไม่ดี เราก็ตกลงเอางั้นก็ได้ แต่ก่อนจะถึงคืนนี้ขอรู้ประวัติคร่าว ๆ ของยัยคนนี้ก่อนได้ไหมว่ามาจากบริษัทอะไร อุปนิสัยส่วนตัวเป็นยังไง พวกเราจึงรวมตัวตั้งกรุ๊ปไลน์และเชิญสมาชิกที่ไปอบรมเข้าด้วยกัน รวมถึงก้อย...
ในกลุ่มนั้นมีข้อตกลงกันว่าให้แนะนำตัวเอง สิ่งที่ชื่นชอบและอุปนิสัย จริง ๆ พวกเราก็แนะนำกันแล้ว แต่เราอยากเห็นวิธีการเข้าสังคมของคนบางคนต่างหาก เป็นไปตามคาด เพื่อน ๆ ทยอยพิมพ์ข้อความส่งมา ส่งสติ๊กเกอร์สนุกสนานจนเกือบครบทั้งกลุ่ม แต่คนที่เราต้องการ เงียบ... ชิส์ แล้วแต่...
จนกระทั่งได้เวลาเข้าที่พัก ก้อยมายืนรอเราหน้าประตูเหมือนเคย แต่คืนนี้ก้อยร้องเพลงฮำในลำคอระหว่างรอด้วย เมื่อเราเปิดประตูเข้าห้องไปกลิ่นเหม็นเน่ามันโชยเข้าจมูกจนเราอยากจะอ้วก
"อี๋ เหม็นอะ แหวะ" เราพูดพร้อมทั้งอุดจมูก
ก้อยเอามือปัดจมูกแล้วบอกว่า "กลิ่นอับห้องหรือเปล่าล่ะ?"
"ไม่น่าใช่นะก้อย เมื่อเช้าก่อนออกไปยังไม่มีกลิ่นเลย"
"อ๋อ หรอ..." ก้อยตอบ ตอบแค่นี้จริง ๆ แล้วนางก็ฮำเพลงต่อ
เอ๊า อ รี บ้า อะไรของมัน แทนที่จะช่วยกันหากลิ่นกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน น่าหมั่นไส้จริง ๆ นะคนแบบนี้
คืนนั้นทั้งคืนเรานอนไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะมันเหม็นมาก
หากลิ่นยังไงก็หาไม่เจอ เลยฝืนนอนบนที่นอนไปงั้นเผื่อจะเผลอหลับ ส่วนก้อยหรอ นอนบนที่นอนสบายใจ เอาหูฟังมาฟังเพลงไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมากระชากหูฟังของก้อยแล้วถามตรง ๆ
"ถามจริงเหอะก้อย เป็นผีหรือเป็นคน?"
ก้อยมองหน้าแต่ไม่ตอบ...
"เอาดี ๆ ถ้าเป็นผีก็บอกมาว่าจะเอาอะไร ถ้าเป็นคนก็บอกมามีปัญหาไรกับเราปะ?" (เป็นง่ะ หาเรื่องมาก)
ก้อยจ้องหน้าเราตามองเขม็ง ปากมุบมิบ ๆ กำมือแน่น เอ้อ กรูก็กำมือแน่นเหมือนกันเว้ย มาเซ่ จะทำไรมาเลย...
ก้อยลุกจากเตียงแล้วทำอะไรรู้ไหมคะ? นางกระทืบเท้าค่า กระทืบพื้นตึง ๆ เราก็กุลีกุจอลงจากเตียงไปคว้าแขนบอกว่าให้หยุด อย่าทำ อย่าทำ แต่ก้อยก็กระทืบพื้นไม่หยุด แล้วก็แหกปาก "อย่ามายุ่งกับกรู๊" (เสียงสูง) เอาละเหวย ฉันปราบผีไม่เป็นนะจ๊ะ แต่ถ้าคนบ้าก็พอได้อยู่ จะตบให้คว่ำเลย แล้วก้อยก็หยุด เดินออกจากห้องไปเลย เราก็เงิบเป็นครั้งที่ 2 ทำอย่างไรดี คืนนี้ทำไมมันโหดสำหรับเราจัง ตัดสินใจวิ่งลงไปชั้น 2 ไปหาหัวหน้าขอนอนด้วย จะเป็นผู้ชายก็ไม่เป็นไร คงไม่คิดอกุศลกับเราขนาดนั้นหรอก 55
ผ่านไปสักประมาณตี 3 เสียงเพดานดังตึง ตึง เรากับหัวหน้าตื่นมามองหน้ากัน คิดไว้ว่ายัยก้อยแน่ ๆ หึ เล่นงี้ใช่ไหม๊
ไปค่ะหัวหน้าที่เคารพ ขึ้นไปชั้น 3 กับหนูหน่อย ว่าแล้วก็พากันเดินย่องขึ้นชั้น 3 กะว่าจะเปิดเข้าห้องแล้วจัดการสักฉาดเมื่อเปิดประตูเข้าห้อง ปรากฏว่าห้องมืดและเงียบ แต่กลิ่นเหม็นยังมีอยู่
เรากับหัวหน้าเปิดไฟและช่วยกันหาที่มาของกลิ่น สรุปเราเจอค่ะ นั่นก็คือ... ผ้าอนามัยใช้แล้ววางแผ่อยู่หลังทีวี แต่ตอนแรกที่เราหาเราอาจจะข้ามตรงนี้ไป พอเราเจอผ้าอนามัยใช้แล้ว เราก็หากระดาษมาห่อ เพราะรู้สึกอุจาดตาที่จะให้หัวหน้าที่เป็นผู้ชายมาเห็นแบบนี้ หัวหน้าเราก็บ่นว่าผู้หญิงอะไรสกปรก ใช้แล้วไม่รู้จักทิ้งขยะ ระหว่างที่เรากำลังง่วนเก็บของนั้น หัวหน้าก็มาสะกิดหลัง เราหันกลับไปก็เจอก้อยยืนอยู่หน้าประตู ก้อยยืนมองเข้ามาในห้องแล้วก้าวเท้าเข้ามา เราบอกไปว่า
"ข้าพเจ้าขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุณพระศรีรัตนตรัย เทพเทวดาทุกชั้นฟ้าทุกพระองค์ เจ้าที่เจ้าทางที่อยู่ ณ สถานที่นี้โปรดมาปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าให้พ้นภัยจากภูติผีปิศาจและ
ภยันอันตรายทั้งสิ้นเทอญ" ว่าเสร็จสาธุ...
ก้อยทำอย่างไรคะ? ก้อยก็เดินเข้ามาเหมือนเดิมค่ะ ฮา...
ก้อยเดินเข้ามาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ออกมานั่นก็คือ อ้วก! ก้อยอ้วกแล้วทรุดตัวลงที่พื้น เสียงอ้วกก้อยดังมาก อ้วกกกกกก เสียงเหมือนคนเมาเหล้าแล้วอ้วกออกมา เพื่อนข้างห้องตอนนี้เริ่มเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าเข้ามาดู ต่างเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ช่วยกันพยุงก้อยขึ้นมา หัวหน้าเราโทรหาเจ้าหน้าที่จัดอบรม ก้อยเช็ดปากตัวเองแล้วพูดว่า
"เรายังไม่อยากตาย..."
ทุกคนมองหน้ากัน เราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เราแค่มองเห็นบางสิ่งได้ในบางครั้ง แต่เราปราบผีไม่ด้าย...
เมื่อเจ้าหน้าที่จัดอบรมมาถึง เจ้าของหอพักมาถึง รถรพ.มาถึง ก็ลำเลียงก้อยขึ้นรถ เรากับหัวหน้าไม่ได้ตามไปรพ.
ช่วงเวลานั้นมันวุ่นวายชุลมุนมาก เราเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ามานอนชั้น 2 กับหัวหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าต้องไปเข้าอบรมอีก
ข่าวเรื่องก้อยแพร่สะพัดเร็วมาก มีแต่คนเข้ามาถามเราว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟังนอกจากแม่ เราเล่าไปร้องไห้ไปเพราะรู้สึกเครียด แม่บอกให้ใจเย็นและให้เราไปหาไหว้เจ้าที่ที่เราไปพัก เรากับหัวหน้าขอธูปเทียนทางห้องพักแล้วไปจุดไหว้ ซึ่งในครั้งแรกเราไหว้ผ่าน ๆ แต่ครั้งนี้เราตั้งจิตระลึกถึงและขอให้คุ้มครองเรา อีกเพียงแค่คืนเดียวทุกคนก็จะแยกย้ายกันแล้ว หลังจากอบรมเสร็จ เจ้าหน้าที่จัดอบรมเดินมาหาหัวหน้าเรากระซิบว่า
"น้องก้อยเสียแล้วนะพี่!!"
พี่เขาเล่าว่าหลังจากหมอตรวจอาการก้อยเสร็จก็ให้น้ำเกลือนอนพัก อาการไม่ได้หนักมาก ห้องที่ก้อยนอนอยู่เป็นห้องรวม เจ้าหน้าที่อบรมเป็นคนไปนอนเฝ้า จากนั้นเตียงก็ดัง กุก กุก พี่เขาก็เลยตื่น เห็นก้อยดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนแล้วเดินออกไประเบียงหลังห้อง พี่เขาเลยเรียก "น้องก้อย น้องก้อย จะไปไหน?" ก้อยหันมามองแล้วร้องไห้ หันหลังกลับเดินไปเปิดประตู พี่เขาเลยลุกไปจับแขนแล้วเรียก "น้องก้อย น้องก้อย" ก้อยสะบัดแขนผลักพี่เขาล้มแล้วกระโดดข้ามราวระเบียงตกลงมาข้างล่าง พี่เขาตะโกนลั่นห้องร้องเรียกให้พยาบาลช่วยแล้วรีบวิ่งตามไปดูข้างล่าง แต่ไม่ทันแล้ว ก้อยเสียชีวิตคาที่...
เมื่อรู้เช่นนั้นทุกคนก็เสียใจ เราเองก็เสียใจไม่น้อย การปิดงานอบรมครั้งนี้จบลงด้วยคราบน้ำตา น้ำตาแห่งความโศกเศร้าแม้นว่าก้อยจะไม่ได้สนิทกับใครแต่เธอก็ไม่ควรมาจบชีวิตลงแบบนี้ อบรมครั้งนี้คงเป็นที่จดจำของใครหลายคนที่ได้เข้ามา เราก็ขออโหสิกรรมที่เคยพูดจาไม่ดี และ ณ ตอนนี้ ไม่ได้อยากหาสาเหตุที่มาที่ไป บางครั้งเรื่องบางเรื่องรู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา สู้ไม่รู้และให้มันกลายเป็นความทรงจำดีกว่า
คำพูดหรือประโยคบางคำที่ใช้เขียนไปข้างต้น ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ผู้ใด เพียงแต่เล่าให้เห็นอรรถรสในขณะนั้น ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร ปัจจุบัน เราและกลุ่มเพื่อนในกรุ๊ปไลน์ที่ไปอบรมได้ไปงานเผาของก้อยเรียบร้อย เมื่อเสร็จงานต่างก็ดีดตัวเองออกจากกลุ่ม และให้เรื่องราวทุกอย่างเลือนหายไปตามกาลเวลา.
จบค่ะ
แต่ไม่อยากให้ค้างคา จริง ๆ เราและหัวหน้ากับเพื่อนไม่กี่คนรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้ก้อยต้องจบชีวิตลงแบบนี้ ตอนแรกกะไม่เล่า แต่เราคิดว่าเพื่อน ๆ น่าจะค้างคา เหมือนเราตอนที่กลับจากอบรมตั้งใจจะให้เรื่องเงียบ ไม่สืบสาวอยากรู้อะไร แต่สุดท้ายมันไม่เคลีย งั้นขอเล่าอีกนิดนะ...
ก้อยเป็นสาวชาวเหนือทำงานที่ภาคเหนือ ก่อนมาอบรมสัมมนา ก้อยทะเลาะกับแฟนเพราะแฟนไปมีคนใหม่ ก้อยโกรธแค้นมากจึงไปเล่นของเข้าสำนักตำหนัก (จริง ๆ เราเชื่อนะว่าการเล่นของหรือทำเสน่ห์ยังมีอยู่ในปัจจุบัน) ทีนี้ก่อนถึงวันอบรม ไม่รู้ทำอิท่าไหนของเข้าตัวเองหรือจิตหลอนไม่ทราบ อาละวาดคลุ้มคลั่ง แม่กับพ่อมาจับก็เอาไม่อยู่ ได้ร้องเรียกชาวบ้านให้มาอุ้มไปหาพระ เจ้าอาวาสเห็นท่านไม่ช่วยอะไรเลย แค่บอกว่า "ถึงคราวของโยมแล้ว" ก้อยก็สลบไป จากนั้นก็มาอบรม ก้อยจึงชอบทำตัวแปลก ๆ แต่บางทีก็ยิ้มแย้ม
เวลายิ้ม หัวเราะเธอก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่พวกเราแค่ไม่เคยเห็นก้อยในมุมมองแบบนี้เท่านั้นเอง...
นี่คือสิ่งที่เรารู้จากครอบครัวก้อยหลังจากไปงานเผา อันที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้มันน่ากลัว คุณไสย์ไม่น่าลอง ไม่น่าอยู่ใกล้ ถ้าสิ่งไหนไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่ของเราวันยังค่ำ สิ่งไหนที่เป็นของเรา ต่อให้ไม่วิ่งตาม สิ่งนั้นก็จะมาหาเราเอง.
เรื่องจากพันทิป เรื่องของก้อย (นามสมมุติ)
เรื่องโดย TharaJF
Post a Comment