เรื่องเล่าจากเพื่อน: บ่อน้ำกลางป่า


     เรื่องราวของบอยเด็กหนุ่มที่เข้าป่าไปเจอกับบ่อน้ำบ่อหนึ่งในกลางป่า เกิดเรื่องราวหลอนมากมาย เรื่องจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 ขอขอบคุณเรื่องราวหลอนๆไว้ ณ ที่นี้ด้วย

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผีครับ ไม่มีผี และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า คือผมฟังมาจากเพื่อนอีกทีนึงอ่ะครับ นานแล้วด้วย คิดว่าแปลกดีเลยเอามาแชร์กันครับ แค่บอกไว้ก่อนเฉยๆ เผื่อบางคนอ่านจบอาจไม่ชอบเรื่องนี้เลยก็ได้

ตัวผู้เขียนมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงครับ ชื่อบอย ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว แต่สมัยเรียนด้วยกันมันเคยเล่าให้ผมฟังว่ามันจะได้กลิ่นๆนึงตลอดเวลา ซึ่งมันบอกว่าเป็นกลิ่นของป่า ป่าดงดิบแห้งๆ ใบไม้แห้ง ดินแห้งๆอะไรประมาณนี้ครับ แรกๆผมก็ไม่เชื่อ แต่คิดดูดีๆมันก็แปลกนะครับ ถ้ามันจะแต่งเรื่องอำผม ทำไม่ต้องเป็นเรื่องนี้ เรื่องผีก็มีเยอะแยะ บวกกับทุกครั้งที่มันเล่ามันจะดูจริงจังมาก แล้วก็ไม่เคยเห็นมันเล่าให้คนอื่นฟังเลยนอกจากผม ผมก็เลยเชื่อว่ามันอาจได้กลิ่นนั้นจริงๆ มันเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังครั้งแรกตอนผมถามถึงที่มาของกลิ่นครับ

ขอย้ำนะครับ ถึงจะไม่ใช่เรื่องผี แต่ก็จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

บอยเป็นลูกอีสานครับ มีพ่อทำงานเป็นครูในหมู่บ้านเล็กๆในจังหวัดมหาสารคาม ส่วนแม่เสียแล้วเพราะโดนรถชน บอยเล่าว่าเมื่อตอนมันเป็นเด็ก น่าจะประมาณประถมปลาย ในช่วงเสาร์อาทิตย์หรือช่วงวันหยุดยาวพ่อมันก็จะพาไปหาของป่า หาล่าสัตว์อะไรพวกนั้น แรกๆก็ปกติดี แต่พอวันนึงเหมือนของป่าจะหายากขึ้นเรื่อยๆ พ่อมันก็เลยพาเดินเข้าไปลึกขึ้นๆ จนพากันหลงทาง บอยกับพ่อเดินหาทางออกอยู่นานก็ไม่เจอซักที จนพอใกล้ค่ำและทั้งคู่เริ่มท้อแท้ บอยก็หันไปเจอบ่อน้ำบ่อนึงครับ ตั้งอยู่กลางป่าเลย

บอยบอกผมว่าบ่อน้ำที่มันเห็นมีขนาดไม่ใหญ่มากครับ พอเข้าไปดูใกล้ๆจะมีลักษณะเหมือนมีคนเคยมาขุดเอาไว้ มีน้ำเต็มบ่อ มีคันดินเป็นเนินเตี้ยๆรอบบ่อเหมือนบ่อเก็บน้ำปกติ แต่ที่แปลกคือน้ำใสมากๆๆๆ ใสจนมองเห็นก้นบ่อครับ ซึ่งบอยบอกผมว่ามันค่อนข้างลึกมากด้วย และอีกย่างที่แปลกคือไม่มีปลาหรือสัตว์น้าซักตัว น้ำนิ่งมาก ซึ่งปกติถ้ามีปลามันก็จะขึ้นมาจิบน้ำเป็นระยะๆ แต่นี่คือใส และนิ่งจนน่าแปลกใจอ่ะครับ

ด้วยความที่ใกล้จะมืดและทั้งบอยและพ่อก็หิวน้ำมากๆ(น้ำที่เตรียมมาหมดไปนานแล้ว) พ่อของบอยก็เลยตัดสินใจทำเพิงพักเล็กๆตรงนั้น ตัดเอาไม้มาทำเป็นโครงหลังคาแล้วหาอะไรก็ได้มามุงแล้วก็ปูพื้นนอน เดี๋ยววันถัดไปค่อยหาทางออกใหม่ พ่อของบอยเป็นคนแรกที่ตักน้ำมากิน ดื่มสดๆจากบ่อเลยครับ ไม่จุดไฟต้มฆ่าเชื้อหรืออะไรเลย แล้วก็ตักมาให้บอยกินด้วย บอยตอนนั้นคือยังเด็กมาก เลยเชื่อพ่อแล้วก็เอามากินแก้กระหาย บอยอธิบายว่าน้ำมันอุ่นๆอ่ะครับ แต่พอกลืนลงไปแล้วกลับรู้สึกสดชื่น ไม่เหมือนน้ำที่ไหนที่เคยกินมาก่อนเลย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แต่สดชื่นมาก

พอดับกระหายลงได้พ่อของบอยก็เหมือนพูดติดตลกอ่ะครับ พ่อบอกกับบอยประมาณว่าถ้าหาทางกลับบ้านไม่ได้ ก็เอาที่นี่แหละเป็นบ้านซะเลย แล้วก็หัวเราะ สำหรับบอยตอนนั้นมันไม่ตลกครับ ติดแหง็กอยู่ในป่าไปไหนไม่ได้ แต่บอยคิดว่าพ่อน่าจะหาทางไม่ให้บอยรู้สึกกังวล เลยไม่คิดอะไรมาก เช้าวันต่อมาบอยตื่นขึ้นก็รู้สึกร้อนๆ รู้ตัวอีกทีคือพ่อมีไข้ขึ้นสูงมากๆๆๆ สูงจนบอยที่นอนข้างๆรู้สึกได้อ่ะครับ บอยบอกผมว่าพ่อนอนตัวสั่นงกๆ แล้วหายใจหอบแบบถี่มากๆ ซักพักบอยก็ได้ยินเสียงพ่อพยายามพูดอะไรซักอย่าง พอตั้งใจฟังดีๆจะจับใจความได้ประมาณว่า

"ขอน้ำกินหน่อย"

บอยไม่มีทางเลือกนอกจากจะไปตักน้ำมาแล้วค่อยๆรินใส่ปากพ่อ จากนั้นบอยก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆด้วยความเป็นห่วง เอาแต่คิดตลอดว่าไข้ขึ้นเพราะอะไร ทำไมบอยไม่เป็นอะไรเลย ไม่นานพ่อของบอยก็ค่อยๆพลิกตัวแล้วคลานออกไปจากเพิงอย่างช้าๆ คือเอาแขนคลานนะครับ ลากตัวเอกมาจากที่นอน บอยถามว่าพ่อจะไปไหนแต่พ่อก็ไม่ตอบ พ่อค่อยๆคลานไปเรื่อยๆจนถึงขอบบ่อ พอไปถึงก็ชะโงกหน้าเข้าไปแล้วเอาลิ้นเลียกินน้ำ เหมือนสุนัขเลยครับบอยบอกผมแบบนั้น บอยได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ สงสัยพ่อจะหิวน้ำมั้ง บอยไม่คิดอะไรมาก

แล้วอยู่ดีๆพ่อของบอยก็เอาแขนทั้งสองข้างดันตัวเองลงไปในบ่ออ่ะครับ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนบอยไม่ทันได้ตังตัว พ่อมันลงไปในบ่อแล้วจมหายไป คือหายไปจริงๆครับ บอยเล่าให้ฟังว่าน้ำใสมากแต่มองหายังไงก็ไม่เห็นพ่อเลย ราวกับอยู่ดีๆก็หายวับไปภายในพริบตา บอยร้องตะโกนเรียกพ่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิวน้ำกลับมานิ่งเหมือนเดิม บอยพยายามเดินรอบบ่อเพื่อมองหาพ่อ แต่ก็ไม่เจอสัญญาณอะไรเลย สิ่งมีชีวิตซักตัวก็ไม่เห็น บอยกลับมานั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่เพิงพัก ไม่กล้าลงไปในบ่อเพราะยังว่ายน้ำไม่แข็ง กลัวจม เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่ผิวน้ำก็ยังไม่เคลื่อนไหว บอยร้องไห้แล้วร้องไห้อีก เอาแต่คิดว่าพ่ออาจจะไม่กลับมาแล้ว

ที่แปลกจริงๆมันอยู่ตรงนี้ครับ บอยเล่าว่าซักพักก็มีปลาช่อนตัวเล็กๆกระโดดขึ้นมาจากบ่อ แล้วมาดิ้นกระแด่วๆอยู่ตรงหน้ามันเลย ทำให้บอยรู้สึกงงว่ามันมาจากไหน และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือซักพักมือของพ่อบอยก็ขึ้นมาจากน้ำแล้วมาเกาะขอบบ่อไว้ บอยลุกขึ้นเดินไปดูก็เห็นพ่อตัวเองค่อยๆดันตัวขึ้นมาจากบ่อ พอขึ้นมาได้ก็คลานกลับไปนอนอยู่ในเพิงพักที่เดิม ไม่พูดไม่จาใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่บอยพยายามปลุกแล้ว แต่พ่อมันก็เอาแต่นอนอยู่ตรงนั้น ยังหายใจอยู่ แต่ไม่ตอบสนองอะไรเลย ทำให้บอยไปไหนไม่ได้เพราะต้องอยู่เฝ้าพ่อและไม่รู้ทางออกจากป่า

ด้วยความหิวบอยเลยเอาไม้ขีดมาจุดไฟแล้วเอาปลาช่อนตัวนั้นไปปิ้งกินตามที่พ่อเคยพาทำ จากนั้นก็เอาเนื้อปลาครึ่งนึงเก็บไว้ให้พ่อกินตอนตื่น แต่พ่อก็ไม่ตื่น จนกระทั่งเช้าวันถัดไป เชื่อมั้ยครับ บอยบอกผมว่ามันอยู่ในป่านั่นหกวันเต็มๆ ทุกเช้าพ่อมันจะนอนตัวสั่นจับไข้สูง ตัวนี่แดงไปหมดเลยครับ แล้วก็เหมือนวันแรก พ่อมันจะชี้นิ้วไปที่บ่อน้ำคล้ายกับบอกเป็นนัยๆว่าจะขอน้ำกิน บอยก็ต้องไปตักน้ำมาให้พ่อ แล้วก็เอาเนื้อปลาที่เก็บไว้ให้พ่อกินด้วย หลังจากได้กินพ่อมันก็จะคลานออกมาจากที่นอนแล้วลงไปในบ่อ หายไปซักพักก็ขึ้นมาใหม่พร้อมกับปลาหนึ่งตัว(ปลาจะกระโดดขึ้นมาก่อน) มีปลาหมอบ้าง ปลาตะเพียนบ้าง ตัวไม่ใหญ่มาก แรกๆบอยก็พยายามห้ามพ่อไม่ให้ลงไป แต่ก็สู้แรงพ่อไม่ไหว และตลอดหกวันที่ติดอยู่ในป่านั้น พ่อของบอยไม่พูดอะไรเลยซักคำ

จนทุกอย่างกลายเป็นเหมือนกิจวัตร บอยมีหน้าที่เอาปลาไปปิ้งกินแก้หิว เก็บเนื้อส่วนที่เหลือไว้ให้พ่อวันต่อไป แล้วพ่อก็จะลงไปเอาปลามาให้ใหม่ คลานกลับมานอนใหม่ วนไปเรื่อยๆแบบนี้

ผมเชื่อว่าถ้าคุณเป็นผม พอฟังถึงตอนนี้คุณต้องไม่เชื่อบอยแน่ๆ ผมก็เป็นแบบนั้นครับ ได้ยินจากปากมันครั้งแรกบอกเลยว่ายังไงก็เรื่องแต่ง มันต้องหลอกผมแน่ๆ แต่มันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทผมอยู่ ผมเลยรักษาน้ำใจแล้วคอยฟังสิ่งที่มันเล่า หวังว่าถ้ามันแต่งเรื่องต้องมีซักวันที่มันเล่าเรื่องไม่เหมือนเดิมแน่ๆ แต่ก็ไม่ มันยังยืนยันคำเดิมว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นกับมันจริงๆ แล้วถ้าไม่สนิทกับมันจริงๆมันก็จะไม่เล่าให้ฟัง บอยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเกือบร้อยครั้ง แล้วรายละเอียดทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทุกครั้ง

ที่ผมคิดว่าแปลกที่สุดของเรื่องนี้คือตอนที่บอยเล่าให้ฟังว่าพ่อมันมีลักษณะเปลี่ยนไป คือสีผิวของพ่อมันจะแดงขึ้นเรื่อยๆทุกวัน แล้วพวกเส้นเลือดก็จะบวมปูดขึ้นมามองเห็นเป็นสีออกม่วงๆ และทุกเช้าบอยรู้สึกได้เลยว่าพ่อมันจะมีไข้สูงขึ้นกว่าเช้าวันที่แล้ว ตัวก็จะสั่นแรงขึ้น หายใจหอบหนักขึ้น แต่หลังได้กินน้ำก็จะพาตัวเองคลานออกมาจนได้ บอยบอกว่ารู้สึกกลัวมากว่าพ่อจะเป็นอะไรไป ทุกคืนได้แต่หวังว่าตื่นขึ้นมาจะไม่พบพ่อตัวเองนอนกลายเป็นศพอยู่ข้างๆ

คือพอถึงตอนนี้ผมสังเกตเห็นว่าบอยมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ แล้วเสียงก็จะฟังดูเศร้าๆ ผมก็เลยไม่คิดว่าจะมันจะแต่งเรื่องขึ้นมากเอง เพราะอย่างที่ผมเคยบอกไว้ เรื่องผีสางต่างๆแถวนั้นก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ ผมก็ทำได้แค่ปลอบมันไม่ให้ร้องไห้ แค่นั้น

บอยยังบอกอีกว่าทุกอย่างเลวร้ายที่สุดในคืนของวันที่หก คืนนั้นพ่อของบอยไม่มีไข้ แต่ทั้งตัวบอยใช้คำว่า "เรืองแสง" คือบอยอธิบายว่าผิวพ่อมันมีสีแดงและส่องสว่างแบบน่ากลัวมาก คือเหมือนหลอดไฟหรือโคมไฟอะไรพวกนั้นอ่ะครับ เรืองแสงในความมืด ทั้งคืนบอยพยายามตื่นเป็นมาพักๆ เพื่อเช็คว่าพ่อยังหายใจอยู่รึเปล่า แต่เชื่อมั้ยว่าทุกอย่างปกติดีหมด ตัวไม่สั่น ไม่ร้อน หายใจปกติ ติดแค่อย่างเดียวคือสีผิว

ทีนี้ด้วยความเหนื่อยล้าหรืออะไรซักอย่าง บอยเล่าว่ามันผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แล้วตื่นมาอีกทีตอนเช้า ในเช้าวันที่เจ็ด มันบอกว่าเห็นพ่อกลับเป็นปกติแล้ว สีผิวกลับมาเหมือนเดิม ไม่มีไข้ ไม่เป็นอะไรเลย แค่นอนอยู่เฉยๆ ยังหายใจอยู่ปกติ บอยลองปลุกพ่อแล้วแต่ก็ไม่ยอมตื่น สายๆมันก็เลยออกไปเดินเล่น

ตอนนั้นแหละครับที่มันเล่าว่าเห็นกลุ่มชาวบ้านนับสิบคนคนเดินมา เหมือนออกตามหาบอยกับพ่ออ่ะครับ บอยก็เลยวิ่งเข้าไปหา พอพวกนั้นเห็นบอยก็รีบเข้ามาหาเช่นกันด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ น้าข้างบ้านบอยรีบวิ่งมากอดแล้วอุ้มบอยขึ้น ซักพักบอยก็โดนรุมถามคำถามต่างๆนานา ด้วยความที่เป็นเด็กบอยเลยเอาแต่บอกให้ไปช่วยพ่อ แล้วชี้ไปตรงที่พ่อนอนอยู่

ในตอนนั้นเอง ชาวบ้านทุกคนมีสีหน้ากังวล แล้วน้าที่อุ้มบอยก็พูดกับบอยว่า

(เป็นภาษาอีสาน แต่ผมแปลให้แล้ว): "ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร ห้ามหันไปมองข้างหลังเด็ดขาด"

ชาวบ้านพากันพูดประโยคนี้ให้บอยฟังซ้ำๆ ขณะที่น้าข้างบ้านพาบอยเดินออกมาจากตรงนั้น

"ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร ห้ามหันไปมองข้างหลังเด็ดขาด"

บอยเล่าให้ผมฟังว่า ในตอนที่ถูกพาตัวออกมา มันได้ยินเสียงพ่อเรียกชื่อมันจากข้างหลัง เรียกให้มันไปหาอะไรทำนองนั้น เป็นครั้งแรกในรอบหกวันที่บอยได้ยินเสียงพ่อ แต่พอจำได้ว่าถูกห้ามไม่ให้หันไปมอง บอยก็เลยไม่หันไปมอง

จากนั้นไม่นาน บอยบอกว่าแบบนี้ครับ มันบอกว่าได้ยินเสียงพ่อร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด เหมือนพ่อกำลังทรมานอยู่อ่ะคับ ร้องแบบกรีดร้องผสมร้องไห้ ได้ยินเสียงสะอื้นด้วย แล้วก็ได้ยินประโยคนึงชัดเจนมากครับ ว่า

"เอาลูกกูมา เอาลูกกูมา"

พ่อมันตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะขาดใจอ่ะครับ บอยตะโกนเลียนแบบให้ผมฟัง และตอนที่ผมฟังมันเล่าคือน้ำตามันไหลออกมาแล้วครับ ผมนี่พูดไม่ออกเลย บอยเล่าว่าตอนได้ยินเสียงพ่อร้องแบบนั้น มันร้องไห้เลยครับ น้าที่อุ้มมันอยู่พอเห็นว่าบอยร้องไห้ก็เอาบอยลงแล้วเอามือปิดหูมันไว้ไม่ให้ได้ยิน จากนั้นน้าก็พาเดินโดยเอามือสองข้างที่ปิดหูบอยล็อกหัวมันไว้ไม่ให้หันกลับไปมองข้างหลัง บอยบอกว่าหลังโดนเอามือปิดหูทำให้เสียงพ่อเบาลง แต่กลับฟังดูทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ บอยร้องไห้ไม่หยุด ขณะที่น้าคนนั้นพาเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ

ภาพสุดท้ายที่บอยเห็นคือกลุ่มชาวบ้านอีกสิบกว่าคนวิ่งกรูกันเข้ามา แล้วทันใดนั้นเองทุกคนก็ล้มฟุบลงไปกองกับพื้นทีละคนๆ ตามมาด้วยน้าคนนั้นที่จูงแขนบอยอยู่ แล้วบอยก็เหมือนหมดสติไปเช่นกัน เพราะมันบอกผมว่าหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว

บอยรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาบนฟูกที่บ้าน มีพ่อนั่งอยู่ข้างๆ พอมันได้สติลุกขึ้นนั่งพ่อก็เอาน้ำให้กิน แล้วบอกว่ามีอะไรให้ดู บอยเดินตามพ่อไปที่หลังบ้านก็เจอกับบ่อน้ำที่เหมือนกับบ่อในป่านั้นเป๊ะเลย ในตอนนั้นเองที่บอยถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อก็เล่าว่าในวันที่ไปหาของป่าบอยไปกินน้ำในบ่อกลางป่าแล้วหมดสติไป กลายเป็นเจ้าชายนิทราหกวันเต็ม พ่อมันพากลับมานอนที่บ้าน มีญาติๆเข้ามาดูอาการไม่ขาดสาย วันนั้นพวกญาติฝ่ายแม่มันก็มาด้วย ทุกคนต่างดูดีใจมากที่เห็นบอยฟื้นขึ้นมา

บอยบอกว่าช่วงนั้นรู้สึกสับสนไปหมดว่าอะไรเป็นความจริง อะไรเป็นความฝัน แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดบอยบอกว่าถ้าเป็นฝันก็เหมือนจริงมาก แต่ที่บอยรู้สึกได้จริงๆก็คือกลิ่นของป่าแห่งนั้นที่ยังคงติดจมูกมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครได้กลิ่นเลยยกเว้นมันคนเดียว ช่วงแรกๆมันก็ยังไม่ชิน เหมือนทุกครั้งที่มันหลับตา มันจะรู้สึกเหมือนกลับไปติดอยู่ในป่าอีกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว มันก็เลยอยู่ได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร

บอยยังถามพ่ออีกว่าบ่อน้ำหน้าบ้านนั้นเอาไว้ทำอะไร พ่อมันก็บอกว่าเอาไว้เก็บน้ำไว้กินไว้ใช้ เอาไว้เลี้ยงปลาด้วย พ่อมันบอกว่าหลังไปเจอบ่อน้ำในป่าที่ระดับน้ำคงที่ตลอดทั้งปี เลยเอามาลองขุดดู พอฝนมาน้ำก็เต็ม และหลังจากนั้นก็ปรากฎว่าน้ำไม่ลดอีกเลยต่อให้แล้งแค่ไหน พ่อมันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ลักษณะของบ่อก็คือน้ำใสมากๆๆๆ มองเห็นปลาเป็นตัวๆเลยไม่เหมือนบ่อในป่านั้น และลองเอาไปต้มกินดูแล้วก็รสชาติปกติดี ไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำในป่า

บอยโตมากับบ่อน้ำนั่น กินน้ำจากมัน อาบน้ำจากมัน กินปลาที่เลี่ยงไว้ในนั้น แรกๆก็ไม่ชิน แต่อยู่ไปซักพักก็ดีขึ้นเอง สมัยเรียนบอยชวนผมไปบ้านมันด้วย บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปดูบ่อน้ำ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสไปซักที ไม่รู้ว่าทุกวันนี้บ่อนั่นมันจะยังอยู่มั้ย ผมกับบอยยังติดต่อกันอยู่ เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะหาทางไปเยี่ยมบ้านมัน หรือไม่ก็ตอนมันกลับบ้านเดี๋ยวฝากมันถ่ายรูปบ่อน้ำมาให้ดูก็ได้ ถ้ายังอยู่นะ

ทุกวันนี้ตอนโทรคุยกัน มีหลายครั้งที่บอยเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กๆหลังฟื้นขึ้นมา มันเคยฝันติดต่อกันว่า มันยังติดอยู่ในป่า ยังออกไปไหนไม่ได้ มันเล่าให้ผมฟังว่าในฝันนั้นพ่อมันกลายเป็นคนเรืองแสง คือทั้งตัวเป็นสีแดงเรืองแสงเหมือนที่เคยเล่าให้ผมฟัง แต่สว่างกว่ามากๆๆๆ เหมือนพวกยอดมนุษย์อะไรพวกนั้น ในฝันพ่อมันยืนอยู่ข้างบ่อน้ำแล้วบอกมันว่าอยากได้อะไรให้สั่งเลย เดี๋ยวเอามาให้ มันก็ขอทุกอย่างเลย ตั้งแต่ของเล่นยันอาหาร และในฝันทุกอย่างที่มันขอจะลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำราวกับเป็นประตูมิติอะไรสักอย่าง แม้แต่รถยนต์มันก็เคยขอมาแล้ว แล้วก็มีรถขึ้นมาจากน้ำจริงๆด้วย มันบอกผมว่ามันมีความสุขมากทุกครั้งที่ฝันแบบนั้น เป็นติดต่อกันเกือบปีแล้วก็ค่อยๆหายไป

ผมไม่รู้ว่าเรื่องแนวนี้จะถูกจริตใครบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว ผมค่อนข้างเชื่อว่าในตอนนั้นบอยไม่น่าจะโกหก สิ่งที่ผมสงสัยคือมันเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่บ่อน้ำจะมีน้ำระดับเดิมตลอดปี ไม่ลดลงเลยต่อให้ฝนตกน้อยแค่ไหน และเรื่องที่มันได้ไปเจอมาเป็นความฝันจริงๆรึเปล่า มีความเชื่ออะไรเกี่ยวกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรพวกนั้นที่พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้บ้างมั้ย หรือทั้งหมดมันจะไม่มีอะไรเลย เป็นแค่เด็กประถมคนนึงที่นอนหมดสติไปหกวัน และมโนเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเอง

สำหรับผมเองแล้ว ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ล้วนเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าคำตอบ ลองนึกดูเล่นๆว่าถ้าคุณเจอแบบบอย คุณจะเลือกที่จะเชื่อแบบไหน

ผมได้ขออนุญาตบอยแล้วว่าจะเอาเรื่องนี้มาเล่าในพันทิป ตราบใดที่ไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวหรือหมู่บ้านที่บอยเคยอยู่ ก็เรียบเรียงอยู่นานพอสมควรครับ ทุกวันนี้บอยก็ยังพอจำได้เท่าที่ได้อ่านไปนั่นแหละครับ เรื่องมันเกิดขึ้นมานานมากๆๆๆแล้ว คิดเห็นอย่างไรเข้ามาคอมเมนต์กันได้นะครับ ขอบคุณทุกท่านจริงๆที่อ่านจนจบ สวัสดีครับ

เรื่องจากพันทิป เรื่องเล่าจากเพื่อน: บ่อน้ำกลางป่า
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947

ไม่มีความคิดเห็น