เรื่องสั้น: ผมทำงานที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติครับ วันนี้ผมมีอะไรจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องสั้นแนวไซไฟสยองขวัญจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นของต่างประเทศหลายเรื่อง ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวสยองขวัญไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผมทำงานที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติครับ
พอข่าวมันมาถึงไทย ผมกับลูกน้องก็เลยเป็นพวกแรกๆที่ได้รู้ ตอนนั้นต่างชาติเค้าเรียกมันว่า "The Expansion" หรือแปลตรงๆได้ว่า "การขยายตัว" มันเป็นชื่อเรียกปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจพบว่า กาแล็กซีเพื่อนบ้านของเราได้ขยายตัวออกประมาณ 20,000-50,000 ปีแสงภายในไม่กี่สัปดาห์ เค้ามอบหมายให้เราคอยติดตามและเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์นี้ คือมันแปลกมากๆครับ ผมดูภาพที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์และก็เห็นมันใหญ่ขึ้นจริงๆ บอกตรงๆว่าพวกผมก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แต่รู้สึกได้เลยว่าพวกนักวิจัยหัวกะทิของที่นู่นคงวุ่นวายมากแน่ๆ
ข่าวมันปิดไม่ได้หรอกครับ โดยเฉพาะข่าวใหญ่ระดับนี้ สำนักข่าวไทยก็รายงานไปตามที่เราบอก แต่มันแปลกตรงที่แม้แต่ต่างชาติเองก็ยังอธิบายถึงสาเหตุไม่ได้ คือมันไม่มีเหตุผลเลยอ่ะครับ นึกดูว่าอยู่ดีๆกาแล็กซีเพื่อนบ้านเราก็ใหญ่ขึ้นมาเฉยๆ ไม่มีสัญญาณอะไรบอกล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ทีนี้ผมจำได้ว่าประมาณสามเดือนหลังทราบข่าว ลูกน้องผมก็บอกว่ามันหยุดแล้ว กาแลกซีพวกนั้นอยู่ดีๆก็หยุดขยายตัวหน้าตาเฉย ตอนนั้นเราวัดขนาดเฉลี่ยได้ประมาณเกือบ 500,000 ปีแสง นี่ความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางนะครับ ถือว่าใหญ่ขึ้นมากๆเพราะปกติมันไม่ควรจะเกิน 300,000-400,000 อยู่แล้ว นอกจากนี้เรายังพบบางสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือจุดสว่างเล็กๆที่ปรากฏใกล้ๆกับกาแล็กซีทุกอัน แต่ต้องซูมเข้าไปจริงๆถึงจะเห็นเพราะมันเล็กมากๆครับ พวกเราดูภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก มันมีจริงๆครับ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ พวกต่างชาติก็ส่งรูปให้เราดูเหมือนกัน เค้าบอกว่าเป็นกลุ่มฝุ่นแก๊สกับดาวเกิดใหม่ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างปริศนา ประเด็นคือไอ้จุดนี่มันโตเร็วมากครับ เร็วแบบเท่าทวีคูณเลย แค่เดือนเดียวก็เกือบเท่ากาแล็กซีข้างๆมันแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือองค์ประกอบมันเหมือนกับกาแล็กซีเลยครับ จากจุดสว่างเล็กๆตอนนี้กลายเป็นกาแล็กซีอีกอันไปเลย
แล้วไม่นานภาพก็ออกมา ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเผยให้เห็นว่าตอนนี้กาแล็กซีเพื่อนบ้านเราทุกอันจะมีสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า "กาแล็กซีฝาแฝด" ซึ่งใช้เวลาก่อกำเนิดเพียงแค่เดือนเดียว พอรู้แบบนี้พวกเราแทบบ้าเลยครับ บอกเลยว่ามืดแปดด้าน หาคำอธิบายไปตอบประชาชนก็ไม่ได้ จนผู้บริหารต้องสั่งประชุมหารือเร่งด่วนกับต่างชาติ โดยประเด็นหลักคือผลกระทบของปรากฏการณ์นี้ต่อโลกของเรา ผลสรุปก็คือกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราไม่ได้รับผลใดๆ ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เราก็ได้แต่คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอด
จนวันนึงครับ เป็นวันอาทิตย์ พวกสรรพสัตว์ทั้งหลายก็เริ่มแสดงอาการแปลกๆ ถ้าเป็นสุนัขหรือแมวเนี่ยก็จะกัดกันเองก่อน แต่เอาเป็นเอาตายเลยนะครับ พวกแมวจรจัดที่บ้านผมก็ไม่ต่างกัน ผมเห็นมันกับตา พวกมันรุมข่วน กัด ฉีก ทึ้ง กันและกันจนเลือดสาดเต็มลานหน้าบ้าน แม้แต่สุนัขบางตัวก็เข้ามาแจมด้วย สู้กันไม่เลือกหน้าเลยครับ ชาวบ้านแถวนั้นก็ได้แต่ยืนมองแต่ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดหลังผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ลานนั้นก็เกลื่อนไปด้วยศพนับสิบ มีเศษอวัยวะกระจัดกระจาย พวกที่ยังรอดอยู่ก็มีแต่แผลฉกรรจ์เต็มไปหมด แถมแสดงท่าทีดุร้ายเมื่อมีใครเข้าใกล้ มันไม่ยอมให้ใครไปช่วยอ่ะครับ จากนั้นพอเปิดทีวีก็ได้รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกครับ มีคลิปวีดีโอว่อนอินเทอร์เน็ต ผมเปิดไล่ดูทีละคลิปก็พบว่ามันไม่ต่างจากที่ผมเห็นเลยครับ สัตว์เลี้ยงที่เคยเชื่องของมนุษย์ตอนนี้ต่างมีพฤติกรรมป่าเถื่อน ทำร้ายกันเอง มีศพตายเกลื่อนถนน เลือดนองพื้น แต่ไม่มีตัวไหนทำร้ายมนุษย์นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ที่แปลกอีกอย่างคือคลิปจากสวนสัตว์อ่ะครับ ปรากฏว่าไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงอย่างเดียว พวกสัตว์ป่าที่ถูกขังไว้ด้วยกันก็เริ่มฆ่ากันเอง บางตัวถึงกับแหกกรงหลุดออกมาแล้วมุดเข้ากรงสัตว์ชนิดอื่น พนักงานนี่วุ่นวายกับการตามยิงยาสลบอ่ะครับ ทั้งหมดนี้คือเหตุการณ์ตอนช่วงเช้า พอบ่ายมาก็เป็นอีกเรื่องเลยครับ สัตว์ที่เหลือรอดจากตอนเช้าก็เริ่มหาทางทำร้ายตัวเองครับ พวกที่บาดเจ็บอยู่แล้วก็นอนรอให้เลือดออกจนตาย ผมเปิดดูข่าวอีกครั้งก็เห็นคลิปฝูงนกพากันบินชนตึกรามบ้านช่อง บินชนเครื่องบินก็มีครับ มันมีคลิปนึงถ่ายจากโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ภาพเผยให้เห็นสุนัขนับสิบที่พร้อมใจกันกระโดดลงมาจากตึกชั้นสูงสุด แล้วลงมาตายอย่างน่าเวทนา บางคลิปก็โดดลงจากสะพานลอยให้รถชน มีการพบซากปลาทะเลนับแสนลอยมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง และอีกมากมายที่ไม่อาจพรรณาได้ ประชากรสัตว์บนโลกตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง มีหน่วยงานต่างๆมาเก็บซากไปทำวิจัยและทำความสะอาดพื้นที่ให้กลับมาเหมือนเดิม
วันนั้นหัวหน้าเรียกประชุมเลยครับ อย่างเร่งด่วนพิเศษ พวกผมต้องมานั่งประชุมกันจนดึก หารือกันไปมาว่ามันจะเกี่ยวกับกาแล็กซีพวกนั้นหรือไม่ ทีนี้ประชุมอยู่ดีๆก็มีรายงานด่วนเข้ามาครับ บอกว่าตรวจพบการขยายตัวของกาแล็กซีทางช้างเผือกด้วยอัตราประมาณ 10 ปีแสงต่อชั่วโมง ได้รับการยืนยันแล้วจากนักวิจัยแถวหน้าจากทั่วโลก ทุกคนช็อกไปเลยครับตอนนั้น ในฐานะนักวิจัย อัตรานี้มันเร็วมากๆครับ มีตัวเลขแสดงขนาดของทางช้างเผือกขึ้นอยู่ตรงบอร์ดด้านหน้า แล้วเลขมันค่อยๆขึ้นทีละนิดๆ ผมนี่ใจไม่ดีเลย บรรยากาศตึงเครียดกดดันสุดๆ เค้าบอกว่าให้ปิดข่าวนี้ก่อน เดี๋ยวประชาชนจะแตกตื่น เวลาผ่านไปพร้อมกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักวิจัยหลายเชื้อชาติเสนอสมมติฐานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่มันก็แค่นั้นแหละครับ พิสูจน์อะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป บุคลากรที่เรียนจบสูงๆตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กมัธยมเลยครับ
เชื่อมั้ยครับ ประชุมเสร็จก็ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมต้องนอนเฝ้าศูนย์วิจัยที่นั่นกับพวกลูกน้องของผม ซักพักข่าวก็รั่วไหลสู่สาธารณะชน เท่านั้นแหละครับ ทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด ในโลกออนไลน์นี่มีพวก "นักวิทยาศาสตร์" แสดงตัวออกมามากมาย บอกว่าเป็นวันสิ้นโลกบ้าง เอเลี่ยนบ้าง อิลลูมินาติบ้าง เกิดเป็นกลุ่มคนต่างๆที่เชื่อเรื่องเดี่ยวกันที่ค่อยๆทยอยรวมกลุ่มกันเป็นลัทธิเล็กๆ แต่ก่อให้เกิดจลาจลและความวุ่นวายที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ อย่างไรก็ตาม ที่ผมสัมผัสได้จริงๆคือความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ผมเชื่อเลยที่บอกว่าเรามักจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ คือไม่มีใครรู้ได้เลยครับว่านี่จะนำพามวลมนุษยชาติไปสู่อะไร
ประมาณสามวันหลังจากนั้น รายงานก็บอกมาว่าทางช้างเผือกหยุดขยายตัวแล้ว ขนาดของมันตอนนั้นอยู่ที่ 300,000 ปีแสงกว่าๆ (ขนาดปกติคือตั้งแต่ 100,000-200,000 ปีแสง) ผมไปนั่งประชุมในห้องนั้นอีกครั้ง ตัวเลขบนบอร์ดไม่ขยับแล้วครับ แล้วทีนี่ผมเชื่อว่าทุกคนพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ คือซักพักก็มีข้อมูลยืนยันมาแล้วว่าตรวจพบการปะทุของกลุ่มแก๊สเล็กๆ ไม่ห่างจากเรามากนัก แล้วมันก็ได้ขยายตัวออกด้วยอัตราเร็วที่เกินกว่าเครื่องมือเราจะวัดได้อ่ะครับ มีข้อมูลบางส่วนยืนยันแล้วว่าเริ่มตรวจพบหลักฐานการก่อกำเนิดของดวงดาวต่างๆ ทั้งดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในกลุ่มแก๊สดังกล่าว นี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะครับ พอตกดึกวันนั้น พวกเราทุกคนก็ได้เห็นภาพถ่ายของกาแล็กซีน้องใหม่ ที่ถ้ามองดีๆแล้วแทบจะไม่ต่างอะไรจากทางช้างเผือกของเราเลย แถมอยู่ใกล้จนเราสามารถเรียกมันได้เต็มปากว่า "ทางช้างเผือกที่สอง" หรือ "Milky Way II"
ข่าวเริ่มแพร่สะพัดออกไป เมื่อภาพถ่ายนี้ถูกอัพโหลดลงอินเทอร์เน็ต มีหลายคนแสดงความคิดเห็นว่าในนั้นอาจเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา หรือไม่ก็นี่อาจเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการมีอยู่ของจักรวาลคู่ขนาน แต่พวกนั้นก็เป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิด และเชื่อมั้ย ผมไม่อยากพูดเลยว่ามันฟังดูน่าเชื่อถือกว่าสิ่งที่เราได้จากการประชุมนั่นเสียอีก
เช้านี้ผมมองไปข้างนอกก็รู้สึกเงียบเหงาๆชอบกล ผ่านมาจะครบสัปดาห์แล้วที่สรรพสัตว์ต่างๆได้หายไป นักวิจัยคาดว่ายังมีประชากรสัตว์บนโลกเหลืออยู่ไม่ถึง 20% ดูเหมือนว่ามีบางอย่างได้ปลุกสัญชาติญาณปริศนาในตัวพวกมันออกมา มันเป็นสัญชาติญาณที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน มันได้ปิดสัญชาติญาณเอาตัวรอดไว้ แล้วกระทำทุกสิ่งเพื่อสิ้นสุดการมีชีวิต ด้วยเหตุผลบางประการที่ตอนนั้นเรายังไม่อาจทราบได้
แต่ตอนนี้เราทราบแล้ว
ไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง ลูกน้องผมเพิ่งเรียกเข้าไปพบ เขาบอกว่าอยากให้ผมดูอะไรบางอย่าง พอผมเดินเข้าไปก็เห็นทุกคนยืนมุงหน้าจอคอมอยู่ ในนั้นเป็นภาพการถ่ายทอดสดที่มาจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศของอเมริกา ภาพแสดงให้เห็นห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวนับพัน ลูกน้องผมชี้ไปที่จุดเล็กๆบนมุมล่างขวาของจอ มันเป็นกาแล็กซีแอนโดรเมดาที่ ณ จุดนี้ปรากฏให้เห็นเป็นจุดสว่างสองจุดอยู่ใกล้ๆกัน ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปถามลูกน้องผมว่าเรียกผมมาดูอะไร ทุกคนก็ได้พูดขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นปนหวาดกลัว
"นั่นไงๆๆๆๆ มองทันมั้ย?"
"อะไร? อะไร?" ผมถาม
ไม่มีใครตอบ ทุกคนกลับมาจ้องที่หน้าจออย่างใจจดใจจ่ออีกครั้ง ผมแทรกตัวเข้าไปดูใกล้ๆ สายตาจับจ้องที่กาแล็กซีคู่นั้น คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดูว่าสิ่งที่พวกที่ลูกน้องผมพูดถึงมันคืออะไรกันแน่ จากนั้นซักพัก ผมก็เห็นมัน
"นั่นไงๆๆๆๆๆๆ"
ผมเอามือกุมปาก แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
ทันใดนั้นเอง ก็มีประกาศเรียกประชุมด่วนอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันไปหยิบแฟ้มข้อมูลแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุม ส่วนตัวผมเองนั้นยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็น เมื่อรวบรวมสติได้ผมจึงตามลูกน้องผมเข้าไป
บรรยากาศในห้องนั้นยังคงตึงเครียดเหมือนเดิม เพียงแต่คราวนี้เราเปิดการประชุมด้วยคลิปวีดีโอจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกส่งเข้ามาจากสถานีอวกาศและหอดูดาวจากทั่วโลก พวกมันเป็นวีดีโอที่ได้บันทึกกิจกรรมของกาแล็กซีเพื่อนบ้านต่างๆของเรา โดยทุกอันจะเป็นวีดีโอที่ถ่ายให้เห็นทั้งกาแล็กซีนั้นและกาแล็กซีฝาแฝดของมัน อยู่กันเป็นคู่ๆ หัวหน้าเปิดให้พวกเราดูทีละคลิป ทีละคู่ แล้วผมจึงได้พบว่า พวกมันทุกคู่ได้แสดงพฤติกรรมบางอย่างที่เหมือนกัน และเหมือนกับของกาแล็กซีแอนโดรเมดาที่ผมเพิ่งได้ดูไปไม่มีผิด
ความคิดตอนนั้นที่อยู่ในหัวผมก็คือ ภาพที่เห็นช่างไม่ต่างอะไรกับการไปดูสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ที่เมื่อมองออกไปยังความมืดมิด จะปรากฏเห็นจุดสว่างเป็นคู่ๆมองกลับมายังเรา ในกรณีนั้นมันคือแสงที่สะท้อนจากดวงตาของสิงสาราสัตว์ต่างๆ เพียงแต่ในห้องประชุมแห่งนี้ ผมได้แต่บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่กาแล็กซี แค่กาแล็กซีที่อยู่กันเป็นคู่ๆในห้วงอวกาศอันมืดมิด
และกาแล็กซีกะพริบไม่ได้
จบ...
---
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องที่เก้าของผม เรื่องนี้ออกแนวไซไฟๆหน่อยนะครับ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นของต่างประเทศหลายเรื่องเลย คิดเห็นติชมอย่างไรสามารถคอมเมนต์ได้เลยครับ สำหรับวันนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านจริงๆที่เข้ามาอ่านกัน สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป เรื่องสั้น: ผมทำงานที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติครับ วันนี้ผมมีอะไรจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 5347947
Post a Comment