เรื่องหลอน ตอน เรื่องของปริม


     เรื่องราวที่คุณได้ฟังก็อึ้งเย็นสันหลังวาบวาบ ไปตามกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้น จากประสบการณ์จริงของจากสมาชิกพันทิปนาม หนูดี0127 ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวสยองขวัญไว้ ณ ที่นี้ด้วย

        เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโตถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษ ด้วยพื้นเพการเลี้ยงดูที่แตกต่างของหลายๆครอบครัว
 ด้วยศาสนาที่มีหลากหลาย ก็ล้วนแต่สอนให้ทุกคนเป็นคนดีทั้งสิ้น แต่กรรมใครก็กรรมมัน
 บางคนต่อให้เกิดมาพร้อมสรรพทุกอย่างทั้งทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ แต่ถ้าเป็นคนไม่รู้จักคิด ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร
ทุกอย่างที่มีอยู่นั้นก็ดูไม่มีค่าเลย อย่างเพื่อนของดิฉันคนนึง ดิฉันขอใช้ชื่อสมมุติว่าปริมก็แล้วกันนะคะ
        ปริมเป็นสาวเหนือผมยาวสลวย ผิวพรรณผุดผ่อง หน้าตาจัดว่าดีมากๆๆ ครอบครัวของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าขายส่ง
ที่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ถึงไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่ก็ถือว่ามีกินมีใช้ ปริมเป็นพี่สาวคนโต
และมีน้องชายกับน้องสาวต่างพ่ออีกสองคน ชื่อโป กับแป้ง สามพี่น้องหน้าตาดีทั้งบ้านเพราะแม่ของปริมเป็นคนสวยมาก
เรียกได้ว่าสมัยก่อนประกวดเทพีที่ไหนละก็ถ้าแม่ของปริมได้ลงแข่งหนึ่งในสามของรางวัลต้องเป็นของแม่ปริมแน่นอน
และก็ใช่ค่ะปริมได้ความสวยของแม่มาเต็มๆ

        ดิฉันรู้จักกับปริมตอนนี้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ตอนที่เราเข้ามาสมัครชมรมเพื่อทำกิจกรรม
เราเรียนคนละคณะ ดิฉันเรียนบัญชี ส่วนปริมเรียนบริหารการตลาด และก็เป็นดาวคณะเสียด้วยใครๆ ก็รู้จักเพราะออร่าความสวยของปริม
เรียกได้ว่าเป็นที่โจทขานกันมาก ปริมมีเพื่อนสนิทอีกคนชื่อตาต้า สาวสุพรรณอัธยาศัยดีที่เป็นรูมเมทของปริม
และก็เป็นเพื่อนของดิฉันด้วย ครั้งหนึงตอนไปรับน้องที่ต่างจังหวัด และบังเอิญเป็นจังหวัดบ้านเกิดของปริม
ครอบครัวของปริมเลยเอาพวกขนมปีบ และเครื่องดื่มไปให้พวกเราถึงที่พักแบบเยอะมาก นั่นแหละที่พวกเราได้เจอครอบครัวของปริม
ครั้งแรกทุกคนดูดีมากๆ พวกรุ่นพี่กับพวกเราขอบคุณและดีใจที่ทุกคนต้อนรับกลุ่มคณะของพวกเราอย่างดี
แต่แปลกที่ปริมทำเป็นยิ้มแรกๆ แต่พอคล้อยหลังตอนที่เราสามคนเข้าที่พักเพื่อรอเวลาไปทำกิจกรรมกันปริมกลับมีท่าที
โมโหและดูอารมณ์เสียขึ้นมาซะอย่างนั้น ตาต้าถึงขั้นถามปริมด้วยความสงสัยว่า

"แกเป็นอะไรว่ะปริม พ่อแม่มาไม่ดีใจหรอ"

ปริมไม่ได้หันมาแต่ก็ตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า

"ไม่ได้อยากเจอซะหน่อย ไม่รู้จะมาทำไม รู้งี้ไม่น่าบอกอีแป้งเลย น่ารำคาญ"

ดิฉันกับตาต้าได้แต่มองหน้ากันแบบงงๆกับกิริยาที่ปริมแสดงออก มันดูแปลกๆ ดูไม่เหมือนปริมคนสวยพูดจาจ๊ะจ๋า
เวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆเลย ดิฉันก็ได้แต่นึกในใจว่าแท้จริงแล้วปริมอาจจะมีนิสัยแบบนี้มาแต่แรกก็ได้

           ในระหว่างที่เราทำกิจกรรมรับน้องกัน ปริมจะชอบทำตัวให้เป็นที่สนใจเสมอ ทั้งการหัวเราะเสียงดังๆ
แกล้งทำของหล่นเพื่อให้คนหันมามอง แกล้งทำเป็นไม่สบายเพื่ออ้อนให้รุ่นพี่มาดูแล ทำไมดิฉันกับตาต้าถึงรู้นะหรือคะ
เพราะปริมเป็นคนบอกเองว่าจะแกล้งทำแล้วกำชับว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย ปริมกะว่าจะให้รุ่นพี่คนนึงที่นางสนใจอยู่
เป็นคนดูแลนาง เหอๆ นางเป็นจอมวางแผนมากๆ รุ่นพี่ทีปริมเล็งไว้นั้นชื่อพี่โจค่ะ พี่โจเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแต่ด้วยความ
ที่ยังไม่ได้ทำงานจึงยังวนเวียนอยู่ที่มหาลัย เพราะเพื่อนสนิทแกยังไม่จบ หน้าตาหล่อเข้าขั้นนายแบบได้เลย ส่วนเรื่องฐานะนั้น
ตอนแรกดิฉันก็ไม่ทราบมากมาบ รู้แต่ว่าแกมีรถเก๋งเปลี่ยนขับมามหาลัยบ่อยมาก ก็คงจะมีฐานะพอสมควรเพราะจากของที่ใช้
เสื้อผ้าแบรนเนมทั้งตัว และก็รู้ด้วยว่าพี่เค้ามีแฟนแล้ว และก็อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้วด้วย พี่โจเป็นหนุ่มฮอตของบรรดาสาวๆ
ที่มหาลัยพอสมควรจึงมีคนสนใจเรื่องแกเยอะเพื่อนที่เรียนเซคเดียวกันกับดิฉันเคยเล่าให้ฟังว่าตอนปีหนึ่งพี่โจแกทำแฟนท้อง
ทางผู้ใหญ่เลยให้จัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือแล้วก็อยู่ด้วยกันส่วนแฟนพี่โจพอคลอดลูกก็ไปเรียนอีกที่หนึ่ง พวกเราก็เม้ามอยกันไปเรื่อย
และแน่นอนว่าในวงสนทนานั้นมีปริมอยู่ด้วย

           ปริมไม่ได้สนใจหรอกว่าพี่โจจะมีใครหรืป่าวเพราะมั่นใจว่าความสวยของตนไม่แพ้ใครอย่างไรเสียก็ได้เปรียบ
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะปริมกับพี่โจเริ่มสานสัมพันกันอย่างลับลับ พี่โจเองก็ดูจะหลงปริมไม่น้อย ไม่นานปริมก็มาบอกตาต้า
ว่าจะย้ายออกจากหอไปอยู่คอนโดกับพี่โจ ตาต้าเองก็ทักปริมว่าคิดให้ดีๆ นะเค้ามีครอบครัวแล้วไม่ใช่หรอ แต่ความมั่นหน้า
และมั่นใจของปริมมันเกินจะท้วง ปริมบอกว่าปริมมั่นใจว่าพี่โจจะเลิกกับทางนู้นแล้วมาอยู่กับปริม เราก็เคยสงสัยนะว่าพี่โจมีดี
ขนาดนั้นเลยหรือถึงจะหล่อและมีเงิน แต่คนอื่นที่มีคุณสมบัติแบบนี้ก็มีเข้ามาให้ปริมเลือกเยอะแยะ บางทีเค้าอาจจะมีกรรมต่อกัน
ก็เป็นได้ ถึงทำให้ผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างปริมหลงได้จนหัวปักหัวปำถึงขั้นยอมทุกอย่างแม้กระทั้งยอมเป็นที่สอง
เคยมีรุ่นพี่คนนึงเล่าให้ฟังพี่โจแกเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ทำธุรกิจหลายอย่างทั้งธุรกิจเงินกู้ รวมทั้งธุรกิจเต้นรถที่บ้าน
ทำเป็นหลักหลายสาขา  เลยมีหน้าที่สานต่อธุรกิจของที่บ้านเต็มๆ  มิน่าถึงดูอู่ฟู่ เปลี่ยนรถเป็นว่าเล่นแถมใช้เงินปรนเปรอปริม
ได้เปรมปรีขนาดนั้น. อีกอย่างช่วงนี้ปริมเคยบ่นว่าการเงินทางบ้านปริมก็มีปัญหาเลยทำให้ส่งเงินให้ปริมได้น้อยลง
พี่โจก็เลยเหมือนเป็นที่พึ่งอีกทางให้ปริม.

         พักหลังๆ ปริมเริ่มไม่ค่อยมาเรียนตาต้าบ่นให้ดิฉันฟังบ่อยว่างานกลุ่มปริมก็ไม่คอยสนใจไม่ค่อยช่วยทำ ดิฉันก็ไม่ค่อย
เห็นปริมเข้ามาชมรมเลย ส่วนพี่โจนั้นก็หายไปเลยเช่นกัน  เย็นวันหนึ่งดิฉันกินข้าวอยู่ใต้หอพักกับตาต้าปริมก็โทรมาหาตาต้า
ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"ต้าช่วยกูด้วย มารับกูหน่อย"

ตาต้าเลยถามว่าเป็นอะไร ปริมก็บอกว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตาต้าเลยบอกว่าได้ๆ แล้วก็ชวนดิฉันไปด้วย
เราสองคนไปหาปริมที่คอนโดตามที่ปริมส่งโลเกชั่นมาให้ คอนโดที่ปริมพักอยู่ดูหรูหรามากๆพอไปถึง
เราก็นั่งรอปริมอยู่ที่ลอปบี้ด้านล่างสักพักหลังจากที่เราโทรบอกว่ามาถึงแล้วปริมก็ลงมารับ พวกเราเห็นปริมก็ตกใจมาก
ปริมที่เคยสวยออร่าผุดผ่อง ตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิม ปริมผอมมาก ผิวขาวๆดูซูบซีด แถมใต้ตายังคล้ำดำเหมือนคนไม่ได้นอน
อย่างเห็นได้ชัด ปริมโผมากอดดิฉันกับตาต้าด้วยตัวที่สั่นเทา ปริมขอให้พวกเราช่วยขนของเท่าที่ขนได้ไปไว้ที่หอตาต้าก่อน
ระหว่างที่เรากำลังเก็บของดิฉันสังเกตุว่าปริมดูลุลี้ลุกลนเหมือนกลัวอะไรบางอย่างมากๆ แล้วก็บอกให้พวกเรา
รีบพาปริมไปจากที่นี่ทันที

          เมื่อกลับมาที่หอปริมได้นอน แล้วก็ตื่นมาร้องไห้ไปรอบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเราฟัง
ปริมบอกว่าแรกๆ ที่พี่โจพาเธอมาอยู่ที่คอนโด พี่โจดีกับเธอมากๆ อยากได้อะไรก็ซื้อให้ทุกอย่าง เธอบอกว่าที่พี่โจมีเงินเยอะ
เพราะพ่อพี่โจออกทุนให้ทำธุรกิจเงินกู้นอกระบบ ปริมเองไม่ได้สนใจที่มาที่ไปหรอกเพราะขอแค่พี่โจมีเงินให้ใช้จ่ายก็พอ
ตัวเธอเองก็ยอมรับว่าติดนิสัยกินหรูอยู่สบายพี่โจเองก็ไม่เคยโดนจับเพราะมีผู้มีอิทธิพลคอยช่วยอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด
ปริมมีความสุขมากๆ จากที่แค่จะคบเล่นๆ ก็รู้สึกรักพี่โจขึ้นมาจริงตัวเธอเองก็รับรู้ว่าพี่โจก็รักเธอ แต่เธอก็อดน้อยใจไม่ได้ที่แก
ไม่ยอมเลิกกับแฟนแกสักที ปริมอยากเป็นตัวจริงคนเดียวเท่านั้น พี่โจเองก็พูดให้ความหวังไปเรื่อยแต่ก็อ้างว่าอยู่ทุกวันนี้เพื่อลูก

จนวันนึงแฟนของพี่โจคงระแคะระคายเพราะปริมเองก็อยากแสดงตัวเต็มที่ ทั้งพยายามโทรหาตอนที่เค้าอยู่ด้วยกัน ทั้งโพสรูปคู่ที่ไม่เห็นหน้าแต่เห็นเสื้อผ้าก็รู้ว่าเป็นใครลงไอจี เพราะปริมคิดว่าอย่างไรเสียพี่โจก็ต้องเลือกตน วันนึงแฟนของพี่โจมาเจอปริมกับพี่โจที่ห้างแห่งหนึงเพราะปริมโพสไอจี กะว่าจะให้เค้าเห็นแต่ไม่คิดว่าแฟนพี่โจก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน พอแฟนพี่โจเห็นก็เลยตามมาโวยวายจะหาเรื่องปริม ปริมคิดว่าพี่โจจะเข้าข้างเลยตบแฟนพี่โจไปหนึ่งทีที่ได้จังหวะ ปรากฏว่าพี่โจโกรธมากและพลักปริมจนเซ ตอนนั้นปริมรู้สึกเจ็บและอายมากๆ พี่โจไม่สนใจเธอเลย แล้วพี่โจพาแฟนเค้ากลับบ้าน ปริมมารู้อีกทีตอนที่เห็นข่าวว่า แฟนพี่โจไปทะเลาะกับพี่โจที่ลานจอดรถต่อแล้วก็ขับรถกลับเอง ปรากฎว่าด้วยความโมโหแฟนพี่โจขับรถเร็วมากจนรถแหกโค้งแล้วลอยไปฟาดกับต้นไม้จนอัดกอปปี้กับต้นไม้ตายคาทีเลยปริมเองตกใจมากตอนเห็นข่าวออกทีวี

           เธอไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ เธอแค่รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงเชยๆ ที่ดูไม่มีอะไรสู้เธอได้ เพียงแต่แค่เค้ามาก่อน เป็นแฟนคนแรกของพี่โจ และยังเป็นแม่ของลูกพี่โจอีก เธอรู้สึกเกลียดทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันสักคำพี่โจพอตั้งแต่เกิดเรื่องก็หายไปไม่ติดต่อมาเป็นอาทิตย์ ปริมเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความ และรู้สึกผิดและคิดถึงพี่โจปนกันไปหมด วันนึงพี่โจก็มาที่ห้องแต่ปริมพยายามเอาใจ แต่พี่โจก็ดูไม่ค่อยพูดดูเหม่อลอย ถามคำตอบคำ คืนแรกที่พี่โจมาหาหลังจากหายไปนาน ปริมเล่าว่าเธอมีอะไรกับพี่โจแล้วก็หลับไป มารู้สึกตัวก็ตอนที่เธอรู้สึกเจ็บที่ใบหูแล้วก็หนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ เธอนอนอยู่ในท่านอนตะแคงหันหลังให้พี่โจ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาในความมืด เธอมาเห็นเท้า!!! เท้าที่ใส่คัทชูสีแดงส้นเตี้ย เธอจำได้ดีรองเท้าคู่นี้เป็นของแฟนพี่โจ!!!!ที่ใส่ในวันที่ทะเลาะกัน เพราะเธอมองแฟนพี่โจตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเย้ยหยัน ทั้งรูปร่าง ทั้งหน้าตา และการแต่งตัวสู้เธอไม่ได้เลยสักนิด เท้านั้นดูลอยๆดูไม่มีน้ำหนักเพราะที่นอนไม่ยวบลงเลย

เชี่ยยย........ดิฉันกับตาต้าอุทานพร้อมกันขนลุกขึ้นทันที

      ปริมบอกว่าเท้าข้างนึงยืนอยู่ตรงหน้า ส่วนอีกข้างเหยียบอยู่บนหัวของเธอดิฉันจึงพูดขึนมาว่า

"เจอหนักเหมือนกันนะเนี่ย"

"ใช่ หนักมากหนักบนหัวกูเนี่ย มันเล่นเหยียบซะจนหัวจะยุบลงไปในหมอนอยู่ละ"

แล้วตาต้าก็พูดขึ้นมาว่า

"แล้วทำไงต่อ"

        ปริมบอกว่าพอพี่โจนอนพลิกมากอดเธอเท้าคู่นั้นก็หายไป ปริมพยายามบอกพี่โจว่าผีแฟนพี่โจมาหลอก พี่โจก็โมโหบอกว่าปริมเพ้อเจ้อ คิดมากไปเอง พอตอนใกล้ๆ จะเช้าพี่โจก็กลับ แล้วบอกว่าจะมาหาเธออีกทีตอนค่ำๆ เพราะต้องไปดูลูกที่ฝากแม่เค้าเลี้ยงไว้

          พอคืนที่สองพี่โจก็มาหาปริม หลังจากพี่โจกับปริมเข้านอนปริมก็เลยนอนกอดพี่โจไว้ แต่พอรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกเธอก็เจอเหตุการเดิม แต่ครั้งนี้ปริมโดนเตะเข้าที่ใบหน้าไปมาเบาๆ เหมือนเขี่ยหน้าปริมเล่น ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นมือพี่โจ แต่พอลืมตาขึ้นปรากฎว่า มันคือเท้าที่ใส่คัทชูสีแดงคู่เดิม แล้วเท้านั้นก็เหยียบเข้าที่หน้าเธออีกครั้ง เธอขยับไม่ได่ แล้วก็มีเด็กตัวเล็กๆ ไม่ใส่เสื้อผ้ามากัดที่ปลายเท้าของเธอ คราวนี้พอเธอขยับตัวได้เธอกรี๊ดลั่นห้องเลย แต่แปลกที่พี่โจกลับไม่ตกใจอะไรแถมยังหันมาดุเธอเบาๆ อีกว่าพอได้แล้ว พี่โจดูหงุดหงิดแล้วก็กลับไปกลางดึกคืนนั้นเลย ปริมบอกว่าปกติพี่โจก็จะมาหาเธอแบบนี้คือมาค่ำๆ แล้วก็กลับตอนก่อนฟ้าสางเสมอ

           ตอนเช้าปริมก็เลยไปที่วัดแล้วก็เช่าพระพุทธรูปมาไว้บูชาองค์นึง เธอไม่รู้จะทำอย่างไร มีเพียงวิธีนี้ที่จะพอทำให้เธอได้อุ่นใจได้บ้าง
พอตกตอนค่ำเธอโทรหาพี่โจว่าจะเข้ามากี่โมงเธอจะสั่งพิซซ่ามากิน พี่โจบอกว่าคืนเข้าไปไม่ได้ติดธุระ เธอก็ได้แต่น้อยใจแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้พี่โจต่อ และก็แอบหวั่นๆ ว่าคืนนี้เธอจะเจออะไรอีกมั๊ยจนเธอนอนไม่หลับ พอจะหลับก็จะได้ยินเสียงเคาะกระจกหน้าต่างดังปัง!!! จนเธอสะดุ้ง แล้วก็มีเสียงเด็กทารกร้องไห้อีก แต่คราวนี้เธอได้ยินแต่เสียงเท่านั้น แต่ก็ทำให้เธอไม่ได้นอนเลยอีกคืน

           พอตอนเช้าเธอก็พยายามโทรหาพี่โจแต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด แล้วก็ผล่อยหลับไปตอนกลางวัน ตื่นมาอีกทีก็เกือบเย็นโทรหาพี่โจก็ไม่ติดอีก ปริมไม่กล้าอยู่คนเดียวพอกดโทรระศัพท์เลื่อนไปเรื่อยๆ ไปเจอเฟชของตาต้าเลยโทรหานี่แหละเราได้ฟังก็สงสารปริม แต่ก็อดคิดตามไม่ได้ว่าปริมก็ทำตัวเองด้วยแท้ๆ สวยก็สวยบ้านก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นอะไรขนาดที่สามารถเลือกคนที่ไม่มีพันธะอะไรแบบพี่โจก็ได้ แต่ก็เนาะอำนาจเงินมันหอมหวาน แถมพี่โจก็หล่อขนาดนั้นปริมเลยหลงเข้าไปในนรกบนดินจนไม่รู้ผิดรู้ชั่วอะไรทั้งนั้น  ตาต้าบอกว่าปริมไม่ต้องคิดอะไรมากเดี๋ยวคืนนี้จะพาสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอนแล้วจะอยู่เป็นเพื่อนตลอด แล้วตอนเช้าก็ไปมหาลัยด้วยกัน ปริมก็ดูจะใจชื้นขึ้นมา. และก็มีบ่นๆ ด้วยว่าติดต่อพี่โจไม่ได้กลัวไปหาที่คอนโดแล้วไม่เจอ ดิฉันเลยบอกว่าพรุ่งนี้ตอนไปมหาลัยก็แวะไปถามเพื่อนแกที่ซุ้มชมรมก็ได้เพราะเพื่อนสนิทแกชอบไปนั่งเล่นที่นั่นคืนนั้นผ่านไปด้วยดีปริมไม่เจออะไร

           ตอนเช้าเรามามหาลัยพร้อมกันพอตาต้ากับปริมเรียนเสร็จพักเที่ยงเลยนัดดิฉันว่ามาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน พวกเราเดินผ่านซุ้มชมรมเลยแวะเข้าไปถามเพื่อนพี่โจเรื่องที่ติดต่อไม่ได้ แต่พอเข้าไปก็ดูเค้ายุ่งๆ กัน ทุกคนใส่เสื้อแจคเก็ตที่เป็นเสื้อคลุมของกรรมการชมรมที่เป็นสีดำ เค้าเห็นพวกเราเลนถามว่าพวกเรารู้ข่าวไอ้โจรึยัง เราก็งงๆ ว่าข่าวอะไรหรอสังสัยจะเป็นข่าวที่แฟนแกเสียเพราะมีออกข่าวทีวีอยู่ แต่ฉับพลันดิฉันยังไม่ได้เอ่ยปากถาม เพื่อนพี่โจก็พูดขึ้นมาว่า

        "อ้าวพี่นึกว่ารู้แล้ว ไอ้โจมันเสียแล้วนะ ศพมันตั้งสวดได้สามวันแล้ว วันนี้ตอนบ่ายก็จะเผา แม่มันบอกว่าหลังจากที่เผาศพเมียมันเสร็จประมาณอาทิตย์นึง มันก็บอกว่าจะขับรถกลับคอนโด เห็นว่าจะหากิ๊กมันอีกคนนึง แต่พอตอนเช้าก็มีคนจากมูลนิธิโทรมาแจ้งว่าเจอศพมัน อยู่ในรถจอดอยู่ข้างทาง ผลชันสูตรเห็นว่าหัวใจวาย ที่ไม่มีคนช่วยเพราะเห็นว่านอนอยู่ในรถ และเครื่องก็ติดอยู่ แต่คงจะนานเกินไปจนเครื่องดับคนก็เลยสงสัยเพราะรถยังจอดอยู่ที่เดิม เลยมาเคาะกระจกดูก็เห็นว่าปากเขียวตัวซีดไปแล้ว "

พอพวกเราได้ฟังก็อึ้งเย็นสันหลังวาบวาบ... ละละแล้ว ที่ปริมเล่าให้เราฟังหละพี่บอกว่านอนกับพี่โจมันคืออะไร พอหันไปมองที่ปริมปรากฎว่าเธอช๊อกจนเป็นลมไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว พวกรุ่นพี่กับเราก็ตกใจรีบไปปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ พอปริมฟื้นตาต้าก็พาปริมกลับหอแล้วโทรบอกแม่ปริมให้มาหาด่วน เพราะปริมเหมือนช็อคไปเลย. เหม่อลอย ไม่พูดไม่จากับใครอีกเลยหลังจากปริมกลับเหนือไปกับแม่ตาต้าเล่าว่าเธอก็โทรไปหาแม่ปริมเพื่อถามอาการของปริมอีกครั้ง แม่เล่าแต่ว่าปริมคงต้องเข้ารับการรักษาด้านจิตเวชอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะพูดจาเลอะเทอะไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วก็หม่อลอย ตาต้าเลยตัดสินใจเล่าเรื่องของปริมให้แม่ฟังทั้งหมด เพราะตอนแรกตาต้าบอกแค่ว่าปริมช๊อคเพราะแฟนเสียชีวิตกระทันหันพอแม่ได้ฟังก็ค่อยข้างตกใจมากและก็บอกว่าคงต้องพาปริมไปวัดเพื่อรดน้ำมนต์ด้วยก่อนที่จะวางสายไป   บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตปริม บทเรียนของการไม่ยับยั้งชั่งใจ ความมั่นใจแบบผิดๆ ไม่แคร์อะไรทั้งนั้นเธอคงต้องเรียนรู้ไปอีกนาน จนไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเรียนในชีวิตจริงอีกเมื่อไหร่!!

เรื่องจากพันทิป เรื่องหลอน ตอน เรื่องของปริม
เรื่องโดย  สมาชิกพันทิปนาม หนูดี0127


ไม่มีความคิดเห็น