ประสบการณ์สยอง ที่ภูเก็ต
"ประสบการณ์สยอง ที่ภูเก็ต" เรื่องเล่าสยองจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1865431 ที่เคยฝากผลงานไว้เช่น "ประสบการณ์สยองขวัญ....จากโคราช ถึง นครปฐม" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เหตุการณ์นี้เกิดทั้งกับเราและคนที่ไปด้วยกันค่ะ จริงๆเล่าไปแล้วในกระทู้ของเรา
แต่มีคนหลังไมค์มาว่าตามอ่านยาก ให้ตั้งกระทู้ใหม่ เพราะกระทู้เก่า รวมหลายเรื่องเกินไป และเรื่องงอกมาเรื่อยๆ บางคนเลยไม่รู้ว่ามีต่อ
ใครที่ได้อ่านแล้วขอโทษด้วยนะคะ คนที่รอก็ต่อในนี้นะคะ
ปล.ขอค่อยๆเอามาใส่นะคะ เผื่อใครยังไม่ได้อ่านจะได้ค่อยๆติดตามและไม่ยาวเป็นพรืด
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ เรากับพี่สาว เพื่อนพี่สาว และแฟนของเพื่อนพี่สาวไปเที่ยวทะเลกันที่ จ.ภูเก็ต
เราออกเดินทางกันสายๆเพราะจังหวัดที่เราอยู่ ก็ไม่ไกลจากภูเก็ตมากนัก ตอนไปถึงก็เป็นช่วงบ่ายๆ วันแรกเรากะจะกินบรรยากาศแบบวัยสาว เที่ยวดึกๆ (ดูฝรั่งหล่อๆ ล่ำๆ) ที่หาดป่าตอง จึงพักกันแถวหาดป่าตองเลยค่ะ
โรงแรมที่พักดูดี กว้างใหญ่ ข้างล่างมีนวดสปา ข้างๆกันมีร้านนั่งดื่มแบบโล่งๆ เดินไปไม่ไกลก็จะเจอห้างจังสีลอน และหากข้ามถนน เดินไปนิดนึงก็จะเป็นทางเดินลงหาด
เราพักกัน 2 ห้องค่ะ เรากับพี่สาว เพื่อนพี่สาวกับแฟน ห้องดูดีเลยหละค่ะ พื้นปูเป็นกระเบื้องไม่ใช่พรมจึงรู้สึกไม่อับ ห้องน้ำใหญ่โต เตียงใหญ่คิงส์ไซส์ แต่เสียอย่างเดียว รูปลั๊กมีแค่รูเดียวที่ว่าง และอีกรูคือรูที่เสียบทีวีอยู่
พอเข้าห้องได้ เราก็นัดแนะกันว่าจะนอนพักแป๊บนึง ชาร์จแบตโทรศัพท์หน่อย และจะไปเดินเล่นที่ชายหาด แอร์ในห้องค่อนข้างร้อน เพราะเป็นแอร์แบบที่แผงควบคุมแอร์ติดกับผนัง และใช้วิธีบิดองศาเพื่อให้เย็นขึ้น (พึ่งทราบจากพนักงานทีหลังว่าเราปรับสุดเกิน เครื่องเลยหยุดทำงาน งี้ก็มีด้วย)
พี่สาวเราชาร์จรูที่ว่างอยู่ ส่วนเราดึงปลั๊กทีวีออกและชาร์จของเรา และก็ยืนเล่นไลน์ เปิดเฟซเช็คอินนั่นนี่ว่ามาถึงแล้ว
ไม่นาน เพื่อนพี่สาว ก็มาเคาะประตู พอเราไปเปิดก็บอกว่า "แฟนพี่ แม่มนอนไปละ" และบ่นว่าแอร์ร้อน ของน้องร้อนมั้ย เราก็บอกว่าก็ร้อนนะ ควรจะเย็นกว่านี้ ระหว่างนั้นพี่เค้าก็เดิน และก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะทำงาน และพี่เค้าก็บ่นนั่นนี่ เม้ามอยด์กับพี่สาวเรา
ตอนนี้ตำแหน่งก็คือ พี่สาวเรานั่งอยู่ริมสุด ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่มีพนักพิง และเงยหน้ามาบ้างประปราย
เพื่อนพี่สาวนั่งตรงกลางบนเก้าอี้มีพนัก (โต๊ะทำงาน กับโต๊ะเครื่องแป้งติดกัน) และก้มเล่นโทรศัพท์ และเงยบ้างเช่นกัน เพื่อเม้าให้ได้อรรถรส
เรายืนหลังพิงกำแพง ก้มเล่นมือถือเหมือนกัน แต่ไม่เงย เพราะไม่ค่อยได้สนทนากับเค้า ก็แค่ฟังๆ
สักพัก ก็ได้ยินเพื่อนพี่สาวบอกว่า "นี่ๆ มาดูนี่ซิ เนี่ย สวนน้ำที่เราจะไปเที่ยวพรุ่งนี้ ก็ดูเหมือนใหญ่นะ แต่สู้ไอสวนน้ำหัวหินไม่ได้ ทริปหน้าเนอะ"
เราก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อไป เพราะเม้าติดพันกับเพื่อน
ส่วนพี่สาวเราก็ดูไม่สนใจเพราะเราไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนาง (นางบอกว่า เงยมามองแว่บนึง)
แล้วเพื่อนพี่สาว (เริ่มขี้เกียจพิมพ์ สมมติว่าชื่อ ณี)
พี่ณีก็สะดุ้ง แล้วหันมาถามเราว่า "นี่น้องปุ้ม(สมมติว่าเราชื่อปุ้ม) เมื่อกี้ ได้มายืนข้างๆพี่มั้ย?"
เราก็ละหน้าจากโทรศัพท์ "ไม่นะ ก็ยืนตรงเนี้ย หน้ายังไม่เงยด้วยซ้ำ"
พี่ณี "เอาจริงๆนะน้อง? หรือว่ามุง?" และหันไปทางพี่สาวเรา (สมมติว่าชื่อแป้น)
พี่แป้น "กุเปล่า กุแชทเฟซอยู่ แต่ตอนกุเงยไปมอง กุเห็นน่าจะปุ้มอะ ยืนอยู่ข้างมุง"
เรา "เห้ย! เปล่านะ ยืนอยู่แต่ตรงนี้"
พี่ณี "เนี่ย เมื่อกี้เหมือนเดินมานะ แล้วมายืนตรงซ้ายมือพี่เนี่ย แล้วก็ชะโงกหัวมามองในมือถือ" พร้อมทำท่าทางประกอบ
เรา "ไม่เล่นนะพี่ ปุ้มยืนตรงนี้ไม่ขยับตัวเลยจริงๆ"
และเราทั้ง 3 คนก็มองหน้ากัน แบบรู้ตัวว่า อาจจะเจอตั้งแต่เริ่ม
จริงๆ พี่ณี เป็นคนมีเซนส์อ่อนๆ พี่เค้ามักจะเห็นหรือรู้สึกได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่!! นางพึ่งมาเฉลยเราตอนระหว่างนั่งรถกลับบ้าน
พี่แป้น จึงยิงคำถามต่อไป "ตอน สึนามิ ยิ้มซัดไปไกลแค่ไหนวะ?"
พี่ณี "ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ที่ป่าตองคนตายเกลื่อน"
เรา "นี่ หาดป่าตองไม่ใช่หรอพี่?"
พี่ณี "ก็ใช่ไงคะ น้องปุ้ม" (พี่เค้าจะพูดเพราะมากกับเรา แต่มุงกุ กับพี่เรานะคะ)
เรา "เอ่อ เราออกไปหาของกินหรืออะไรข้างนอกมั้ยพี่?"
พี่ณี "แฟนพี่มันยังนอนอยู่เลย สงสัยเมื่อกี้พี่เบลอ ช่างเถอะๆ ไม่มีไรหรอกน่า"
เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีละ แต่ดีนะเราไม่เห็น เราก็พยายามไม่คิด คิดว่าพี่เค้าคงเบลอและเล่นโทรศัพท์ต่อ แต่คราวนี้เสียงเม้าเงียบๆไป พวกพี่ๆบอกทีหลังว่า หาข้อมูลสึนามิกันอยู่ และไลน์หากัน ไม่เรียกแบบโจ๋งครึ่มแล้ว เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาดูแทน
สักพัก เราก็ไปถอดคอนแทคพักสายตา เพราะคืนนี้คงอีกยาวไกล และก็ขอตัวไปนอน แต่นอนแบบไม่ห่มผ้านะคะ นอนบนผ้าห่มที่ดึงตึงๆ
และเราก็ฝันไป คือค่อนข้างคิดว่าฝันนะ
แต่คิดไปคิดมา ก็ไม่ฝันนะ แต่เหมือนปลอบใจตัวเองว่าฝัน เออ สับสนๆ
เอาเป็นว่า อ่านดูละกันนะ
ตอนเรานอน นอนได้สักพักนึง ก็รู้สึกเหมือนมีความเคลื่อนไหวในห้อง คือมีใครสักคนเดิน (ถึงไม่เห็น แต่เจนสัมผัสได้ค่ะ)
บอกก่อนคือเรานอนฝั่งขวาของเตียง และหัวเตียงจะมีโต๊ะเล็กๆ และโคมไฟ และถัดจากเตียงเราไปทางขวานิดนึง จะเป็นผนังห้องน้ำและมีระยะห่างระหว่างเตียงกับผนังห้องน้ำประมาณเท่ากับคนยืนชิดเตียงและยื่นแขนขวาไปที่ผนังห้องน้ำ ดังนั้นเตียงกับช่องว่างนั้นจึงห่างกันไม่มาก หากมีคนเดินมาใกล้ๆ เราจะมีความรู้สึกได้
เรานอนตะแคงขวา หันหน้าไปทางโคมไฟ และก็รู้สึกว่าคนที่เดิน เดินมาข้างๆเตียงฝั่งเรา (วันนั้นเราเอาเป้ใส่เสื้อผ้าวางที่พื้นข้างเตียง)
และเราก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืน แบบยืนบังแสงจากโคมไฟ ประมาณว่า ถึงเราหลับตาเราก็ยังเห็นความสว่างในความมืด แต่นี่อยู่ดีๆก็มืด
เราคิดว่าพี่สาวคงมาเอาของในเป้ จึงหันหนีตะแคงไปอีกฝั่ง ทั้งๆที่หลับตา และก็รู้สึกเหมือนคนคนนั้นยืนค้างอยู่อย่างนั้น เราจึงพูดว่า "จะหยิบอะไรก็หยิบดิ ยืนอยู่ได้"
และก็รู้สึกแบบ ไอคนนั้นเหมือนก้าว หรือกระโดดหรืออะไรก็ไม่รู้ คือมันเร็วมากกกกก มาบนเตียงข้างเรา แบบรู้สึกเหมือนคนข้ามเรามาขึ้นเตียงอะค่ะ เราก็แบบ ลืมตาเลย เพราะคิดว่าพี่แกล้ง คือจะนอนก็ไปขึ้นอีกทางซิ ทางฝั่งตัวเองไรงี้ มาข้ามเราทำไม
เราก็แบบหงุดหงิดเลย กะว่าจะด่า
พอลืมตาเท่านั้นแหละ ข้างเตียงว่างเปล่า เตียงยังตึงเป๊ะ เหมือนไม่เคยสัมผัสมือชายใดมาก่อน เราก็แบบ ลุกพรึ่บจากเตียงเลย ลุกขึ้นมานั่งและแบบเห็นเงาลางๆดำๆในกระจกแบบ มั่นใจนะว่า ไม่ใช่เงาเรา แต่แบบแว๊บเดียวแล้วหายเลย เงานั้นเหมือนยืนอยู่บนเตียง คือเห็นแบบเป็นเงาดำ ยาวๆ (เรานอนปลายเท้าตรงกับกระจกโต๊ะเครื่องแป้งเลย)
พี่ณีกับพี่แป้น ซึ่งนั่งตำแหน่งเดิม คือเราเห็นทุกคนแบบลางๆนะ ไม่ได้ใส่แว่น แต่จำรูปร่างได้
พี่ณี "เป็นไรน้อง ฝันร้ายหรอ เห็นละเมอบ่นพึมพำ"
เรา "เมื่อกี้ มีใครเดินมาตรงนี้มั้ย?" พร้อมชี้ตำแหน่ง
พี่แป้น "ไม่ พวกชั้นก็นั่งกันตรงเนี่ย ทำไม แกมีไร?"
เรา "เอ่อ เปล่า แล้วๆ ชั้นนอนไปนานมั้ย?"
คือเราต้องการคำณวนว่าระยะเวลาที่เรานอน เป็นไปได้มั้ยที่จะฝัน
พี่แป้น "ไม่รู้หวะ ครึ่งชั่วโมงได้มั้ง แต่ไม่ถึง ชม. อะ"
เรานั่งตั้งสติ และบอกกับตัวเองว่ามันคือความฝัน เราหลอนไปเองจากที่พี่ณีพูดเรื่องเงา จริงๆคงไม่มีอะไร
จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เข้าใจ แต่ความรู้สึกนั้นชัดมาก ชัดแบบเหมือนเราตื่นมีสติ จนตอนนี้ ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้
ปล.เรารู้สึกโชคดีนะ เจอแต่เสียงตลอด ไม่เคยเห็นกับตา แต่เป็นไปได้ ขอไม่เอาแล้วนะคะ
ระหว่างที่เรานั่งตั้งสติ พวกพี่ๆก็คงเห็นแล้วว่ามีอะไรแปลกๆ
พี่ณี "เอ้อ เรายังไม่กินข้าวเที่ยงกันเลย กินกันแต่ขนม พี่ว่า พี่ไปปลุกแฟนพี่ดีกว่า เราไปหาอะไรกินกันเนอะ แล้วไปถ่ายรูปแถวหาดกัน"
เรา "ดีค่ะพี่ หนูหิวพอดี" จริงๆคืออยากออกจากห้องเต็มที
พี่แป้น "เออๆ มุงไปปลุกแฟนไป กุแต่งหน้าเพิ่มก่อน 15 นาทีเจอกันห้อง กุ"
แล้วพี่ณี ก็เดินกลับห้องไป ส่วนเราก็อยู่กับพี่สาว
พี่แป้น "แก อย่าพึ่งเล่านะ" พี่สาวเรารีบห้าม
เรา "เออๆ ชั้นไปใส่คอนแทคก่อน แต่แกมาด้วยได้ปะ นะๆ"
จากเราไม่ค่อยพูดจากันดีๆ เพราะอายุไล่เลี่ยกัน กัดกันตลอด คราวนี้เราถึงขั้นพูดจาดีๆ ทำตัวน่ารัก พูดจาดี
พี่แป้น "เออๆ ทำหยั่งกับห้องน้ำอยู่ไกล ไปๆชั้นจะฉี่พอดี"
แล้วเรา 2 พี่น้องก็ไปห้องน้ำพร้อมกัน จากนั้นก็ออกมาแต่งหน้า และเราก็คิดถึงความรู้สึกนั้นไปด้วย ว่ามันฝันหรือจริง สักพักพี่ณีกับแฟนก็มาเคาะประตู เราถึงขั้นกรี๊ด เพราะตกใจ พี่สาวเราก็ตกใจไปด้วย
พี่แป้น "แม่ม กรี๊ดทำไม ตกใจหมด" บ่นไป นางก็เดินไปเปิดประตู
พี่ณี "เสร็จกันยังสาวๆ ไปกินกันๆ"
พี่ณีพยายามทำให้ร่าเริง เพื่อลดความกลัวของเรา และพวกเราก็ไปหาของกินกันในจังซีลอนและไปถ่ายรูปที่ชายหาด เดินเล่นกันจนฟ้าเริ่มมืด เราก็ตกลงกันว่าจะกลับไปพักที่ห้องกันก่อนเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล และค่อยออกมาท่องราตรีตอน 4 ทุ่ม
พอไปถึงห้อง เราก็พยายามไม่คิดอะไร มีหวาดระแวงอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างก็ดูปกติดี เราอาบน้ำ แต่งหน้าใหม่ ดูทีวี และพร้อมไปท่องราตรี สักพักพี่ณีกับแฟนก็มา
พวกเราเดินกันไป ไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงบริเวณทางลงหาด (มีป้าย Patong Beach ใหญ่ๆ) ซึ่ง 2 ข้างทางมีร้านมากมาย หลายสไตล์ ฝรั่งดิ้นกันเมามันส์อยู่ในนั้น บอกตามตรงกลางคืนต่างจากเมื่อบ่ายมาก เราเดินกันไปจนเกือบสุดทาง และเดินกลับมาอีกรอบ เพื่อเลือกร้านที่โดนๆ (ถ้าใครคิดไม่ออก อารมณ์คล้ายๆข้าวสารค่ะ) มีทั้งคาบาเล่ย์ สาวรัสเซีย คนรูดเสา มากมายไปหมด เราจึงตัดใจเลือกร้านที่คิดว่าเพลงโดนที่สุด ซึ่งเป็นร้านดนตรีสดร้านหนึ่ง เพลงที่ร้องเป็นเพลงสากลแนวสนุกสนาน เราจึงตกลงเข้าไปในร้านนี้
เรานั่งกันตรงกลางพอดี ตรงกับเวที แต่เป็นแถวที่ 3 ซึ่งถัดจากทางเดิน (ถ้าหันหน้าเข้าร้าน และยืนอยู่ตรงทางเดินกลางร้าน เวทีจะอยู่ซ้ายมือ หน้าเวทีมีโต๊ะ 2 แถว และเว้นเป็นทางเดิน ถัดไปทางขวามือ มีโต๊ะอีก 2 แถวและหลังสุดเป็นโซนโซฟา)
พี่แป้น และพี่ณีนั่งหันหน้าทางเวที เรานั่งหันหน้าออกทางหน้าร้าน และเวทีอยู่ทางขวามือ ส่วนแฟนพี่ณีนั่งตรงข้ามกับเรา (แฟนพี่ณีเป็นผู้ชายนิ่งๆ พูดน้อย อะไรก็ได้ และมีหน้าที่ขับรถ พี่เค้าจึงไม่ค่อยจะมีบทบาท)
เราสั่งเบียร์มาหนึ่งทาวเวอร์ และดื่มกันอย่างเมามัน นักร้องบนเวที 4 คนก็ร้องเพลงได้ยอดเยี่ยม สนุกสนานซะจนฝรั่งในร้านลุกขึ้นเต้น โยกกัน ดิ้นกันมันส์ เราก็นั่งเต้นบนเก้าอี้อย่างสนุกสนาน แต่สิ่งที่เราสังเกตุได้คือ พี่ณีนิ่งมาก นิ่งซะจนเราตกใจ ตอนแรกเค้าก็ยังโยกๆอยู่เลย แต่นี่นิ่งขณะที่ทุกคนสนุกซะขนาดนี้ เราก็คอยเอนเตอร์เทนพี่เค้า จับมือยกไม้ยกมือพี่เค้า แต่พี่เค้าก็ยังนิ่งและบอกเราว่า "น้องสนุกเลย ไม่ต้องห่วงพี่ พี่แค่เพลียๆ" แล้วนางก็หลับตา แล้วเหมือนนอนหลับ คือเรานี่ งง คนอะไรหลับในผับ
เราเลยรู้สึกว่าพี่เค้าดูแปลกๆ แปลกผิดปกติ เราจึงไลน์บอกพี่สาวเราว่า ให้รีบดื่มๆให้หมดทาวเวอร์แล้วกลับกันดีกว่า และเราก็ส่งมือถือเราที่มีข้อความนั้นให้แฟนของพี่ณีอ่าน
พวกเรานั่งกันสักพักก็ชวนกันกลับไปที่ห้อง ก่อนถึงห้องก็แวะเซเว่น ตอนอยู่ในเซเว่น พี่ณีก็ดูปกติ ดูไม่เพลีย แต่เราก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเรารู้สึกมึนๆ เพราะดันดื่มเบียร์เร็วและเยอะ พอไปถึงห้องก็รีบทำธุระอาบน้ำนั่นนี่และเข้านอน
แต่ก็ขอบคุณฤทธิ์แอลกอฮอล์นะ ที่ทำให้เราหลับซะลืมผี
แต่ความจริงที่พี่เค้ามาเล่าระหว่างทางกลับบ้านนี่ซิที่ทำให้เราตกใจ (พี่ณีมีจรรยาบรรณในการเจอผีมากนะคะ พอเราหลุดจากจุดนั้นมาไกลถึงค่อยเล่า
พี่ณีบอกว่า ระหว่างทางที่เดินไป ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย เพลงจะดัง บรรยากาศจะสนุก แต่พี่ณีสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของที่บริเวณนั้น รู้สึกว่ามีคนเจ็บปวด และได้ยินเสียงคนร้องไห้ระงม ปนมากับเสียงเพลง พี่ณีจึงรู้สึกหดหู่ แต่แกก็พยายามจะทำตัวให้สนุกปกติ (พี่ณีแกมีเซนส์เรื่องนี้ค่ะ)
แต่จุดพีคเลยก็คือ ตอนที่นั่งอยู่ในร้าน พอนั่งได้สักพัก แกก็มองนั่นมองนี่ เพราะในร้านมีแต่ฝรั่ง และพี่ณีแกเห็นคนคนนึงยืนอยู่(แกมองจากรูปร่าง ประเมิณว่าเป็นฝรั่ง) ฝรั่งคนนั้นยืนปะปนอยู่กับคนอื่นๆ แต่แปลกตรงที่เค้ายืนนิ่งๆ ไม่โยกไปตามเพลงแบบคนอื่นๆและยืนก้มหน้า แต่พี่ณีก็ไม่ได้สนใจและหันไปมองเวที แต่สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมาที่แก แกจึงหันไปตามทางนั้น และสิ่งที่เห็นคือ ฝรั่งคนเดิมแต่คราวนี้เค้าหันหน้ามาและยืนจ้องพี่ณีจากระยะไกล พี่ณีจึงรู้สึกแปลกๆและสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติแกจึงนิ่งไป และช็อตสุดท้ายเด็ดสุดคือ "พี่ณีเห็นฝรั่งคนนั้นมายืนอยู่มุมโต๊ะ ข้างๆเรา!!" แต่เค้ามาในสภาพที่โอเคนะ แต่แค่ดูซีดๆ พี่ณีบอกว่า ซีดเหมือนคนจมน้ำและโชคดี ที่เห็นแค่คนเดียวไม่มากันหลายคน (ดีนะเราไม่สัมผัสได้ ไม่งั้นคงวิ่ง และผีก็มายังกับพลอตหนังผี ค่อยๆขยับมา ดีนะไม่ขยับมาไวๆตามจังหวะไฟในผับ)
เค้ามายืนมองพี่ณี จนพี่ณีตัดสินใจแกล้งหลับกลางผับที่ผู้คนโหวกเหวกโวยวาย โดยบอกกับเราว่าเค้าเพลีย เราก็สงสัยอยู่แล้วว่า ทำไมพี่เค้ามานั่งหลับ ทั้งๆที่จริงๆ พี่เค้าเป็นคนจัดทริป และบอกว่าจะมาปล่อยแก่ด้วยการแด๊นซ์กระจายที่นี่
(หลังจากเราปลุกพี่เค้าจากการแกล้งหลับ พี่เค้าลืมตามา ก็ไม่เจอฝรั่งคนนั้นแล้ว)
หลังจากเราดื่มกันเสร็จและกลับห้อง เราปกติสุขดี แต่พี่ณีนี่ซิ!!!
ปล.พี่ณีสอนทริคการเจอผีมาว่า ให้แกล้งทำเป็นไม่เห็น ไม่กรี๊ด ไม่โวยวาย ทำเหมือนเค้าเป็นอากาศธาตุ และเค้าจะเลิกสนใจเราไปเอง แต่เราไม่รู้ว่าจริงมั้ยนะ ยังไม่เคยลอง ใครเคย บอกด้วยนะว่าได้ผลมั้ย
ในขณะที่เรากับพี่สาวหลับสนิทตลอดคืน พี่ณีนี่ซิ ต้องเผชิญกับเรื่องลี้ลับเพียงลำพัง เพราะแฟนพี่เค้า สมมติว่าชื่อปุ๊ ก็หลับสนิทไม่แพ้เรา
คืนนั้นพอพี่ณีทำธุระทุกอย่างเสร็จ ก็เตรียมตัวเข้านอน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู "ปัง ปัง ปัง"
พี่ณีคิดว่า เป็นเราหรือไม่ก็พี่สาวคงมายืมอะไร จึงเดินไปเปิด แต่พอไปเปิด ก็เจอแต่ความว่างเปล่า แต่พี่ณีก็คิดในแง่ดีว่า คงจะเป็นห้องตรงข้ามหละมั้ง จึงปิดประตูและจะเดินไปที่เตียง แต่ยังก้าวไม่ทันถึงเตียง "ปัง ปัง ปัง" เสียงเคาะมาอีกแล้ว ทำซะเอาพี่ณีสะดุ้ง แต่คราวนี้ พี่ณีไม่ไปเปิดทันที แต่มองผ่านตาแมว ที่ประตู แต่ก็ไม่เห็นใครเหมือนเดิม
พี่ณีเริ่มสัมผัสได้ว่ามีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นอีกแล้ว จึงรีบกลับไปที่เตียงเพื่อจะสวดมนต์นอน ระหว่างนั่งสวดอยู่ ก็รู้สึกเหมือนมีคนมานั่งอยู่ข้างๆ และสวดตามพี่ณี แต่เป็นเสียงเบาๆ งึมงำๆ เหมือนเสียงกระซิบ
พอพี่ณีสวดเสร็จ ก็ลืมตาและมองสำรวจโดยรอบ ขนแขนลุกไปหมดเพราะกลัวจะเห็นอะไร แต่ก็ไม่เจอใคร จึงรีบล้มตัวลงนอน และไม่นานก็มาอีกแล้ว ปัง ปัง ปัง แต่คราวนี้ กลับไม่ใช่เสียงประตูห้อง แต่เป็น"ประตูห้องน้ำ!!"
พี่ณี ใช้แนวคิดที่ว่า ทำเป็นไม่สนใจ เดี๋ยวเค้าก็ไปเอง จึงทำเป็นไม่ได้ยินและนอนต่อไป แต่พอนอนได้สักพัก เสียงก็มาอีก ปัง ปัง ปัง ดังอยู่หลายครั้งจนพี่ณีคิดว่า เฉยๆคงใช้ไม่ได้ในกรณีนี้
พี่ณีจึงบอกว่า "ต่างคนต่างอยู่นะ แล้วพรุ่งนี้จะทำบุญไปให้" พอสิ้นเสียง ก็มีเสียง "ปังๆๆๆ" ติดต่อกันรัวๆและทุกอย่างก็เงียบไป พี่ณีจึงคิดว่า นั่นคงเป็นสัญญานว่า เค้ารับรู้แล้ว
พี่ณีจึงนอนต่อ พี่ณีนอนค่อนข้างห่างจากพี่ปุ๊เพราะทั้งคู่ตัวค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักรวมกันก็ร่วม 200 กิโล และอีกอย่าง แอร์ในห้องก็ร้อนมากกก ร้อนซะจนพี่ณีไม่อยากจะห่มผ้าด้วยซ้ำ
พอนอนไปได้สักพัก พี่ณีก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เหมือนมีคนมานอนเบียดข้างๆ แต่ความรู้สึกคือ เหมือนคนๆนั้นไม่ได้เบียดมาจากข้างในผ้าห่มที่นอนร่วมกัน แต่เบียดมาจากข้างนอกผ้าห่มเพราะผ้าห่มยิ่งแนบชิดตัวพี่ณี แต่พี่ณีก็พยายามคิดว่า คงเป็นพี่ปุ๊ที่รู้สึกร้อนมากซะจนเลิกห่มผ้าแล้วมานอนบนผ้าแทน แต่แล้วพี่ณีก็ต้องรู้สึกตกใจมาก!!!!!
อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณที่สุดนะคะ จริงๆช่างใจอยู่ว่าจะเล่าดีมั้ย คนคงไม่เชื่อและคิดว่าแต่งแน่ๆ แต่ไหนๆก็ไหนๆ ใครไม่เชื่อ ก็ถือว่ามานั่งอ่านเรื่องผีที่แต่งห่วยๆละกันนะ
เข้าเรื่องเลยละกัน
พี่ณีรู้สึกว่าอึดอัดมาก อากาศก็ร้อน แถมแฟนยังมานอนเบียดอีก พี่ณีจึงตัดสินใจที่จะผลักพี่ปุ๊ให้ขยับออกไป ทั้งๆที่หลับตาอยู่อย่างนั้น แต่พอสัมผัสกับร่างที่นอนอยู่ข้างตัว พี่ณีก็ถึงกับต้องรีบลืมตาขึ้นมาทันที เพราะร่างนั้นเย็นเฉียบ เย็นซะจน พี่ณีขนลุกและใจตกไปอยู่ที่ปลายเท้าทันที และรีบชักมือกลับ(พี่ณีเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้ จึงมีไฟสลัวๆอยู่บ้าง)
พอลืมตาอัตโนมัติ ภาพที่เห็นก็คือ ชายคนเดิมในผับ นอนนิ่งหน้ามองมาที่พี่ณี พี่ณีก็ไม่เข้าใจ ว่าเค้าตามมาได้ยังไง และตามมาทำไม และไม่รู้ว่า เค้าใช่คนเดียวกับคนที่มาเคาะประตูมั้ย แต่คาดว่ามีสิทธิสูง เพราะพี่ณีดันไปเปิดประตูในตอนแรก เค้าคงเข้ามาตอนนั้น (ข้อสันนิษฐานจากพี่ณี)
พี่ณี ตะลึงกับภาพที่เห็น จะแกล้งทำเป็นไม่เห็น มันก็ไม่ได้แล้ว เพราะสัมผัสร่างเค้า และลืมตาตะลึงงันไปแล้ว พี่ณีจึงตัดสินใจสวดมนต์ สวดแบบตะกุกตะกัก สวดทุกบทที่คิดขึ้นได้ แต่เค้าก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ไม่รู้เพราะเค้าฟังไม่เข้าใจรึเปล่า และพี่ณีก็ไม่ทราบวิธีไล่ผีฝรั่งจริงๆ ต้องใช้ไม้กางเขนหรือกระเทียมหรืออะไรรึเปล่า และถ้าบอกว่าจะตักบาตรไปให้ ผีศาสนาคริสต์ จะเข้าใจมั้ยและอยากรับรึเปล่า พี่ณีบอกว่าในหัวประมวลผลเร็วมาก คิดนั่นคิดนี่เยอะไปหมด เพื่อพยายามหาทางเอาตัวรอด แต่เค้าก็นิ่งอยู่แบบนั้น ไม่แลบลิ้น ไม่ขยับตัว เอาแต่นอนตะแคงสบตากัน หลับตา ลืมตา หลายรอบก็ไม่หายไปสักที
(บอกตามตรงนะ ตอนเราฟังพี่เค้าเล่า เราออกแนวขำมากกว่า ขำในความลนลานของพี่เค้า และตัวเราก็คิดภาพตัวเองที่เจอผีฝรั่งไม่ออกนะ ว่าจะเจรจากับเค้ายังไงดี เราไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อรอง บุญหรอ ตักบาตรหรอ ผีฝรั่งมันจะรู้จักมั้ยอะ แต่ถ้าเราอยู่สถานการณ์นั้น เราก็คงขำไม่ออกเหมือนกัน)
อะ ต่อๆๆ
พี่ณีบอกว่า สุดท้ายก็ตัดสินใจ พูดภาษาอังกฤษซะเลย ภาษาสากลสุดแล้ว ฝรั่งมันคงเข้าใจ
พี่ณี "go go I don't let you stay here!"
แต่ เค้าก็ยังนิ่ง
พี่ณี "what do you want??"เค้าก็นิ่ง
พี่ณีเลยถือคติว่า "มุงไม่ไป กุไปเอง"
พี่ณีจึงลุกจากเตียงแต่ตาก็มองเค้านะ เตรียมจะวิ่งไปห้องเรา (ดีนะไม่มาห้องเรา เพราะเราหลับลืมโลกทั้งพี่ทั้งน้อง) คือพี่ณีกะจะทิ้งแฟนเลย เพราะเอาแต่นอนไม่รู้เรื่อง แต่พอพี่ณีคิดอีกทีว่าถ้าออกไปแล้วเจอเพิ่มจะทำยังไง หรือถ้าเราไม่เปิดประตู จะทำยังไง
พี่ณีจึงตัดสินใจจะอยู่ในห้อง แต่อ้อมไปทางเตียงฝั่งแฟนแทน (พี่ณีนอนตำแหน่งเดียวกับเราค่ะ ถ้าอ่านกระทู้ก่อนหน้าคงนึกออก)
แต่พอพี่ณีกำลังเดิน เค้าก็หายไป อยู่ๆก็หายไปเลย พี่ณีจึงรีบเบียดแฟนให้ไปกลางเตียง และตัวเองนอนที่แฟนแทน พอมองรอบๆว่าไม่มีเค้าแน่ๆแล้ว จึงรีบเปิดไฟทั้งห้อง(แผงไฟอยู่ตั้งหน้าห้องน้ำ ใจกล้ามาก) และปลุกแฟน แต่คือพี่เค้าดื่มค่อนข้างเยอะและคงเพลีย พี่เค้าแค่บ่นงึมงำๆ และโผกอดพี่ณีและนอนไปเลย พี่ณีก็รู้สึกแบบ ไม่ช่วยกันเลยปลุกไม่ตื่นจึงสะบัดแขนแฟนออก และพี่ณีก็ไม่รู้จะทำยังไง จะบอกพวกเราก็คงหลอนกันตายและก็ไม่รู้เราจะตื่นมั้ย (รู้นิสัยกันดี) พี่ณีจึงต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการหาบทสวดเป็นภาษาอังกฤษมาสวด (วันทา มารีอา เวอชั่นอังกฤษ) พี่ณีบอกว่า สวดหลายครั้ง จนจำได้เลยด้วยซ้ำ สักพักก็รู้สึกล้า เหนื่อย จึงดึงแขนแฟนมาโอบตัวเองไว้เพื่อความอุ่นใจ ทั้งๆที่อากาศก็ร้อนเหลือเกิน และไม่นานพี่ณีก็หลับไป มาตื่นอีกทีก็ตอนพี่แป้นโทรหาตอนเช้า
แต่เช่นเคย พี่เค้าก็ไม่เล่าว่าตัวเองเจออะไรมา พึ่งมาบอกกันก็ตอนอยู่บนรถขากลับบ้าน(น่ารักที่สุด)
เช้าวันนั้น วนกลับมาที่มุมมองเรานะคะ
เรากับพี่แป้น ก็ตื่นกันเพราะนาฬิกาปลุก พี่แป้นก็โทรไปปลุกพี่ณี และนัดแนะกันว่าจะเจอกันที่ลอบบี้ รร เพื่อกินอาหารเช้ากี่โมง และเราจะต้องไปสวนน้ำกันซึ่งต้องเดินทางเกือบ 45 นาที จะออกกันกี่โมง พอคุยกันเสร็จ ต่างคนก็ต่างทำธุระ ไม่นานพี่ณีกับพี่ปุ๊ก็มา แต่เรานี่ซิ ยังไม่เสร็จธุระเลย จึงให้พี่แป้น ลงไปพร้อมพี่ณีและพี่ปุ๊ก่อน ส่วนตัวเราก็อยู่จัดการธุระตัวเอง และก็มาอีกแล้วค่ะ
"ปัง ปัง ปัง" เราจึง เดินไปเปิดประตู เพราะคิดว่าพี่แป้นคงลืมอะไร (บอกตรงๆ ตอนนั้นลืมเรื่องผีไปแล้ว) พอเปิด ไม่มีใคร ก็มองไปห้องข้างๆ กะว่าอาจจะเสียงสะท้อนจากห้องอื่น แต่ข้างห้องทั้ง 2 ไม่มีใครเลย
เราก็คิดเลยทันที ว่างานเข้าแล้ว แก้มยังไม่ปัด ปากยังไม่ทา อายไลเนอร์ยังไม่กรีด รีบออกจากห้องเลยค่ะ จริงๆออกไปก็กลัวเจอนะ แต่คิดว่า ตายดาบหน้าละกัน
ก็รีบวิ่งไปกดลิฟท์และมองรอบๆตัว โอเค ไม่มีใคร พอลิฟท์มา บอกตามตรง ตอนลิฟท์เปิด ระทึกมาก คิดในใจ ว่าอย่ามีอะไร อย่ามีใครนะ
พอเปิดมาก็ไม่มีค่ะ ก็โล่งอก พอเดินเข้าลิฟท์ก็ กดปิดๆๆๆๆ รัวๆค่ะ จังหวะนั้นคือถ้ามีใครตะโกนแทรกมาให้รอนี่ ก็เสียมารยาทแล้วค่ะ ยอมปิดลิฟท์ให้เค้าด่า
ตอนอยู่ในลิฟท์ เวลาแค่แป๊บเดียว แต่บอกตามตรง รู้สึกว่ามันนานมากก และภาวนาตลอดว่า อย่ามีใครกดระหว่างชั้นนะ และก็รอดมาด้วยดี
เราก็บอกพวกพี่ๆว่าเรากลัว ไม่กล้าอยู่คนเดียว สุดท้ายพอกินเสร็จเราก็ค่อยจัดการธุระ เช็คเอ้า และพร้อมจะไปสวนน้ำ
คืนที่ 2 เราจะไปนอนในเมืองกันค่ะ ไม่วกกลับมาป่าตองแล้ว
เรื่องของวันที่ 2 จริงๆ ไม่มีเหตุการณ์อะไรมากค่ะ และเราไม่กล้าลงรายละเอียดมาก เพราะหากบรรยายถึงสถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของ รร แล้ว อาจจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของ รร ได้ค่ะ และจริงๆแล้ว พี่ณีไม่ได้เจอใน รร โดยตรงแต่เจอบริเวณนอก รร ค่ะ แต่ก็คงส่งผลกระทบต่อ รร อยู่ดีเพราะมันมีคีย์เวิร์ดบางอย่างอยู่ เอาเป็นว่า รร ดีมาก สวย กว้าง เจ้าของนิสัยดีค่ะ
ขอเล่าสั้นๆแค่ว่า
เราเข้าพักกันที่ รร แห่งหนึ่งและตกลงกันว่าจะออกไปดื่มกันที่ร้านที่มีชื่อแห่งหนึ่ง แต่พอโทรไปที่ร้านร้านกลับมีคอนเสิร์ตของนักร้องตลกใส่แว่นคนหนึ่ง จึงทำให้เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายแต่ร้านที่เราไปก็สนุกดีค่ะ ระหว่างที่อยู่ในร้านพี่ณีดื่มน้อยสุดแกจึงอาสาเป็นคนขับ และพอเราขับรถใกล้จะถึงหน้า รร พี่ณีแกก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งนั่งบ้างยืนบ้างอยู่แถวๆริมถนนขอบทาง แกจึงตบไฟสูงใส่ แต่คนพวกนั้นดูไม่สนใจแกเลย ส่วนพวกเรา ก็งงกัน และถามพี่ณีว่า ตบไฟสูงทำไม ทั้งๆที่ตรงนั้นมันไม่มีอะไรเลย
เหมือนเดิมค่ะ พี่ณีเห็นในสิ่งที่พวกเราไม่เห็น แต่พี่ณีบอกว่า คนพวกนั้นเค้าคงอยู่แถวนั้นกันอยู่แล้ว พี่ณีคงบังเอิญไปเห็นเค้าเข้าเอง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พี่ณีมั่นใจว่าเค้าอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วมันปรากฎให้เห็นตอนเช้าค่ะ ขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะ
ปล.ขอโทษที่เล่าไม่ละเอียดนะคะ และไม่ใช่คิดพลอตไม่ออกนะ
ปล.คือตอนนี้ กระทู้เรามันกลายเป็นกระทู้คู่ขนานค่ะ จริงๆเราตั้งใจแยกเรื่องภูเก็ตมาไว้กระทู้นี้ แต่คนกระทู้เก่าก็ถามถึงในนั้นเพราะเราก็เล่าค้างไว้ ตอนนี้กลายเป็นว่าเราเล่าเรื่องเดียวกัน 2 ที่ค่ะ และตอนนี้เราจบเรื่องภูเก็ตแล้วค่ะ แต่ต่อเรื่องอื่นแทน เราเลยสับสนว่า จะเล่าในนี้ด้วยดีมั้ย หรือให้ทุกคนไปอ่านต่อในอีกกระทู้ดีคะ มึนไปหมดดด
เรื่องจากพันทิป ประสบการณ์สยอง ที่ภูเก็ต
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 1865431
Post a Comment