การรอคอยกลับมาเพื่อเจอกันอีกครั้ง
ยังคงเป็นเรื่องราวต่อจากซีรี่ย์ของสมาชิกพันทิป Rabbitizz "คุณเคยเชื่อเรื่องคนตายแล้วฟื้นไม๊คะ" ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นและเธอยังมีสัมผัสที่6อีกด้วย ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สวัสดีค่ะ เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงทุกๆประการ
หากแต่ว่าอยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านสักนิด
คอมเมนต์อย่างมีสติ อ่านเพื่อความสนุกสนานนะคะ
แต่ถ้าเกิดประเด็นข้อถกเถียงขึ้นมาจะขอพักกระทู้ทันทีนะคะ
เรื่องราวที่จะเล่านั้น อาจจะใช้เวลาสักนิดนะคะ
เพราะเราจะต้องคอยเรียบเรียงประโยคคำพูด ความคิด ความรู้สึก
มาเป็นคำอ่านให้ทุกๆคนเข้าใจ ซึ่งมันยากต่อเรามากๆ
ยังไงก็ตามต้องขออภภัยในความล่าช้าด้วยนะคะ
ย้อนกลับไปประมาณ 10กว่าปีก่อน วันนั้นเป็นวันเข้าพรรษา ซึ่งโดยปกติของครอบครัวเราเองแล้วจะไปวัดกันโดยประมาณ ให้ครบ 9 วัด
ซึ่งปีนั้นครอบครัวเราเลือกที่จะขึ้นเหนือไป และเป็นการล่องเหนือเพื่อไปทำบุญกันครั้งแรก ซึ่งการเดินทางไปเหนือครั้งนั้นทำให้พวกเราไม่ชินต่อการเดินทางที่จะไปเลย
ป๊าม๊าเราเลยได้ชวนเพื่อนของเขาเองที่ชำนาญทาง และ พอรู้จักวัดต่างๆ รวมถึงที่พักอาศัยอีกด้วย
โดยทางครอบครัวเราเริ่มจากวัดแรกที่จังหวัดลำพูน
และล่องขึ้นไปเชียงใหม่ จนครบ 9วัด วันที่เราไปถึงเชียงใหม่ จำได้ว่าเพื่อนของป๊าม๊านั้น บอกว่าจะพาไปไหว้ผู้ใหญ่ท่านนึง ที่พวกเขาเคารพนับถือ ซึ่งป๊าม๊าเราก็ไม่ได้อะไร ในเมื่อเขาพามา เขาอยากไปไหนก็ตามแต่สะดวกของเขาเลย
เมื่อเราไปถึงบ้านของผู้ใหญ่ที่เพื่อนป๊าม๊าบอกไว้
ความรู้สึกแรกของเราคือ บ้านใหญ่โตมาก สวยจัง สงบด้วย ลักษณะบ้านที่เราจำได้คร่าวๆคือ เดินเข้าไปประตูไม้
เปิดมาเป็นพระพุทธรูปยืนตระหง่าอยุ่หน้าทางเข้าบ้าน
สูงมากพอที่เราคิดว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนำมาประดิษฐานไว้ที่บ้านของคนทั่วๆไปได้ พอเดินเข้าไปเจอคุณลุงท่านนึง
ซึ่งท่านนี้ที่คือ เพื่อนป๊าม๊าที่เขาบอกว่า เขาเคารพนับถืออยู่นั้นเองค่ะ....
คุณลุงท่านนี้ดูใจดี พอเจอหน้าพวกเราครั้งแรกก็กล่าวทักทาย ยิ้มแย้ม อย่างดี ท่านบอกว่ามากันแล้วหรือ....เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร มารู้ทีหลังว่า คุณลุงรอเรา....
คุณลุงท่านนี้ก็ยิ้มให้เราอย่างเอ็นดูมากมาย แล้วก็เชิญขึ้นบ้านของเขาเอง..... เราจำไม่ได้ว่าที่บ้านคุยกับคุณลุงนานแค่ไหน แต่ใจเราเองจดจ่ออยู่กับห้องตรงข้ามที่คุณลุงนั่งอยู่ วินาทีนั้น เหมือนอะไรสักนึงที่ถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปให้ได้ จนคุณลุงเขาเห็นว่าเรากระสับกระส่าย ทั้งๆที่เราก็นิ่งนะ คุณลุงจึงบอกว่า อยากเข้าก็เข้าไปเถอะ รอคอยกันมานานเหลือเกิน... เราก็งง!?! ที่บ้านก็งง!?! คืออะไร??? ใครรอ??? แล้วรออะไร???
แต่ไม่ทันจะคิดอะไรมากมาย เราเองไม่รอช้าเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไป เจอห้องพระที่ใหญ่พอควร พระพุทธรูปแต่ละองค์แลดูเก่า และ มีความขลังอยู่มาก สักพักเราสะดุดตากับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง สายตาของพระพุทธรูปองค์นั้นสีหน้า ดูเศร้ามาก สักพักเราร้องไห้หนักมาก โดยที่ตอนนั้นเราเองไม่รู้ว่าทำไมจะต้องร้องไห้หนักมากมายขนาดนี้มาก่อน สักพักเราเริ่มอยากจะเข้าไปกอดพระพุทธรูปองค์นั้นแล้ว แต่ใจเรากล้าๆกลัวๆที่จะเข้าไป..... เราได้แต่พูดพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว ในเวลานั้นยังไม่ได้มีคนสนใจเราเพราะเราปิดประตูห้องไว้ เราเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย และแล้วเราก็พูดภาษาอะไร เราก็ไม่มั่นใจ...แต่สิ่งที่เราจำได้แม่นว่าเราพูดอะไรกับพระพุทธรูปองค์นั้นว่า.....ท่านหายไปไหน รู้หรือไม่ว่าเราตามหาท่านมานานแสนนาน เรารอคอยท่านมาตลอด ท่านหายไปไหน เคยทราบหรือไม่ว่าเราเป็นห่วงท่านมากแค่ไหน??? ตอนนั้นเราไม่สนใจแล้วนะคะว่าใครจะมองเรายังไง....จนพี่สาวเราเข้ามาเพราะได้ยินเราร้องไห้....แล้วถามเราว่าเป็นอะไร เราไม่ตอบ เรายังพูดกับพระพุทธรูปต่อไป...จนกระทั่งพี่สาวเรากลัว เพราะเราพูดภาษาอะไร คำพูด ศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งไม่ใช่ภาษาปัจจุบัน จนตอนนี้เราเองก็ไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้น ตัวเราพูดภาษาอะไรไป พยายามจะนึกแค่ไหนก็ไม่ออกสักที....
จนพี่สาวเราออกไปบอกป๊าม๊า....ป๊าม๊าเราก็ตกใจว่าลูกเขาเป็นอะไรไป....แต่คุณลุงเองกลับบอกว่า ปล่อยเขาไป เขาตามหากันมานานแล้ว....เขาคิดถึงกัน นานแล้วที่เขาทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน ปล่อยให้เขาเองได้มีเวลาพูดคุยกันเถอะ....ผ่านไปนานแค่ไหนเราก็ไม่ทราบ จนกระทั่งเรารู้ตัวอีกทีว่า ท่านบอกกับเราว่า ไม่ต้องตามหากันแล้วนะ ยังไงท่านจะคอยอยู่กับเราเสมอ....เรายิ้มได้อีกครั้งแต่ในใจเรากลับเศร้าตรงที่ว่า....เพิ่งพบเจอกันเพียงแค่ระยะเวลาแป๊ปเดียวกลับกลายเป็นเราต้องลาจากกันอีกแล้วหรอ???? แต่เราก็พยามฝืนยิ้มเพื่อจะทำให้ท่านไม่กังวล...เราเดินออกมาจากห้องพระ แล้วเข้าไปขอบคุณ คุณลุงกลับบอกว่า....ไม่เป็นไรหรอก แต่มีอีกเรื่องที่เรากับอีกท่านต้องเจอกัน....พอฟังคำๆนั้น เราตกใจมาก ประมาณว่า ยังมีอีกหรอ?? ใครอีกล่ะเนี่ย??? คือเมื่อสักครู่เราเองยังไม่ค่อยรู้ตัว ยัง งง และ สงสัยว่าเป็นอะไรอยู่เลย.... เราก็ทำได้แต่เงียบ คุณลุงถามว่า เหนื่อยไม๊??? เราตอบว่าเหนื่อยค่ะ โดยที่เราไม่รู้ว่าคุณลุงจะสื่อว่าอะไรหรอกนะ แต่ทำไมใจเราตอบไปแบบนั้นนะ??? แล้วเราก็บอกกับคุณลุงว่า เหนื่อยมาก เหมือนคนบ้าอยู่ทุกๆวัน ไม่รู้ว่าไอ้ที่เห็นทุกๆวันนี้คือเรื่องจริง หรือ หลอน ทำไมนะไปที่ไหนจึงต้องเห็นแต่วิญญาณ....คุณลุงก็ได้แต่ขำ เราก็มองหน้าคุณลุงอย่างนิ่งๆ แล้ว คุณลุงก็บอกเราว่า รอสักครู่นะ..... เดี๋ยวเอาออกมาให้ จะได้เจอกันแล้ว....เรานี่ยิ่ง งง อีก เอาอะไรออกมา ใครที่เราจะต้องเจอ ชีวิตเรานี่นับวันประหลาดๆ ขึ้นเยอะเนอะ.....เหมือนพูดคุยกับตัวเองไปงั้นๆเลย.....จนเรารอคุณลุงเดินเข้าไปอีกห้องๆนึง สักพักคุณลุงเขาก็ออกมากับ ชุดพระเครื่องชุดนึง ซึ่งตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นพระเครื่อง แต่ไม่ใช่ คุณลุงหยิบสร้อยชุดนั้นออกมา แล้วกำทั้งชุด หลับตาและอธิษฐาน (อันนี้คือมโนไปเองว่าอธิษฐานรึป่าวนะคะ) สักพักคุณลุงก็ลืมตาและบอกกับเราว่าองค์ประธานจะมาอยู่กับเรา พยามอย่าฝืนกับสิ่งที่เราเป็น จงยอมรับสิ่งต่างๆในตัวเราที่จะเข้ามา อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ท่านจะคอยคุ้มครองเรา และ ดูแลเรา หมั่นประกอบกรรมดีไว้ สร้างบุญไปพร้อมๆกับท่าน แล้วเราจะรู้เองว่าท่านคือใคร เพราะท่านถูกสร้างมาได้ร่วมหลาย....ปีอยู่ หากท่านจะมา ก็ปล่อยให้ท่านมา
เรารับองค์ท่านมาอย่าง งงๆ แล้วถามเรื่องการบูชาท่าน คุณลุงก็บอกว่า ดอกมะลิ กับ น้ำเปล่า และ สวดมนต์เป็นนิจ เราก็จะรู้เองว่า ท่านคือใคร
หลังจากนั้นครอบครัวเรา และ เพื่อนของป๊าม๊าก็ลากลับ จนผ่านไปมานานแค่ไหนเราเองก็ไม่ได้สนใจ จนวันนึงมานั่งนึกๆ ว่าคุณลุงคนนี้คือใคร บ้านอยู่ไหน เราเคยคุยอะไรกับเขานะ เราได้องค์นี้มาทำไม และรับมาทำไม สงสัยคงเป็นเรื่องที่เราเห็นมั้ง??? เพราะตั้งแต่รับมา เราถือว่าเห็นน้อยลง หรือ เรามโนเองก็ไม่แน่ใจ แต่เรารู้ว่า ทุกๆวันเราต้องนำท่านติดตัวไปไหนมาไหนตลอด หากวันไหนเราลืม หรือ ไม่ได้พกท่านติดตัว เราจะกระวนกระวายใจ หรือว่าวันนั้นจะต้องเจอเรื่องราวร้ายๆ
หลังจากผ่านมานานแค่ไหนแล้ว เราเองก็ไม่เคยมานั่งสนใจ แต่ก็จะมีท่านติดตัวไปตลอดทุกๆที่ เพื่อความอุ่นใจ จนกระทั่งวันนึง นั่งคุยๆกับเพื่อนๆเรื่องนี้ สักพักตัวเราเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย ใจมันร้อนรนแปลกอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อนมันแทบจะอธิบายไม่ได้เลย จนกระทั่งตัวเราเริ่มหนักอึ้ง หัวเริ่มปวด สมองแทบจะระเบิดออกจากหัวของเราให้ได้ เรานอนร้องไห้ที่ห้องเพื่อนแบบไม่รู้ว่าเกิดอะไร เพราะปกติเราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยก็ว่าได้ค่ะ จนตกเย็นอาการเราก็ไม่หายดี เพื่อนบอกว่าให้เราไปหาหมอไม๊ เดี๋ยวขับรถให้ เราบอกว่าไว้ก่อนแล้วกัน ขอดูอาการอีกแปปนะ สักพักเราหยิบองค์ท่านขึ้นมา เรากำองค์ที่เราพกติดตัวไปไหนมาไหนตลอดขึ้นมา เราอธิษฐานในใจว่า หากเรามีปัญหาอะไรก็ขอให้ท่านปัดเป่าออกนะคะ เราไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่แล้วเรากลับปวดหนักอึ้ง เหมือนมีหินมาทับที่หัวเรา เรากุมมือที่ขมับเราแน่นมาก สักพักเราตะโกนขึ้นมาว่า ไม่ไหวแล้ว ยอมแล้ว เพื่อนๆเราหันมามองหน้าเราว่าเป็นอะไร!!! ไม่ไหวอะไร แล้วยอมใคร แต่เวลานั้นเราไม่สนใจอะไรๆทั้งสิ้น เราเงียบ แล้วเราเริ่มคุมตัวเราเองไม่ได้ ตัวที่นอนกลับลุกขึ้นมานั่ง หน้านิ่ง แต่สายตาเราเย็นชา เสียงผู้หญิงกลับกลายเป็นผู้ชายแก่ แล้วชี้ไปหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของห้อง เพื่อนเรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรากลับไม่เคยเจอ และไม่เคยเป็น เราสับสนในตัวเองแต่กลับคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ แต่ทุกๆอย่างเรารู้สึกและรู้ตัวอยู่ตลอด เพื่อนเราลงไปนั่งนิ่งอยู่กับพื้น และแล้วเราก็บอกกับเพื่อนเราว่า เป็นไงก้อย(นามสมมุตินะคะ) ไม่เจอกันเสียนาน เพื่อนเรานิ่งสักพัก ก็เอ่ยชื่อท่าน ตัวเราเองก็บอกกลับไปว่า จำได้รึ แล้วยิ้มไปให้เพื่อนเรา แต่ความปวดเรายังคงมีอยู่แต่ก็ทุเลาลงบ้างแล้ว คุยๆกับเพื่อนอยู่พักใหญ่ๆ ท่านก็บอกว่า เราไม่ยอมให้ท่านลง จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่ยอม.... เพื่อนเราบอกว่า เราคงไม่รู้เรื่องหรอก เพราะเราเองก็เป็นพวกไม่สนใจอะไรในเรื่องการมีองค์ และเหมือนจะไม่เชื่อด้วยซ้ำ ท่านก็เลยบอกว่า ท่านรู้ แต่คนเรามักห้ามไม่ได้หรอก ในสิ่งที่ชะตากำหนด อะไรที่เราควรจะทำก็ไม่ทำ ควรจะมีก็ไม่ยอมรับ ท่านเลยต้องให้เรารู้สักที ที่ผ่านมาท่านช่วยเรามาเยอะ และปัจจุบัน เรารับรู้ และ เห็น แต่กลับไม่ยินยอมและเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็น คิดแต่ว่าตัวเราเองคิดไปเองอยู่ตลอด
ที่ผ่านมาขอประทานโทษอย่างสู๊งงงงงงงงง........สูง.....ที่หายไปนาน แลว่าคนรอยคงลืมกันไปบ้างแล้ว ประมาณนั้น
แต่วันนี้จะเร่งให้จบ ถึงแม้ว่าเรื่องราวระหว่างความสัมพันธ์เรากับท่านมีมากเหลือเกิน แต่เราจะค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆว่าท่านช่วยอะไรในเคสที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกเยอะเลยนะคะ
สักพักท่านก็ไป ตัวเราไม่สามารถประครองร่างกายตัวเราเองได้ ร่างเราหล่นลงไปเกือบนอนกับพื้น แต่โชคดีที่เพื่อนเราลุกขึ้นมารับไว้ทัน....หลังจากนั้นเรากลับบ้านไปสวดมนต์ สักพักเราหลับตา สวดมนต์ภาษาอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน และ ไม่เข้าใจ แต่เราเห็นองค์ท่านตลอดที่เราสวด และพอเราออกจากห้องพระ เรารีบเปิดโทรศัพท์ให้ไว หาข้อมูลจากองค์ที่เราติดตัวตลอด หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ไม่มีเลย...เราเครียดมากในหลายๆวัน อยู่ๆก็มีเสียงเข้ามาในหูเรา บอกว่าไม่ต้องหา แล้วเราจะรู้เอง เราถามเพื่อน เพื่อนเราบอกว่าเป็นใครสักคนที่เราจะรู้เอง คือตอนนั้นแบบ โกรธเพื่อนเลยนะ แต่มาเข้าใจหลังๆว่า ท่านบอกว่าไม่ต้องบอก เราจะรู้ด้วยความมานะเอง จนในที่สุดเรานั่งสมาธิ ระลึกถึงท่าน.... ท่านถามว่า เป็นไง ภายในจิตที่เรานั่ง เราได้พบเจอท่านอีกครั้ง เราก้มลงไปกราบท่าน มองท่านแบบนิ่งๆเงียบ แล้วน้ำตาเราไหลเพราะความปิติ เราพยักหน้าให้กับท่าน เรารู้แล้วว่าท่านคือใคร เป็นผู้ใด ท่านรอเรามาตลอด เพื่อให้เรากลับมาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราดีใจมาก จนถึงเวลาที่เราต้องกลับ เราลาท่าน แล้วท่านบอกว่า ท่านไม่เคยทิ้งเราไปไหน ท่านอยู่กับเราตลอดเวลา และจะอยู่แบบนี้ไปอีกนาน ให้มาร่วมสร้างบุญบารมีในตัวเราและตัวท่านด้วยกัน ผ่านไป 3ชม. เราออกมาจากห้องพระ เรารู้สึกสุขใจมาก และดีใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนั้น เราก็ใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ จากเด็กคนๆนึงที่ไม่คิดว่าจะรู้เรื่องราว รับรู้และเห็น แต่กลับมาเป็นเรื่องราวที่คาดไม่ถึง และก็เป็นการเปลี่ยนตัวเราเองไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ที่มีอะไรๆแปลกๆใหม่ๆมาตลอด คนที่ไม่เคยรู้จัก ก็กลายมาเป็นคนรู้จัก สนิท คุ้นเคย ไปจนถึงบุคคลที่มองไม่เห็นทุกๆวันนี้
เรื่องราวทั้งหมดเราขอยืนยันว่าเป็นจริงทุกๆประการ หากแต่นำมาเล่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ได้ยาวมากนะคะ เพราะเรื่องนี้บอกตามตรง มันนานมาก และเราก็พยามจะคิดตลอดว่าเรื่องเป็นมายังไงบ้าง อาจจะดูสั้น กว่าเรื่องเก่าๆ แต่เรื่องระหว่างเรากับท่านนั้น ไม่ได้จบอยู่แค่นี้ ปาฏิหารย์ ที่ไม่น่าเชื่อก็มีได้ เกิดขึ้นและประจักษ์ให้เห็นตลอด ในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ไว้จะรีบมาเล่าต่อนะคะ ขอบคุณทุกๆคนนะคะที่รอคอยกันไม่ห่างหายสัญญาว่าจะรีบกลับมาต่อให้ไวกว่าเดิมค่า
เรื่องจากพันทิป การรอคอยกลับมาเพื่อเจอกันอีกครั้ง
เรื่องโดย สมาชิกพันทิป Rabbitizz
Post a Comment