แต่ก่อน........
เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624 สาวสวยจากพัทลุง นักเล่าจากแดนทักษิณผู้มีสัมผัสสยอง มีเรื่องราวความสยองจากภาคใต้ มากมายโปรดติดตามผลงานและเรื่อง "แต่ก่อน........" ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว ฌ ที่นี้ด้วย
ตอนนี้เรื่องราวที่พ่อเฒ่าแกเล่าให้ฟัง
มีแต่เพียงความหลังกับของที่ครั้งแต่ก่อน
ข้าวของมันแพงจนสิ้นแรงคนคอน
วัฒนธรรมเสื่อมคลอนประเพณีมันเสื่อมหาย
ผู้คนทำบาปธรรมชาติหายไป
นาที่ทำก็ทิ้งหายเหลือแต่..รอยตีน! ควาย กับซากคันไถเหิ้ยนๆ
เชื้อสายของชั้น เป็นคนลุ่มน้ำปากพนัง เมื่อมีการแยกสายแบ่งสมบัติ เชื้อสายของชั้น ต้องแยกมาปักหลัก เป็นชาวสทิงพระ
ตอนเด็กๆ ชั้นมักจะมีโอกาส ตามพ่อกลับไปไหว้กระดูกต้นตระกูลที่ปากพนัง เมืองนครศรีธรรมาโศกราช
เก้าอี้ไม้ตัวเก่าที่พ่อเฒ่าเฝ้าคอย คอยใครที่จากไป
ลับหายไกลตาเวลาแก่ลง ลูกหลานคงจากจร
ไกลไปไขว่คว้า สร้างฐานะครอบครัว
หมาน้อยตัวเก่า กับหลานเจ้าเกิดมา
ทิ้งให้ยายเลี้ยงดู สองเฒ่าสองแก่ร่อแร่ชรา
นานนานพ่อกลับมา หาเจ้าลูกน้อย เกินใจผูกสายใย
จำเป็นต้องบีบบังคับ ตัวเองจากถิ่นฐาน
ทำงานจุนเจือทางบ้าน เมื่อลูกนั้นเติบโต
ฉันคือหลาน ที่ทั้งบ้านเอ็นดู เพราะชั้นเป็นเด็กเงียบๆ
เป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆเสมอ ในสายตาญาติๆทุกคน
พ่อเฒ่ามักลูบหัวชั้นทุกครั้งที่กลับไป
"เหลนสาวคนนี้ตัวมันเหมือนเด็กเสมอเลย ไม่ค่อยกินข้าวหรือ"
หลังบ้านของทวด ไกลออกไปประมาณ200เมตร เป็นส่วนของป่าชายเลน ฉันเคยนั่งเรือออกไปกับพ่อเมื่อตอนเล็กๆ
มันเป็นป่าชายเลนที่กว้างใหญ่ แลไกลสุดลูกหูลูกตา
พ่อเคยชี้ให้ดูแนวยอดไม้ที่เห็นไกลๆลิบๆ ว่านั่นคือแหลมตะลุมพุก ปู่เคยใช้ชีวิตที่นี่ ย่าเป็นคนแหลมตะลุมพุก
วันนี้ วันที่ชั้นทำงานแล้ว ชั้นมีรถขับ ชั้นรู้สึกโหยหาญาติพี่น้อง อาจจะเพราะสายเลือดคนนครที่ไหลเวียนมันเพรียกหา
ชั้นเดินทางไปปากพนังเพียงลำพัง มันไม่ยากหรอกที่จะไป
อาจจะเพราะชั้นรู้สึก เบื่อหน่ายความวุ่นวายของถนนหนทางในหาดใหญ่ ที่ไฟแดงทุกๆ100เมตร
เส้นทางจากสทิงพระไปปากพนัง มันช่างโล่งและดูอิสระสิ้นดี
ชั้นเปิดเพลงPsychosocial ของ วง slipknot ลั่นรถตลอดการเดินทาง ฉันเหยียบและโยกหัวตามเพลงอย่างบ้าคลั่ง มันจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ชอบฟังเพลงแนว นูเมทัล และ เฮฟวี่เมทัล แบบชั้น เสียงโซโล่กีตาร์ มันนำพาอารมณ์ให้ชั้นยิ่งเหยียบคันเร่งให้หนัก เครื่องยนต์กระหึ่ม ฮึ่มมมมมๆๆๆๆๆๆ จนจบการเดินทางที่บ้านพ่อเฒ่า
ทุกครั้งที่ชั้นโผล่ไป จะเหมือนเป็นการเรียกญาติให้มาชุมนุมโดยไม่ต้องบอก เพราะญาติๆจะส่งเสียงบอกต่อๆกันไป
"เอิ้ววววๆๆ อีตัวเอียดมาเด้"
ญาติๆก็จะพากันมานั่งที่บ้านพ่อเฒ่า มากอด มาลูบหัว
พวกญาติที่เป็นเด็กตัวน้อยๆ ก็จะพากันไปยืนลูบรถเล่น
ดูพวกเค้าตื่นเต้นทุกครั้งที่ชั้นโผล่หัวไป
ว่าการมาพักที่บ้านหลังนั้นสักสองคืน ชั้นไม่ต่างอะไรกับราชินีของบ้าน มีอะไรดีๆก็จะได้รับการขนมาให้กินอย่างไม่เคยขาด แน่นอนว่า ชั้นเองก็มีข้าวของจากในเมืองมาฝากพวกเค้ามากมายเช่นกัน มันคือน้ำใจสู่ญาติพี่น้องผู้ที่นานๆครั้งจะได้ไปเหยียบเมือง
เช้าวันรุ่ง ชั้นใช้เวลากับบรรดาญาติๆในการนั่งทำปลาที่หามา ชั้นชอบที่จะช่วยตัดหัวปลา หรือตากปลาอย่างสนุกไปกับมัน
เพราะมันเป็นสิ่งที่ชั้นไม่ค่อยจะได้ทำ
ชั้นสนุก กับวิถีชาวประมงที่บ้านพ่อเฒ่า
เพราะอยู่ที่บ้าน พ่อไม่เคยให้ชั้นแตะงานอะไรแบบนี้เลย
พ่อบอกว่า เดี๋ยวกลิ่นปลามันติดมือ ดูไม่เหมาะกับผู้หญิง
ชั้นทอดปลาแดดเดียว เอาไข่ปลามาทอด นึ่งปูดำก้ามโตๆกิน ปูม้าสดๆจนแทบจะแหกกระดองกินได้เดี๋ยวนั้น แต่พอดีชั้นไม่ใช่ปอบ เลยไม่ได้ทำ
ตกเย็น ชั้นเดินไปทางป่าชายเลนหลังบ้าน
ใช่...
ยังมีอีกคน ที่ชั้นยังไม่ได้ไปพบ
ครั้งสุดท้ายที่ได้พบ ก็ ครึ่งปีมาแล้ว
"น้าเอี่ยมศรี"
แกไม่ใช่ญาติชั้นหรอก แต่ชั้นมาบ้านทวดทุกครั้ง จนเคยเดินเล่นคนเดียว หลงไปติดหล่มในป่าชายเลนคนเดียวที่หลังบ้านไกลออกไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตอนนั้นชั้นร้องขอความช่วยเหลือจนเสียงไห้ เพราะชั้นตัวเล็ก และดินโคลนตรงนั้นยิ่งดิ้น ก็เหมือนยิ่งดูด จนตัวชั้นจมลงไปจนถึงท้อง ชั้นคว้าหน่อ หน่อหนึ่งของไม้โกงกางไว้ได้
แต่หน่อ หน่อนั้น ก็เหมือนจะพึ่งงอกขึ้นมา ชั้นจึงไม่กล้าออกแรงดึง ได้แต่เกาะยึดไว้ พร้อมๆกับการร้องไห้
"ฮือๆๆๆ พ่อจ๋า แม่ ใครก็ได้ ช่วยหนูด้วย"
เงียบ....ชั้นเดินออกมาไกลเกินกว่าเสียงนั้นจะดังไปได้ยิน
ชั้นไม่กล้าดิ้นสู้โคลนอีกแล้ว ได้แต่เกาะหน่อโกงกางไว้
รอน้ำทะเลขึ้นมาท่วมแล้วก็จะได้จมน้ำตายอยู่ตรงนั้น
ชั้นร้องไห้ ชั้นเสียขวัญ ชั้นหมดความหวัง
โพล้เพล้...ที่เงียบสงบ
เสียงสวรรค์ ดังใกล้เข้ามาจากด้านที่เป็นทะเล ชั้นตะโกนสุดเสียง ช่วยหนูด้วย ช่วยด้วยค่า
ร่างท้วมๆของใครคนนึง ถือถุงใส่ปู เดินโผล่เหลี่ยมต้นโกงกางมา เธอเป็นผู้หญิงที่ดูมีอายุนิดๆ ผมยาวรุงรัง 2แขนของเธอดูทรงพลังด้วยความใหญ่ของต้นแขน
พอเธอเห็นชั้น ที่กำลังจมโคลนอยู่ครึ่งตัว เธอก็มีสีหน้าตกใจ
รีบวางถุงใส่ปู แล้วลุยโคลนมาลากชั้นขึ้นจากมือมัจจุราชได้สำเร็จ
เธอพาชั้นมาส่งบ้าน ชั้นร้องไห้ โคลนติดเต็มครึ่งตัว
น้าเอี่ยมศรี นั่นคือชื่อของเธอ
เธอตัวคนเดียว มีบ้านหลังเล็กๆปลูกอยู่ในป่าชายเลนไกลออกไปอีกด้าน ไม่มีใครรู้หรอก ว่าเธอมาจากไหน เพราะที่ตรงนั้น เป็นที่หลวง ไม่มีใครจับจอง
ชั้นสำนึกในบุญคุณของเธอเสมอ ทุกครั้งที่ชั้นมา ชั้นจะต้องไปหาเธอ เอาของฝากไปให้ หนนี้ก็เช่นกัน
ชั้นเดินถือเสื้อผ้าและของกินที่เตรียมมาฝาก
เดินลัดเลาะป่าชายเลน ตรงไปที่บ้านของเธอเช่นทุกครั้ง
กระท่อมหลังน้อยที่เป็นบ้านของเธอหลังนั้น
มันปิดสนิท ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ชั้นไม่กล้าเปิดเข้าไป
เลยเอาของฝากแขวนไว้ที่หน้ากระท่อม
พอกำลังจะเดินกลับ บรรยากาศกำลังโพล้เพล้
i see you . ใช่ฉันเห็น ร่างท้วมๆที่คุ้นเคย กำลังเดินอยู่ในป่าชายเลน แต่ร่างนั้นหันหลังให้ ชั้นตะโกนออกไป
"น้าเอี่ยมศรีคะ น้าเอี่ยม"
เธอหันมายิ้มให้ ชั้นยิ้มตอบ แต่เธอเดินออกไปไกลเรื่อยๆ
ชั้นเดินตาม ฝ่าโคลนและดินเลนตามไป
ชั้นอยากเข้าไปใกล้ๆน้าเอี่ยมศรีเช่นทุกครั้งที่เคยทำ
แต่เหมือนน้าเอี่ยมจะเดินออกไปเรื่อยๆ จนถึงเขตขอบชายฝั่ง ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของดินป่าชายเล แล้วนั่นก็จะเป็นทะเลลึก
มันก็เป็นเรื่องปกติที่น้าเอี่ยมศรีจะออกมาจับปู จับปลาแถวๆนี้
เหมือนน้าเอี่ยมศรีจะเดินหนีไปเรื่อยๆ จนถึงจุดทะเลลึก
ชั้นพยายามบอกให้เธอหยุดรอ
น้ำครึ่งเอวแล้ว ชั้นยังลุยต่อ
แต่...เสียงหนึ่งดังลั่นมาจากด้านหลัง
"อีเอี่ยม มืงจะเอาใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เหลนกู อิสัตว์-หมา"
ร่างน้าเอี่ยม ในเวลาพลบค่ำ ผลุบหายลงไปในน้ำตรงจุดนั้น ทันทีที่มีเสียงตวาดมาจากด้านหลัง
ชั้นตกใจ หันควับไปมองที่มาของเสียงด้านหลัง
แต่....ว่างเปล่า ชั้นหมุนมองไปรอบทิศ
ไม่มี ไม่มีอะไรเลย นอกจากชั้นที่เดินแหวกน้ำมาจนถึงตรงนี้ คนเดียว ยามตะวันใกล้ตกดิน ลมทะเลพัดแผ่วเบา ชวนให้หนาวจับใจ ชั้นยืนร้องไห้คนเดียว เหมือนตอนเด็กๆ
"ฮืออออออออออออ ฮือออออออออออออออ"
ชั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียง อย่างบ้าคลั่ง
"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาางงงงง"
พักเดียว เสียงคนโหวกเหวก ลุยน้ำมา เสียงโล้งเล้งจากด้านป่าโกงกาง ญาติๆของชั้นนั่นเอง
"กลับมาอีน้อง กลับมา อย่าออกไป"
ชั้นไม่ขยับ ได้แต่มองทะเลแล้วร้องไห้เหมือนคนบ้า ตรงนั้น
ชั้นถูกญาติลากกลับเข้าฝั่ง
พิธีรับขวัญถูกจัดขึ้นโดยพ่อเฒ่า
ชั้นเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟัง
น้าเอี่ยมศรี ผู้เดินผลุบหายไปในทะเล กับเสียงตวาดของใครบางคน ที่ด่าน้าเอี่ยมศรี+++++ ป้าเป็นคนพูดออกมา
"อิเอี่ยมศรี มันตายไปได้3-4เดือนแล้วอิน้อง มีคนไปเจอมันนอนตายเป็นศพตรงโกงกางต้นสุดท้ายตรงนั้นล่ะ
มันโดนบีบคอจนตาย
นอนเปลือยท่อนล่างอยู่กับรากโกงกาง
ตอนเจอศพ ตำรวจลุยโคลนไปตรวจสอบ ดินโคลนแถวนั้นเละไปเป็นทางยาว มันคงถูกใครสักคนมาเจอเดินหาปูปลาอยู่คนเดียว ไอ่นั่นอาจจะกำลังอารมณ์เปลี่ยว เลยข่มขืนทั้งๆที่อยู่ในน้ำในโคลนแล้วฆ่ามันทิ้ง ตอนนี้ก็ยังจับคนทำไม่ได้เลย"
"พอมันตาย วิญญาณมันก็ออกมาหลอกล่อให้คนตาม เคยมีผู้ชายเดินผ่าน เห็นว่ามีผู้หญิงยืนแก้ผ้าโบกมือเรียกอยู่หยอยๆ
พอเข้าไปใกล้ เห็นว่าเป็นอีเอี่ยม ก็วิ่งกันน้ำบานออกมา"
"คนเฒ่าเขาบอกว่า อีเอี่ยมศรี คงพยายามจะมาเอาคนไปอยู่แทนมัน แต่ไม่มีใครหลงตามมันไปสักคน เพราะเขารู้ทั้งนั้นว่ามันตายไปแล้ว"
หวยก็เลยมาออกที่ชั้น น้าเอี่ยมศรีคงจะทรมานอยู่ตรงนั้นมานาน พ่อเฒ่าบอกว่า หลับอยู่ แม่เฒ่ามาเข้าฝันบอกว่า ไปช่วยเหลนมืงด้วย อยู่สุดป่าหลังบ้าน กำลังจะจมน้ำตาย
พ่อเฒ่าก็รีบบอกญาติทุกคน เลยรุดเร่งไปจนเจอเรายืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ฉันซึ้งใจจนร้องอีกครั้ง เสียงนั้นไม่ใช่ใครหรอก แม่เฒ่าที่เสียไปแล้วแน่ๆ ชั้นหันไปมองรูปถ่ายแม่เฒ่า ชั้นยกมือไหว้ท่วมหัว
ขอบคุณนะคะแม่เฒ่า ที่ช่วยหนู ขอบคุณนะน้าเอี่ยมศรี ที่เคยช่วยหนู และก็เกือบจะฆ่าหนู น้าคงทรมานอยู่ตรงนั้นมานาน
ญาติพี่น้องก็ไม่มี แต่หนูสัญญานะว่า หนูจะทำบุญให้น้าบ่อยๆ
จนกว่าน้าจะได้ไปจากตรงนั้น หรือมีใครไปอยู่แทน....
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624
Post a Comment