สาปนาง


     เรื่องสั้นสุดสยองจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 4743149 หรือในนาม เสียงนกแสก ที่ขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย และอย่าลืมติดตามผลงานของเขากันต่อไป


เสียงสาปส่ง โยงเวรโยงกรรม คำสาปนั้น จงสถิตย์ชั่วกัลปาวสาน

  ลมโชยผ้าม่าน อากาศวันนี้เป็นสัญญาณว่าหน้าหนาวมาเยือน รินจง ครูสาวที่พึ่งบรรจุมาสอนที่โรงเรียนในชนบทแห่งนี้ คนในหมู่บ้านต่างต้อนรับครูใหม่อย่างอบอุ่น การห่างบ้านห่างครอบครัวทำให้ช่วงแรกเธอเหงาอยู่บ้าง
แต่ก็ยังดีที่ ที่นี่ไม่ได้กันดาร ยังมีคลื่นโทรศัพท์ ยังพอโทรหากันได้ โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนไม่มากนัก ครูก็ไม่เยอะและเป็นมิตรกับเธอมาก ชีวิตที่นี่ดำเนินไปอย่างดี ในโรงเรียนแห่งนี้มีครูสอนพละหนุ่มที่มาบรรจุก่อนเธอไม่นานนามว่า นำชัย ครูชัยเป็นหนุ่มหล่อพอสมควร
เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี และครูทุกคนในโรงเรียนนี้ก็พยายามเป็นแม่สื่อให้ทั้ง
สองอยู่เนืองๆ แต่ทั้งรินจงและนำชัยก็ยังไม่ได้คิดจะคบหาดูใจสักทีเพราะรินจงคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะมีความรักกับคนที่รู้จักกันไม่นาน
 
      หมู่บ้านมีเรื่องฮือฮากันใหญ่เมื่อมีคนขึ้นเขาไปพบกู่โบราณสร้างจากหินทรายแบบขอมโบราณ พร้อมกับอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยซากหักพังของปราสาทเก่า ทางหมู่บ้านเตรียมทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีโฮมสเตย์ เยี่ยมชมกู่โบราณ และให้ทางกรมศิลปากรเข้ามาตรวจซากปราสาทแห่งนี้
การตราจสอบผ่านไปได้ด้วยดี พบโบราณวัตถุหลายอย่าง และทำการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม และมีกำหนดเปิดให้คนชมอีกไม่นาน หมู่บ้านให้ทางโรงเรียน
พาเด็กเข้ามาชม โดยมีครูรินและครูปลา หรือ ปราณี นำเด็กเข้าชม ที่นี่ทางกรมได้แบบเป็นส่วนๆ ทั้งส่วนกู่และส่วนของปราสาท รินจงทำหน้าที่ของตนเองและบางอย่างก็ทำหน้าที่ของตนเองเช่นกัน................

คำสาปที่ตามติด กี่ภพชาติก็ยังตอกตรึง

   การทัศนศึกษาครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี รินจงและปราณีพาเด็กเที่ยงอย่างสนุกสนาน จงถึงเวลากลับ
ตะวันคล้อยบ่าย รถที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้มารับเด็กๆ โดยครูปราณีเป็นผู้คุมเด็กขึ้นรถ ส่วนครูรินจง
เอารถส่วนตัวมาเพราะเมื่อเช้าเธอเข้าไปที่เขตในเมืองจึงต้องมาเอง ครูปราณีกับเด็กๆออกจากกู่ขึ้นรถและกลับโรงเรียน
ส่วนรินจงเธอเห็นดอกไม้ที่หน้าทางเข้ากู่จึงขออนุญาตเจ้าหน้าที่จะเก็บไปใส่แจกันที่บ้าน

   ฟ้าสีสดใสตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ ลมพัดโชยเย็นสบาย ทำให้ปลายผมของผู้เก้บดอกไม้ปลิวตามแรงลม
เจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บของในสำนักงาน รินจงเองก็เก็บดอกไม้เพียงพอแล้ว ดอกดาวกระจายสีชมพูและสีเหลือง
เติมกำมือของครูสาว สายลมที่เย็นสบายกลับเย็นวาบขึ้นมาทันใดจนคนที่โดยลมต้องกายต้องหันหลังหลับไปมอง
กู่เก่าที่จัดสวนสวยก็ยังมีแต่สิ่งที่จัดให้เห็น ไร้สิ่งไหวติงมีแค่ใบไม้ที่ปลิวตามลมเท่านั้น รินจงนำดอกไม้ขึ้นรถและขับออกไป
ขับออกไปพร้อมกับสายตาของใครคนนึงที่มองดูรถนั้นจนสุดทาง

  "ควันอะไรล่ะนิ เต็มห้องไปหมด" ภาพที่รินจงเห็นเป็นควันหรือหมอกอะไรสักอย่างเต็มห้องของเธอ
  " ฮือ..................... ข้าของสาปแช่งเจ้าตราบนิรันดร์อย่าได้หลุดพ้น" เสียงนั้นดังจนผู้ได้ยินแก้วหูแทบแตก
  "เจ้า เจ้า เจ้า !!!!!!!!!!!!!!!!!!!! "
  รินจงสะดุ้งตื่นจนตกเตียง เหงื่อเปียกเต็มตัว ฝันที่ได้ยินแต่เสียง กับหมอก ทำให้เธอฉงนยิ่งนัก

    รุ่งเช้าทางเขตได้ส่งครูมาเพิ่มอีกหนึ่งคน เธอชื่อว่า อัปสร รูปร่างหน้าตาดั่งปั้นมา สวยปานรูปสลักที่กู่เมื่อวาน
แววตานั้นดำลึกเย็นแปลกๆ ตามที่รินรู้สึก น้ำเสียงนุ่มหวานน่าหลงใหลขนาดผู้หญิงด้วยกันยังหลงกับรูปลักษณ์นี้
เธอสอนวิชาสังคมศึกษา คนแรกที่เธอมาตีสนิทคือ รินจงนี่เอง ครูสร เป็นมิตรมากเมื่อได้รู้จัก คุยสนุกและยิ้มเก่ง
รินจงและอัปสรจึงสนิทกันในเวลาไม่นานนัก ครูทุกคนก็เช่นกัน แต่ครูอัปสรกลับไ่ม่ค่อยสนิทกับครูนำชัย ไม่ค่อยมองหน้าหรือแม้แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่พูดด้วยซึ่งรินจงและปรานี ก็สังเกตเห็นแต่ก็คิดว่าอัปสรคงไม่ชอบคุยกับผู้ชายละมั้ง

      "ใหมคำ ใหมคำ ข้าเจอเจ้าแล้ว จำข้าได้หรือไม่ " เสียงนั้นเกิดในภวังค์ของรินจงอีกครั้ง
      "ใหม.............คำ............ใหมคำ!!!!"
      รินจงสะดุ้งตื่น พร้อมกับคำถาม ' ใหมคำ คือใคร'

ตามติด ติดตาม บาปกรรมนำทาง เวรกรรมจนเจอ

  " เจ้านางเจ้าข้า พระเทวีทรงอยากพบเจ้านางเจ้าข้า "

    ในภวังค์ของรินจงภาพนั้นจัดยิ่งกว่าดูจอ4K เสียอีก แต่ไม่ว่าเธอจะเรียกถามใครก็ไม่มีใครตอบเธอ
   
    นางผู้มีตำแหน่งต่ำผู้กับนางผู้มียศสูงกว่าดูภาษาที่แบบชนชั้นวรรณะ แต่น้ำเสียนั้นชั่งดูแข็งดังหินไม่มีความนอบน้อมแม้แต่นิด

    "ครูอัปสร !!!" รินจงอุทานอย่างตกใจเมื่อได้เห็นหน้านางกำนัลผู้นั้น
 
      "เจ้าไปบอกนายก็เจ้าว่าข้าจะรีบไป
ขอข้าแต่งตัวเพลาเดียว"
นางผู้อยู่หลังม่านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ผ้าม่านต้องลมเปิดออกเผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามแต่ห้องนี้มืดเกินไปที่จะทำให้เห็นใบหน้าได้ชัดนัก แต่แสงที่พาดผ่านเข้ามาเห็นตาคู่งาม แววตาที่ดำลึกดุจห้วงน้ำนั้น มันคุ้นว่าเคยเห็นที่ไหน

      "เจ้ามาแล้วรึ เพ็งจันทร์ ขอมีเรื่องขอ
ให้เจ้าช่วย "
 
      รินจงตกใจสุดขีด ภาพที่เห็นคือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอยืนนั่งอยู่ต่อหน้าตัวเธอเอง ตัวเธอกำลังพูดกับตัวเธอเอง แต่ตัวเธอที่อยู่ต่อหน้า อยู่ในชุดโบราณ เหมือนภาพสลักที่กู่เก่า ศีรษะสวมกระบังหน้าทองคำ ประดับทับทิมสีแดงสด
ผ้าคาดอกสีเหลืองอ่อนๆ ผ้านุ่งสีแดงลายนกยูง สวยงาม สวยสังวาลย์ ทับทรวง เข็มขัดกำไลล้วนเป็นทองคำ
สายตาน่ากลัวยิ่งนัก

        "พระเทวีหลวงมีประการใดให้เจ้านางเล็กๆอย่างหม่อมชั้น รับใช้เพคะ"

    เสียงออกมาจากตัวเธอโดยที่ไม่ได้พูด

    " ได้ยินว่าเจ้ามีสร้อยไพลินสีน้ำเงินอยู่เส้นหนึ่ง ข้าจักขอยืมมาใส่ในวันรับแขกบ้านแขกเมืองได้หรือไม่"
 
    "แต่สร้อยนั้นเป็นสร้อยที่เจ้าพ่อพระราชทานให้เจ้า....."
   แต่ยังพูดไม่เจออีกด้านก็แซกทันที
 
   "น้อยพี่พี่แค่ขอยืม พี่รู้ว่าเจ้าพ่อพระราชทานให้สนมเพ็งแม่ของเจ้า แต่พี่แค่ขอยืม ได้หรือไม่"

   "เออ......ได้เพคะ"

เสียงนาฬิกาปลุกทำให้รินจงตื่นจากภวังค์
    "ฝันบ้าอะไรวะเป็นเรื่องเป็นราว ไปเที่ยวแล้วก็เอามาฝัน แน่ๆ" รินจงบ่นๆกับตัวเอง แล้วลุกจากที่นอน เพื่อทำธุระส่วนตัว
   
 
     "ครูรินคะ" เสียงเรียกของอัปสรทำให้รินจงสะดุ้ง

     "ใจลอยหาใครคะครูริน สรเรียกตั้งนาน "

     "ปะปะเปล่าค่ะ  แค่ติดอะไรเพลินไปหน่อย ครูสรมีไรคะ "

    "ครูปลาให้มาเรียกไปทานข้าวเที่ยงค่ะ"  อัปสรพูดพร้อมรอยยิ้ม
    "จะรีบไปค่ะ "  รินจงพูดพร้อมลุกขึ้นจะโต๊ะ  แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเธอมองเห็นดวงตาของอัปสร มันเหมือนตาของผู้ในผ้าม่าน แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อหน้าตาของนางกำนัลนั้นเป็นหน้าครูอัปสรชัดๆ คิดแล้วก็งง

อดีตที่ตามติด คำสาปที่ติดตาม รอวันหลุดพ้น

  อากาศวันนี้ดูอับพิกล รินจงนั้งตรวจงานที่ห้องนอน ใจก็คิดแต่เรื่องความฝันที่วกวน
หญิงผู้นั้น ผู้ที่เธอไม่เห็นหน้าเป็นใคร อีกทั้ง ตัวเธอเองก็ยังอยู่ในความฝันนั้น เสียงที่เรียกชื่อ ใหมคำ ชื่อใครกัน
หรือจะเป็นชื่อเธอในอดีต พระเทวีหลวง ชื่อ ใหมคำหรือ  แล้วเจ้านางเพ็งจันทร์ หน้าตาเป็นเช่นไร รินจงเองก็อยากจะเห็นหน้าเหลือเกิน

            "เจ้านาง ข้าคิดว่า รอให้พระเทวีนำสร้อยมาคือเองดีกว่านะเจ้าข้า ข้าน้อยกลัวเจ้านางเป็นอันตราย"

    รินจงมองภาพต่อหน้าอย่างสนใจ แต่ภาพนั้นเป็นเหมือนเดินตามหลัง หญิงสองคนนั้น 'เจ้านางเพ็งจันทร์แน่ๆ' รินจงคิด

             "ข้าจักไปเอาสร้องของข้าคือ เจ้ารออยู่หน้าคุ้นนี่ล่ะ"

     เหมือนหมอกบังตา แต่ไม่นานก็เผยให้เห็น สิ่งที่อยู่ต่อหน้า ภาพที่เหมือนรินจงเป็นเพ็งจันทร์เห็นจากตาเพ็งจันทร์ คุ้นหลวงตอนนี้เงียบสงัด
ไร้นางสนมกำนัล มีเพียงแสงเทียนที่ส่องให้เห็นทาง ภาพที่อยู่ตอนหน้าบนพระแท่นที่เคยเป็นที่บรรทมของเจ้าหลวง ที่ทรงออกล่าสัตว์ตอนนี้
กลับมีร่ายชายหญิงนอนโอบกอดกัน

           " ท่านแม่ทัพ!!! พระเทวี!!!" เสียงของเพ็งจันทร์ที่ รินจงได้ยินนั้นเป็นเสียงของคนที่ตกใจสุดขีด
           " เพ็งจันทร์ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร! " หญิงที่หน้าตาเหมือนรินจงร้องตวาด ใส่เพ็งจันทร์
        ชายที่อยู่ต่อหน้านั้นหันมา หน้าตานั้นมันคือ ครูนำชัย!!
          "ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังจะสยุมพรกับข้าแล้วนี่เหตุใดกัน พระเทวีกับท่านมันชั่วช้า สิ้นดี"
      หลังจากนั้น รินจงรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าและรู้ว่าถูกตบแน่นอน
        " กล้าดีอย่างไร มาด่าข้า นังลูกสนมที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่เพราะเจ้าพ่อรักเจ้า ไอ้เจ้าหลวงหน้าโง่นั้นก็เอ็นดูเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าตายไปนานแล้ว"
         " พระองค์ทรยศเจ้าหลวง นางแพศยากาลี เจ้าอีกคนสัตว์ตัวผู้ชัดๆ เจ้ามีวันนี้ได้เพราะข้า เจ้ามันแค่ทหารปลายแถว
  เพราะข้า เพราะความรักของข้า เจ้าจึงได้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพ จนจะได้เป็นเขยหลวง ไม่พออีกหรือ สารเลว ข้าจะกราบทูลเจ้าหลวงเรื่องนี้ "
       จากนั้นรินจงก้ได้ยินเสียง ตุ๊บ!!! ภาพก็ดับไป
 
       ภาพที่เห็นจากนั้น คือ ภาพชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ ข้างทางมีขบวงเสลี่ยงของเจ้านาง ผ่านไปดูทั้งสองจะชอบพอกัน   เหมือนหมอกมาบังตา
แต่ก็เผยให้เห็น ชายหญิงนั่งกอดกันที่ต้นไม้
                    "ข้าจะให้เจ้าหลวงทรงยกเจ้าให้ข้าให้ได้ เพ็งจันทร์ข้ารักเจ้ามากนะ"
                   "หากท่านได้เป็นแม่ทัพมีความชอบ ก็อาจเป็นไปได้ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ข้าเป็นเจ้านางเล็กๆ ก็คงจะไม่มีปัญหาที่จะ
ไปเป็นเมียผู้มีความชอบ การรบครั้งนี้ท่านต้องชนะให้ได้นะท่านนายกอง"
                    หมอกบังตาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ รินจงตื่นขึ้นจากการหลับด้วยน้ำตา ดุจเธอคือ เพ็งจันทร์ที่ถูก   ทรยศ

และเธอรู้สึกว่าเธอจะต้องพาทุกคนกลับไปที่ กู่เก่านั้น ไม่ว่าจะเป็น นำชัย อัปสร แม้แต่ ตัวเธอเอง ทุกคนต้องกลับไปมีบางอย่างบอกเะอเช่นนั้น

จากพันทิป สาปนาง
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 4743149 หรือในนาม เสียงนกแสก

ไม่มีความคิดเห็น