ห้องเก็บภาพ
โรนินโดดเดี่ยว หรือสมาชิกพันทิป 3402998 นักแต่งนิยาย ผีวิญญาณและเรื่องลี้ลับสยองขวัญ โปรดติดตามผลงานของเขาขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
".........."
กอล์ฟค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภาพอันเบลอค่อยๆชัดเจนขึ้น เป็นภาพพัดลมเพดานที่กำลังพัดหมุน ห้องพักอันคับแคบในหอพักถูกๆสว่างไปด้วยแสงแดดยามสายที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง นาฬิกาปลุกดิจิตอลบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงที่ไม่ได้ตั้งปลุกไว้ บอกเวลาเป็น 11:36 น.
"อูย... ปวดหัวชะมัด... สงสัยเพ่งมากไปนิด"
พึมพำแล้ว กอล์ฟก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง กุมหัวเดินโซเซตรงไปยังห้องน้ำที่คับแคบเสียแทบจะเป็นปลากระป๋อง ทำกิจส่วนตัว
กอล์ฟนั้น เป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ในมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุง เป็นหนุ่มผมยาว มัดผมหางม้า ไว้หนวดเครา ผอมสูง ผิวขาว มีหน้าตาแบบลุ๊คเกาหลีตามที่วัยรุ่นทั้งหลายสมัยนี้ชอบ แต่งตัวปอนๆ ใส่กางเกงยีนส์ขาเดฟหม่นๆขาดนิดๆและรองเท้าผ้าใบสีขาวเก่าๆ มีลักษณะเป็นหนุ่มอาร์ท สมกับเป็นนักศึกษาศิลป์ และยังออกแนวธรรมะธรรมโมอีกด้วย ความสามารถทางวิจิตรศิลป์อันเทียบเทียมได้กับศิลปินมืออาชีพของกอล์ฟ ทำให้ชีวิตการศึกษาของเขากำลังไปได้สวย แต่เขามีปัญหาครอบครัว พ่อแม่ของเขาที่ต่างจังหวัดมักทะเลาะกันจนเกือบจะหย่ากันหลายครั้ง และพ่อของเขาก็ส่งเงินมาให้ไม่เคยพอ เนื่องจากปัญหาครอบครัวอันนั้น ภายหลังจึงตัดสินใจหารายได้ด้วยตนเอง ด้วยการวาดภาพนำไปฝากขายในที่ต่างๆ ซึ่งก็ได้เงินมาพอกิน พอจ่ายค่าหอ และพอเก็บสะสมสำหรับจ่ายค่าเทอม
ร้านขายของบูติคขนาดกลางแห่งหนึ่งในกรุง เป็นร้านหนึ่งในบรรดาร้านทั้งหลาย ที่กอล์ฟนำภาพวาดของเขามาฝากขาย
"ตามที่ตกลงกันนา อั๊วะได้ 5%"
"ครับเจ้"
"นี่ อากอล์ฟ... ทำไมลื้อวาดภาพสวยจังล่ะ.. หา ? ... ขนาดอั๊วะเป็นคนไม่ชอบเรื่องศิลปะ
อั๊วะยังรู้สึกดีกับภาพของลื้อเลย แล้วก็ขายออกไวมาก ขายได้แพงอีกด้วย...
นี่ คราวนี้ลื้อเอาภาพมาฝากขายที่ร้านอั๊วะเยอะๆหน่อยสิ อั๊วะจะได้รวยๆ ฮิ ฮิ ฮิ"
ไป่ สาวเจ้าของร้านอายุราวๆสามสิบ เชื้อสายจีน ตาหยี ไว้ผมเปียหน้าม้า สวมชุดกี่เผ้า และมักถือพัดอยู่เสมอ พูดทีเล่นทีจริงกับกอล์ฟอย่างสนิทสนม หลังๆมานี้เธอได้กำไรจากการฝากขายภาพวาดของกอล์ฟเป็นกอบเป็นกำ ปกติในหัวของเธอมีแต่เรื่องกำไรขาดทุน แต่พอมาเห็นภาพที่กอล์ฟนำมาฝากขาย เธอจึงถูกสะกดทำให้ตะลึงตั้งแต่แรกเห็น เพราะมนต์ขลังอังทรงพลังในภาพ ทำให้ไป่ตกลงรับฝากขายทั้งที่ไม่เคยรับของของใครมาฝากขายในร้านของตัวเองง่ายๆเลย
"ฮะ ฮะ ฮะ... โชคดีเฉยๆน่ะครับเจ้"
"ไอหย่ะ... ทำเป็นถ่อมตัวไม่เข้าเรื่อง ขายดีแบบนี้ยังจะมาว่าโชคดีอีก... อย่าลืมนา
เอามาภาพมาฝากขายเยอะๆหน่อย สองสามภาพมันไม่พอหรอก แบ่งๆกันรวย"
"ด... ได้ครับเจ้"
กอล์ฟทึ่งในความงกของไป่ เขาตอบรับเพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วน แต่ในใจนึกค้อนไป่ว่า กว่าจะได้สักภาพหนึ่งมันใช้เวลาและใชัพลังงานชีวิตมาก ใช่ว่าจะผลิตมาซื้อมาขายกันได้ง่ายๆเหมือนขนมนมเนย
แล้วกอล์ฟก็โบกมือบอกลาไป่ที่กำลังยิ้มตาหยีเอาพัดพัดตัวเองอย่างอารมณ์ดี เดินออกจากร้านไปพร้อมกับเงินกำไรอันงามจากการขายภาพ ครั้งนี้เขาได้เงินมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
"ฟู่ววว.... เกินเก็บซะเยอะแบบนี้คงได้เที่ยวบ้างล่ะ... ไม่สิ... เก็บไว้ก่อนดีกว่า เผื่อมีเรื่องต้องได้ใช้"
กอล์ฟหนุ่มอาร์ทผู้ไม่ประมาทในชีวิต พึมพำอยู่ในลำคอ แบกเป้ ถือบอร์ดผ้าใบสำหรับวาดภาพไว้ในมือ เดินฮัมเพลงแนวอินดี้ที่ชอบไปอย่างร่าเริง มุ่งสู่แคมปัสมหาวิทยาลัยที่เขาจะมีเรียนในภาคบ่ายนี้
ในห้องวาดภาพของคณะ...
ใหม่ สาวทอมซอยผมสั้น แต่หน้าตาน่ารักแบบหวานๆ ย้อมผมสีทอง เป็นลูกครึ่งอเมริกัน เพื่อนในชั้นเรียนคนหนึ่งของกอล์ฟซึ่งมีลุ๊คเซอร์ไม่แพ้เขา เข้ามาหากอล์ฟเพื่อจะมาหยอกเขาเล่น แล้วต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเพลงบรรเลงแนวคลาสสิกสไตล์เยอรมันสมัยเก่าจากเครื่องเล่น mp3 เครื่องเล็กๆของกอล์ฟ ที่เปิดฟังไว้ใกล้ๆตัวในขณะที่วาดภาพ
"โหย กอล์ฟ !... ฟังเพลงอะไรแบบนี้เนี่ยแก... ทำตัวเป็นพวกผู้ดีไปได้"
"เอ้า แกนี่เอง ตกใจหมด... จะสร้างผลงานทั้งที มันต้องมีอารมณ์สุนทรีย์เข้ามาช่วยหน่อยสิ
งานถึงจะออกมาดี"
"อ้อ... นี่เองมั้ง ที่ภาพของแกมันถึงสวยเด่นกว่าเพื่อน... มีตัวช่วยนี่เอง... ขี้โกง"
"ฮะ ฮะ... นี่แหละ ที่เขาเรียกว่า ศิลปิน... อยากเด่นมั่งก็ลองดูมั่งสิ"
"หู้ย ไม่ไหว... เพลงคลาสสิคโมส่งโมสาร์ทอะไรแบบนี้ ฟังแล้วเลี่ยน อยากจะอ้วก... เด่นไปคนเดียวเหอะ
... ฉันมีแนวเพลงที่ชอบของฉันอยู่ย่ะ"
"ฟังเพลงแนวอเมริกันพั๊งค์ร็อคจังหวะเร็วๆแบบนั้นน่ะ ผลงานของแกมันถึงออกมาเป็นโทนร้อนไง
มีความร้อนแรง... นี่แหละ แนวของแกล่ะ เอาดีกับมันให้ได้... ศิลปินน่ะ จิตใจกำลังมีอารมณ์เป็นยังไง
ผลงานที่สร้างก็ออกมาตามนั้นแหละ... นี่ไม่ใช่เคล็ดลับอะไรหรอก มันเป็นธรรมชาติ ถ้าฉันจะวาดภาพแบบจีน
ฉันก็คงเอาเพลงจีนมาฟังนั่นแหละ... ต้องรู้จักสร้างอารมณ์ด้วย ไม่ใช่ว่าสร้างผลงานขึ้นมาดาดๆเลย
แบบนั้นถึงผลงานมันจะออกมาสวยดียังไงก็ช่าง มันจะแห้งๆ ดูงั้นๆ ไม่มีรสชาติ ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร... รู้เปล่า"
ถูกเพื่อนศิลปินผู้เป็นนักศึกษาหัวกะทิของคณะกล่าวสอนแบบนี้ ใหม่ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ตาก็มองดูกอล์ฟที่กำลังวาดภาพสีน้ำมันแนวยุโรปต่อไปอย่างอารมณ์ดี สิ่งนี้ทำให้เธอทวีความชอบพอในตัวกอล์ฟมากขึ้น หวั่นใจลึกๆว่าเธอจะมีอันละความเป็นทอมไปสักวันหนึ่ง
"เฮ้อ... ฉันไม่ใช่ศิลปินของแท้แบบแกนี่นา จิตวิญญาณอะไรก็ไม่ค่อยจะมี... วาดภาพออกมาทีไร
ภาพก็ไม่เคยเข้าตาอาจารย์เลยซักคน"
"ไม่จริงหรอก... ภาพของแกบางภาพฉันเห็นแล้วก็เข้าท่าดีอยู่ มีจิตวิญญาณความรู้สึกใช่เล่นเหมือนกัน...
ภาพไฟนรกของแกอันนั้นที่อาจารย์บอกว่าไม่ผ่าน ไปไหนซะล่ะ ? เก็บไว้อยู่รึเปล่า ?"
"อืม ... เก็บไว้อยู่ ฉันทิ้งผลงานของตัวเองไม่ลงหรอก... ฉันว่ามันสวยดี สำหรับฉันนะ"
"ดีละๆ เก็บไว้ ฉันชอบภาพนั้นของแก... อาจารย์พวกนั้นไม่ใช่ศิลปินโดยจิตวิญญาณหรอก
ตัดสินผลงานของคนอื่นไปตามอีโก้ของตัวเองเท่านั้นแหละ... ภาพไฟนรกนั่น ฉันว่ามันร้อนแรงดี
เป็นเหมือนกับถูกเผาเพื่อชำระบาปอะไรเถือกๆนั้นน่ะ... ตอนวาด แกรู้สึกยังไงอยู่เหรอ ?"
"...... ตอนฉันวาดเหรอ ?... อืม... ฉันรู้สึกผิดที่ฉันเถียงกับพ่อแม่มาน่ะ เถียงแรงด้วย...
มือของฉันมันไปตามอารมณ์นั้นเองเลย"
"นั่น เห็นมั้ยล่ะ...อย่างที่บอก อารมณ์ของแกเป็นยังไง ภาพก็จะออกมาแบบนั้นแหละ...
แค่แกควบคุมให้มันอยู่ในทางที่สร้างสรรค์ก็พอ... แต่ภาพไฟนรกของแกนี่ มันให้ความรู้สึกทางบวก
จัดว่าอยู่ในทางที่สร้างสรรค์นะ มันเป็นไฟเผาลงโทษเพื่อชำระบาป ฉันรู้สึกได้... มันบ่งบอกว่าแกเป็นคนดี
ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับพ่อแม่ของแกเลย"
".............................. นี่กอล์ฟ..."
"หือ ?"
"ฉันกะแกเป็นแฟนกันเอาป่ะ ?"
หลังจากสอบย่อยวาดภาพในวันสอบที่คณะ และออกเดทในตัวเมืองจนค่ำกับใหม่ เพื่อนลุ๊คทอมบอยเซอร์ๆที่บัดนี้กลายเป็นแฟนของเขาแล้ว กอล์ฟก็กลับมาถึงห้องพักของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน
"พรุ่งนี้ตื่นมาต้องปวดหัวอีกแน่... ตอนสอบเพ่งภาพซะเกือบทะลุบอร์ดเลย... เฮ้อ...
แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องวาดภาพเอาไปฝากขายร้านของพี่......."
พรึ่บ พรึ่บ... หวื่อ...
ไฟในห้องพักตกหน่อยหนึ่ง ทำเอากอล์ฟหยุดพึมพำ มองดูหลอดไฟที่เพดานห้อง
".......... ?"
*****************
. สายวันต่อมา กอล์ฟตื่นขึ้นมา แล้วกุมหัว สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความปวดหัวอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน ในโสตประสาทก็เหมือนจะมีเสียงแหลมๆดังอยู่ภายในวิ้งๆ
"โอยยยยยยย.... ซี๊ดดด... อูยยยยยย... ทำไมปวดหัวมากขึ้นแบบนี้..... !?"
กอล์ฟทิ้งร่างอันอ่อนเพลียของเขาลงมาจากเตียง พยายามคลานไปที่โทรศัพท์ประจำห้องเพื่อที่จะโทรเรียกผู้จัดการหอพักซึ่งมีความสนิทสนมกับเขาอยู่พอสมควร ให้ช่วยพาเขาไปที่โรงพยาบาล หรืออย่างน้อยก็ช่วยเรียกรถพยาบาลมาให้หน่อย
พรึ่บ.... !
หลอดไฟในห้องที่เผลอเปิดทิ้งไว้ทั้งคืนดับลง จากนั้นก็มีเสียงโวยวายจากผู้พักบางคนในตึกหอพักที่อาจกำลังใช้คอมพิวเตอร์หรือดูทีวีอยู่ ไฟได้ดับลงไปทั่วทั้งตึก
แต่ความปวดหัวทำลายความความงุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กอล์ฟอดกลั้นความปวดหัวอันรุนแรงนั้น แล้วกัดฟันคลานอย่างอ่อนเปลี้ยไปหยิบไอโฟนสี่รุ่นเก่าของเขาที่วางอยู่บนหัวเตียง เพื่อจะโทรไปหาใหม่แฟนของเขา ให้มาช่วยพาเขาไปที่โรงพยาบาล
ในขณะที่มือของกอล์ฟกำลังจะไปถึง ไอโฟนก็เด้งขึ้นของมันเองไปตกอยู่ในซอกหลังหัวเตียงนอน ทำลายโอกาสของกอล์ฟในการที่จะหยิบมันขึ้นมาโทรเรียกใหม่
"โอ๊ยยยยย !!! อ๊าาากกกกก !!!"
ความปวดหัวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำเอากอล์ฟไม่มีเวลาที่จะงงกับสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้น ได้แต่กรีดร้องทรมาณ นอนกับพื้น ตัวงอบิดไปบิดมา มือทั้งสองกุมหัวแน่น ใบหน้าแดงก่ำบิดเบี้ยวเต็มที่ หน้าผากมีเส้นเลือดปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในใจคิดว่า เขาต้องตายแน่ๆ.... แล้วสติของเขาก็ดับวูบไป ในโสตประสาทก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆที่เป็นเสียงของผู้หญิง
"เลิกกับใหม่..."
กอล์ฟสะดุ้งตื่นขึ้นมา ความปวดหัวเจียนตายอันนั้นอันตรธานหายไป เหลือเพียงเค้าความปวดในระดับปกติเท่านั้น ตัวเขายังคงนอนอยู่บนเตียง หน้าตามีเหงื่อชุ่ม
"อ้าว.... ฝันนี่เอง............. เฮ้อ... นึกว่าจะตายจริงๆซะแล้ว... ปวดซะยังกะหัวจะระเบิด"
กอล์ฟพึมพำอยู่ในลำคอ ถอนใจด้วยความโล่งอก มือทั้งสองลูบหน้า ในใจนึกถึงเสียงกระซิบนั้น สงสัยอยู่ว่าผู้หญิงเจ้าของเสียงคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาต้องเลิกกับใหม่ด้วย เพิ่งจะคบกันแท้ๆ... ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นทำกิจส่วนตัว กินอาหารเช้า แล้วเตรียมอุปกรณ์ขึ้นลิฟท์เพื่อไปวาดรูปในที่ร่มมุมหนึ่งบนดาดฟ้าของตึกหอพัก
ที่ตึกคณะศิลปศาสตร์... ตอนค่ำ ประมาณหนึ่งทุ่ม
ในตึกตอนนี้มีเพียงอาจารย์ที่สอนในสาขาวิจิตรศิลป์คนหนึ่ง ร่างท้วม ผมยาวหนวดเฟิ้ม แต่งกายออกแนวอนุรักษ์นิยม ใส่สร้อยประคำประดับพระเครื่องเป็นพวง และนักศึกษาปีสุดท้ายลุ๊คนักเลงสามคน ทั้งสี่คนนี้ใช้ห้องพักอาจารย์เป็นที่อยู่อาศัย นอนค้างคืนกันที่นั่น
"ภาพโปรเจ็คที่ผ่านแล้วของพวกเธอเนี่ย จะเอาไปไว้ไหนดี ? ...ห้องเก็บภาพมันดูเหมือนจะเต็มแล้วนะ... เอาไปขายเอาเงินซะดีมั้ย ?"
"โห อาจารย์... ผลงานชิ้นโบว์แดงของผมเลยนะ ผมไม่อยากขายเลย" นักศึกษาที่เสียดายภาพของตนบ่นขึ้น
"ไอ้บ้า... เค้าวาดภาพขายเอาเงินกันทั้งนั้นแหละ ทำเป็นดราม่าไปได้" นักศึกษาคนหนึ่งปรามขึ้น
"เออ ใช่... แกไม่ขายก็เรื่องของแกเหอะ พวกฉันจะขายกัน... ภาพน่ะ มันวาดออกมาใหม่ได้
แล้วก็วาดขายเอาเงินกันทั้งนั้นแหละ... ขนาดไอ้กอล์ฟเด็กปีสองที่สะเหร่อได้เป็นเดือนของคณะ
มันยังเอาภาพของมันไปขายเอาเงินเลย" อีกคนหนึ่งเสริมพลางแสดงสีหน้าท่าทางริษยา
"........... เออๆ... ขายก็ได้วะ... เฮ้อ... เสียดายน้องเมลิซ่าว่ะ" สุดท้ายนักศึกษาคนแรกก็เห็นเงินสำคัญกว่าศิลปะจนได้
"ฮะ ฮะ ฮะ.... เธอวาดผู้หญิงคนนั้นเพราะเรื่องอย่างว่าไม่ใช่เหรอ อารมณ์นี่แรงมาก
บอกเลยว่าเป็นคนทะลึ่งขนาดไหน... ขายเหอะ คนอื่นที่ดูภาพจะได้สยิวกันบ้าง... แชร์ๆความสุขกันหน่อย"
อาจารย์สรุปติดตลก
คนทั้งหมดหัวเราะขำขันกันอย่างสนิทสนม
พรึ่บ... !
ไฟในห้องออกอาการตกเล็กน้อย
"เอ้าๆ... อะไรวะ ? ไฟตกเฉย... ฝนก็ไม่ได้ตก....... นี่ พวกเธอ... เอาภาพไปเก็บที่ห้องเก็บภาพ
ยัดๆไว้ก่อน พรุ่งนี้อาจารย์จะเอาไปขายให้ มีคนรู้จักต้องการภาพอยู่ ...ขายได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวบอกละกัน"
"ครับอาจารย์"
นักศึกษาทั้งสามคนนั้น ขนภาพวาดที่เป็นภาพโปรเจ็คของตนออกจากห้องพักอาจารย์ เดินไปยังห้องเก็บภาพของคณะ ในขณะเดินนั้น ไฟบางหลอดบริเวณทางเดินอาคารออกอาการติดๆดับๆ แต่นักศึกษาทั้งสามนั้นไม่ได้สนใจ เพราะนึกถึงแต่เรื่องเงินจากการขายภาพ
"เฮ้ย พงษ์... น้องเมลิซ่าของแกเนี่ย น่าจะวาดให้เต็มตัวเลยนะ วาดถึงแต่สะดือ โชว์แต่ท่อนบน...
แกนี่มันสายฟอร์เพลย์รึไงวะ ?" นักศึกษาคนหนึ่ง มองภาพในมือของเพื่อนเขาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ
"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... ฉันรู้น่าว่าแกคิดอะไรอยู่... ตอนฉันหาบอร์ดมาวาดภาพ งบฉันมันน้อย
ซื้อได้แค่ขนาดนี้แหละ... ถ้าบอร์ดยาวกว่านี้ แกสมหวังแน่เพื่อน...
แล้วแกก็จะได้ช่วยฉันแบกน้องเมลิซ่าท่อนล่างเต็มๆ" พงษ์ตอบรับเพื่อยั่วเพื่อนของเขาให้มีความรู้สึกมากยิ่งขึ้น ในใจนึกขัน
"แกเนี่ย รูปร่างหน้าตาก็งั้นๆ แต่ถนัดเรื่องลามกจริงๆว่ะ สร้างอารมณ์ทางนี้เก่งอีก... ภาพแนวนี้ใครจะไม่ชอบมั่งเล่า มีแต่พวกอาจารย์ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่ไม่เห็นด้วย... โชคดีที่อาจารย์ตัดสินผลงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ไม่งั้นแกไม่ผ่านหรอก" นักศึกษาคนที่สามเอ่ยปากบ้าง
"ฮ่ะ ฮ่ะ... นั่นดิ โชคดีจริงๆว่ะ"
เมื่อถึงหน้าห้องเก็บภาพแล้ว พงษ์วางภาพวาดผู้หญิงเปลือยท่อนบนที่กำลังแสดงสีหน้าท่าทางยั่วยุอารมณ์ทางเพศชื่อเมลิซ่าพิงผนังไว้ แล้วเปิดประตูห้องเข้าไปเปิดสวิทซ์ไฟ... ไฟเปิดไม่ติดสักหลอด
"อ้าว เฮ้ย ?... ไฟเปิดไม่ติด..." พงษ์พยายามเปิดสวิทซ์ไฟในห้อง ทั้งกดย้ำๆ ทั้งกดค้างไว้
"เอ้า... อะไรวะ ?... ไฟในตึกก็สว่างนี่หว่า ?... จิ้งจกมันมาเข้าโดนช็อตในหม้อแปลงไฟรึไง ?"
"มั่ว ! แบบนั้นไฟก็ดับทั้งตึกสิ... แต่แปลกจริงๆว่ะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...... มาๆๆ
เดี๋ยวฉันจะเอาโทรศัพท์ส่องไฟฉายให้ พวกแกขนภาพเข้าไปเลย"
แล้วหลอดไฟทั้งหมดในทางเดินอาคารชั้นที่มีห้องเก็บภาพออกอาการติดๆดับๆ ทำเอานักศึกษาวิจิตรศิลป์สามเกลอสะดุ้ง ใจคอเริ่มไม่ค่อยดี... แล้วหลอดไฟก็แสดงอาการติดๆดับๆหนักขึ้น หลอดหน้าห้องเก็บภาพดับสนิทไป
พรึ่บ... พรึ่บ.... หวื่อ... หวื่อ... หวื่อ......... พรึ่บๆ... พรึ่บ...
"เอ้าๆๆ ! ... เอาเข้าไป... ย...อย่าบอกนะว่า... ความเฮี้ยนของยายผีแขกนั่นที่เค้าลือกัน....."
"เฮ้ย ! หุบปากแล้วรีบเอาภาพเข้าไปเก็บ เร็วๆ !...ส่องแสงมาทางนี้หน่อย !......
ฮึ๊บ ... ไม่น่าซื้อบอร์ดใหญ่กว่าที่เค้าแนะนำเลย !"
ทั้งสามกุลีกุจอเร่งรีบทำกิจที่ควรทำให้เสร็จเร็วๆ หัวใจเต้นแรง ความกลัวเริ่มครอบงำอย่างหนัก ขนหัวลุกเกรียว... พอถึงคราวที่พงษ์ออกมาจากห้องเพื่อจะเอาภาพของเขาที่พิงผนังไว้เข้าไปเก็บ... ภาพได้หายไป !
"อ้าว เฮ้ย !! ... วางไว้ตรงนี้นี่หว่า ? ...โธ่เว้ย ยิ่งรีบๆอยู่ ! ใครมันมาแกล้งอีกล่ะว้าาาา !?"
พงษ์เกาหัวอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกโมโหและกลัวในขณะเดียวกัน สีหน้าเคร่งเครียด เหงื่อไหลชุ่ม หันรีหันขวางมองหาภาพของตน ส่องแสงไฟฉายโทรศัพท์กวาดไปมาเป็นการใหญ่ ซ้ำเพื่อนของเขาก็เร่งให้เขาหาภาพเร็วๆอีก
"พี่... พงษ์... จ๋าาาา... "
พงษ์สะดุ้งหันขวับส่องแสงไปที่ต้นเสียง เพื่อนของเขาก็เช่นกัน เสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิง เย็นและก้อง น่าขนลุก... แล้วสิ่งที่ทั้งสามเกลอได้เห็นท่ามบรรยากาศแสงไฟนีออนสลัวๆติดๆดับๆนั้น.. เป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ยืนนิ่งตรงอยู่ เธอมีลักษณะหน้าตาเหมือนกับในภาพเมลิซาทุกประการ ร่างกายท่อนบนของเธอเปลือย สะอาด สีหน้าดูยั่วยวนทางเพศ... แต่ !! ... ท่อนล่างของเธอใต้สะดีอลงไป เป็นโครงกระดูกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลนองลงมาจากส่วนที่ขาด !!!... แล้วเธอก็มีเลือดไหลออกจากตาเป็นสายจนหยดลงบนเต้านมที่โตของเธอ ปากก็เริ่มขยับ สีหน้าหม่นลง
"พี่พงงงงงงงษ์..... อย่าขายเมลิซ่าเลยยยยย.... เมลิซ่ารักพี่.... พี่วาดเมลิซ่าให้เต็มตัวหน่อยเถอะ
... แบบนี้ไม่สวยเลยยยย... เจ็บด้วยยย...."
"ว๊าาาาาาาากกกกกกกกกก !!!!!!"
นักศึกษาศิลป์สามเกลอกรีดร้องขึ้นมาพร้อมกันอย่างสุดเสียง แล้วทิ้งทั้งภาพวาดและโทรศัพท์ของตน วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็วไม่คิดชีวิต โดยมีเสียงร้องไห้อย่างหนักของผีสาวเมลิซ่าดังก้องตามหลังมา ทวีคูณความสยองขวัญ หลอดไฟทุกดวงทั่วทั้งบริเวณนั้นก็ออกอาการติดๆดับๆแรงขึ้นไปอีก จนบางหลอดช็อตจนแตก ดับสนิทไป
ในห้องพักอาจารย์...
"อะไรวะ ? เจ้าสามตัวนั่นมันร้องเอะอะโวยวายอะไรของมัน ? ... เกิดขัดใจจนตีกันรึเปล่าเนี่ย ?
เมื่อกี๊ก็ยังดีๆกันอยู่... หนุ่มสมัยนี้มันใจร้อนกันจริงๆ พับผ่า"
เสียงร้องของสามเกลอนั้นดังก้องไปทั่วอาคารเสียจนอาจารย์สอนศิลปะร่างท้วมหนวดเฟิ้มได้ยินในขณะที่เขากำลังจะเอาข้าวกล่องเซเว่นเข้าเตาไมโครเวฟ... วางกล่องข้าว แล้วเดินไปที่หน้าต่างเปิดผ้าม่านห้อง มองดูไปที่ชั้นที่มีห้องเก็บภาพ
"หือ... อะไรกันวะน่ะ ?... ทำไมไฟตรงนั้นมีปัญหาล่ะ ?... เจ้าสามตัวนั่นมันไปทำอะไรกันแน่เนี่ย ?"
แล้วไฟในห้องก็เริ่มออกอาการติดๆดับๆ ทำเอาอาจารย์สอนศิลปะร่างท้วมหนวดเฟิ้มสะดุ้ง หันขึ้นไปมองดูหลอดไฟที่ออกอาการติดๆดับๆหนักขึ้น ในห้องเริ่มมีกลิ่นเหม็นดุจซากศพที่กำลังขึ้นอืดในน้ำ... แล้วเขาก็เห็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นมันสักครั้งหนึ่งในชีวิต กำลังนั่งนิ่งหลังตรงอยู่บนโต๊ะกินข้าว... เป็นหญิงสาวร่างผอม ผมดำสนิทหยิกหยักศกปล่อยยาวจนถึงเอว ปรกหน้าบางส่วน ผิวขาวซีด สะพรั่งไปด้วยเส้นเลือดสีดำ แต่งกายเซอร์ๆปอนๆอย่างนักศึกษาศิลปะทั่วไป เสื้อผ้าหน้าผมมีสภาพเหมือนกำลังเปียก... และขาท่อนล่างที่ห้อยลงมาของเธอนั้น... โปร่งใส !!! ... เธอค่อยๆหันมาอย่างช้าๆ นัยตาเบิกโพลง ขาวโพลนไม่มีตาดำ !!!
"อาจาาาาาารย์.... ทำไม... ภาพของหนู... ถึงไม่ผ่าาานนนน ?"
อาจารย์ผู้เป็นเหยื่อความสยองขวัญ อ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง ผมมีหงอกอันยาวตั้งชี้ขึ้น ตัวสั่นเกร็ง และมีปัสวะไหลออกมาจากกางเกงจนนองพื้น ปากก็พึมพำละล่ำละลัก เอ่ยชื่ออดีตลูกศิษย์ของเขา
"อ....อ...อา.....ม.....มี.....น...น..นะห์............... อา...จ...จารย์... ม...ม...ไม่...ไม่ได้....... "
ไม่รอให้เหยื่อพูดจบ นักศึกษาสาววิจิตรศิลป์ชื่ออามีนะห์ หายวับมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าอาจารย์ของเธอใกล้เพียงปลายพุงที่พลุ้ยของเขา ตวาดถามย้ำด้วยเสียงอันดุขรมและดังก้อง
"ทำไมมมม !!!!!!??"
"อ๊าาาาาาาาาาาากกกกกกกกก !!!!! ว๊าาาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกก !!!!!!!!!"
เสียงกรีดร้องของอาจารย์สอนศิลปะผู้โชคร้ายที่ดังออกมาจากห้องนั้น ก้องดังไปทั่วทั้งตึก แล้วแสงไฟที่กระพริบในห้องก็ดับมืดสนิทไป แต่เสียงของอาจารย์คนนั้นก็ยังคงกรีดร้องก้องดังออกมาไม่หยุด
**************
. ยามบ่ายสองวันต่อมา... พื้นที่ม้าหินอ่อนนั่งเล่นอันรื่นรมย์ไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ใกล้สนามฟุตบอลใจกลางของมหาวิทยาลัย...
กอล์ฟกับใหม่เข้ามานั่งที่ม้าหินอ่อนชุดหนึ่ง ทั้งคู่เพิ่งเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวัน ซื้อขนมและเครื่องดื่มน้ำอัดลมมานั่งปิคนิคพักผ่อนกัน
"เฮ้อ... หลับซะเต็มอิ่มเลย... วิชาบ้าอะไรก็ไม่รู้ น่าเบื่อจริงๆ แถมยาวตั้งสองชั่วโมง...
อาจารย์หัวล้านสี่ตานั่นก็พล่ามอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว คนฟังไม่ฟังก็พูดอยู่นั่นแหละ"
ใหม่บ่นไปหาวไป เธอเกลียดวิชาประวัติศาสตร์ที่สุด... กอล์ฟเองก็ออกอาการเดียวกันนี้นิดๆ
"เอาน่ะ มันเป็นวิชาแกนวิชานึง... ทนๆเรียนไปเหอะ อย่างน้อยฉันก็เก็บข้อมูลไว้วาดภาพได้หน่อยหนึ่งแหละ"
"แกนี่มันเครื่องจักรผลิตภาพชัดๆเลยนะ กอล์ฟ... เจออะไรนิด จับอะไรหน่อย
ก็วาดเอาออกมาเป็นภาพได้... อยากเป็นเหมือนแกจริงๆ"
"ฮะ ฮะ ฮะ... ก็ฝึกสิ ตามที่บอกน่ะแหละ หาข้อมูลแล้วก็สร้างอารมณ์ก่อน ถึงลงมือวาด...
นึกถึงกรณีภาพไฟนรกของแกสิ... นั่นแหละ แนวทางฝึกล่ะ... ฝึกตั้งแต่ตอนนี้
ถึงเวลาวาดภาพโปรเจ็คปีสุดท้ายจะได้ผ่ายฉลุย"
"แต่ภาพไฟนรกมันไม่ผ่านนี่"
"อย่าเพิ่งท้อสิ... ถ้าภาพนั้นเป็นภาพโปรเจ็ค อาจารย์หน้าไหนก็ตามบอกว่าแกไม่ผ่าน ฉันคนเดียวนี่แหละ
จะประท้วงให้แกผ่านให้ได้ เพราะภาพนั่นมันเป็นผลงานศิลปะจริงๆ มีความหมายแล้วก็มีคุณค่าต่อจิตใจมาก
ไม่ใช่ผลงานที่มุ่งแต่จะเอาไปสร้างกำไร... แล้วภาพที่ฉันวาดๆมาเนี่ย ฉันมุ่งแต่จะสื่อความหมาย
ในทางสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์กับคนอื่นเท่านั้นแหละ ผลงานมันถึงออกมาดี ส่วนเรื่องเงิน
สำหรับฉันมันเป็นแค่ผลพลอยได้ ฉันลำบากหรอก ถึงจำเป็นต้องใช้มันหาเงิน... แต่ว่า คนมีศิลปะอยู่กับตัว
ไม่ว่าแขนงไหน ก็มีสิทธิ์ใช้มันหากินเอาตัวรอดได้ทั้งนั้นแหละ เพียงแต่อย่าโลภจนจิตใจมืดดำ
จนลืมคุณค่าของศิลปะของตัวเองไป แค่นั้นเอง"
"โหย แก... แค่คำพูดของแกนี่ก็เป็นศิลปะแล้ว... มิน่า พวกอาจารย์ที่หยิ่งๆอีโก้จัดๆ
บางคนไม่กล้าสู้หน้าแกเลย... มีแกอยู่นี่ คณะคงมีอะไรเปลี่ยนไปมั่งแน่ๆ"
"หึ...ไม่หรอก คงจะเหมือนเดิมล่ะมั้ง... สมัยนี้คนเราเห็นเงินเป็นพระเจ้าไปแล้วนี่
น้ำน้อยจะไปสู้ไฟที่มากได้ไง... ตั้งใจทำส่วนของเราเองให้ดีที่สุดไว้ก่อนดีกว่า"
แล้วทั้งคู่ก็เริ่มกินขนม... มีนักศึกษาหญิงคณะมนุษย์ศาสตร์เรียนปีสุดท้ายกลุ่มหนึ่ง พากันนำของกินมานั่งปิคนิคบ้างที่ม้านั่งหินอ่อนชุดข้างๆ หนึ่งในนั้นเป็นมุสลิม มีผ้าโพกหัว สวมชุดนักศึกษาแบบยาว แต่หน้าตากระเดียดไปทางคนญี่ปุ่น สวมแว่นสายตา ผิวขาวเหลือง มันวาวและมีสิวเสี้ยน.. ทั้งหมดมองมายังกอล์ฟกับใหม่หน่อยหนึ่ง แล้วก็ละสายตาไป เริ่มกินขนม เม๊าท์กันไปตามประสาผู้หญิงโดยไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งรอบข้าง
"ไงล่ะเธอ... ผีรุ่นพี่ฉันที่คณะศิลป์เค้าเฮี้ยนดีมั้ยล่ะ ?... ขนาดพวกอิหม่ามจากมัสยิด
มารุมสวดมนต์ไล่ ยังโดนพี่เค้าตะเพิดซะหนีกระเจิงเลย" นักศึกษาสาวมุสลิม
หน้าญี่ปุ่นสวมแว่นสายตา ชื่อมิ้ม เริ่มก่อนเป็นคนแรก
"น่ากลัวเนอะ... ได้ยินว่าเงียบไปหว่างหนึ่งหลังเกิดเรื่องเมื่อสมัยที่พวกเราอยู่ปีสอง...
ตอนนี้พี่เค้ากลับมาอาละวาดอีกแล้ว ไม่รู้ใครไปทำอะไรอิท่าไหนอีก...
ฉันจะไม่ไปผ่านที่คณะศิลป์เด็ดขาดเลย"
"พวกพี่พงษ์แฟนยายปอยนี่ ป่านนี้ก็ยังไม่ออกจากโรง'บาลกันเลย... สงสัยโดนกันหนัก"
"นั่นสิ... แต่จะว่าไปแล้ว... น่าสงสารรุ่นพี่เธอนะ ยายมิ้ม... ไม่น่าคิดสั้นเลย
งานเขียนไม่ผ่านแค่นี้ก็น่าจะแก้ตัวใหม่ได้ ไม่เห็นต้องไปทำอะไรโง่ๆอีโมๆแบบนั้นเลย"
"มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิยายเก๋... พี่อามีนะห์เค้ามีเรื่องซวยของเค้าอยู่... พี่เค้าโดน
พวกอาจารย์ศิลป์หัวเถิกหนวดยาวนิสัยหยิ่งพวกนั้น ตัดสินให้สอบตกมาสามรอบแล้ว
ทั้งๆที่บริษัทเกมบริษัทนึงที่พี่เค้าไปติดต่องาน จองตัวไว้ให้มาทำงานคอนเซ็ปอาร์ทแล้วแท้ๆ...
สุดท้ายพี่เค้าก็ชวดงานเพราะเรียนไม่จบตามเวลาที่กำหนด บริษัทบ้านั่นก็ดันหาคนอื่นมาทำงานแทนได้อีก
พี่เค้าเลยไปโดดน้ำตายที่แม่น้ำเจ้าพระยา... โหย พวกเธอ... ถ้าเป็นฉัน ฉันก็อดคิดสั้นไม่ไหวหรอก
อนาคตอันสดใสโดนทำลายไปแบบนั้นน่ะ... ดีที่ฉันยังไม่มีเรื่องซวยถึงขนาดนั้น"
มิ้มอธิบายเหตุผลที่แท้จริงของการกระโดดน้ำตายของอามีนะห์รุ่นพี่ของเธอให้กลุ่มฟัง... ทั้งกลุ่มครางกันฮือ ถึงบางอ้อกัน เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องราวจริงๆมาก่อน จนกระทั่งมิ้มมีโอกาสได้เล่าออกมาจนได้ พวกสาวๆนั้นถึงความสลดใจกันทั้งกลุ่ม สีหน้าหม่นลง นิ่งกันไปครู่หนึ่ง บางคนเริ่มมีน้ำตาคลอ...
กอล์ฟกับใหม่ นิ่งฟังเรื่องตั้งแต่ต้น ออกอาการเช่นเดียวกันกับพวกนักศึกษาสาวรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ขนมและเครื่องดื่มที่กำลังกิน รสชาติกร่อยไปหมด... ใหม่ ซึ่งเป็นคริสเตียน ยกมือขึ้นแตะหน้าผาก อกขวา และอกซ้าย เป็นสัญลักษณ์พระบิดา พระบุตร พระจิต
"คณะเรามีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ... ไม่ยักกะรู้" กอล์ฟเอ่ยขึ้นกับใหม่เบาๆเพื่อไม่ให้พวกรุ่นพี่ต่างคณะได้ยิน
"คงงั้นมั้ง... ฉันก็เหมือนเคยได้ยินมาจากพวกพี่รหัสฉันมาเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่...
รู้แต่ว่ามีคนตาย แค่นั้นแหละ" ใหม่ว่าไปพลางเกาท้ายทอยของเธออย่างไม่แน่ใจนัก
กลางดึกคืนหนึ่ง... ในห้องพักของกอล์ฟ...
กอล์ฟซึ่งปกติเป็นคนหลับยากเพราะมีพลังสมองอันล้นเหลือรบกวนการนอน ตะแคงพลิกไปพลิกมา พยายามที่จะไม่คิดจินตนาการอะไรอีก และข่มตาเพื่อนอนหลับอยู่นาน ในที่สุดก็เริ่มเคลิ้ม อยู่ในสภาวะที่ใกล้จะหลับ...
แต่แล้ว... อยู่ๆกอล์ฟก็รู้สึกทางเพศ ปึ๋งปั๋งขึ้นมาทันที แล้วรู้สึกอุ่นๆที่หลัง เหมือนมีผู้หญิงมานอนกอดหลังของเขา มือของเธอค่อยๆลดต่ำลง ล้วงไปที่ตำแหน่งอวัยวะเพศของเขา ปลายนิ้วแตะที่นั้น มีเสียงกระซิบแผ่วเบาที่หู
"...พี่รักเธอ..."
"...อุ๊ฟ !! ซี๊ดดด!!!! "
กอล์ฟสะดุ้งผุดลุกขึ้นมาเพราะความเสียววาบที่อวัยวะเพศ และเหมือนเขาจะเห็นผู้หญิงเปลือยทั้งร่างลางๆอันตรธานหายหนีไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่ถึงห้าวินาที... กอล์ฟงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหงื่อออก หอบหายใจแรง ความเสียวซ่านนั้น นานกว่าจะจางหายไป
"................ นี่ พี่ผู้หญิง พี่เป็นใครจากภพไหนเหรอครับ !? พี่มารบกวนผมสองครั้งแล้วนะ ครั้งแรกมาร้าย
จะให้ผมเลิกกับแฟนผม ครั้งนี้มาเพราะอยากมีอะไรกับผม... พี่อย่าสร้างเวรสร้างกรรมเลย...
แบบนี้พี่จะไม่พ้นทุกข์ไปซะทีนะครับ จะไปเกิดในทุคติภูมิอยู่ถ่ายเดียวเลย"
กอล์ฟตัดสินใจเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังด้วยเข้าใจว่า คงเป็นผีผู้หญิงตนหนึ่งที่เคยพักอยู่ในห้องนี้ ตายแล้วมาสิงอยู่ประจำห้องพัก... มองเพดาน หันไปมา ในห้องเงียบ ไม่มีใครหรืออะไรตอบรับเขา
ตอนเย็นใกล้ค่ำวันต่อมา... ที่ตึกคณะ... ห้องวาดภาพ
ใหม่วาดภาพเสร็จเป็นคนสุดท้าย แล้วก็เอาไปให้อาจารย์คนหนึ่งที่กำลังนั่งรอตรวจงาน หาวหวอดๆ พิจารณา... อาจารย์ผู้มีหน้าตาดุดันราวกับพวกเงาะป่าซาไก ผิวดำ ผอมกะหร่อง มวยผมเหมือนพวกพราห์ม หนวดมีหงอกยาวเฟิ้มย้อยไปถึงอก จับแว่นสายตา แล้วพิจารณาภาพ ดูแล้วดูอีก แล้วเหลือบตามองหน้าของใหม่ด้วยสีหน้าที่ดูเข้มงวด ทำเอาใหม่ใจแป้ว ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น... แต่แล้ว อาจารย์ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ดูน่ากลัวพิลึก
"อื้ม... เธอวาดรูปได้ดีขึ้นนี่ สุริยกานต์... รูปดูร้อนๆก็จริง แต่มีชีวิตชีวา มีจิตวิญญาณ
ดูมีสาระเพื่อสื่อความหมายมากขึ้น ทำให้มีความร้อนที่กำลังพอดี ให้ความอบอุ่นในขณะ
เสพความหมายที่คนวาดตั้งใจสื่อได้ ไม่ร้อนเปล่าๆไร้สาระจนไหม้
ทำให้ใจฟุ้งซ่านเหมือนก่อน... คงเป็นเพราะไปคลุกคลีอยู่กับนายปิยะวิทย์ล่ะสิ...
ดีแล้วล่ะ คบเพื่อนเก่งๆไว้ ตอนทำโปรเจ็คจะได้ไม่สอบตก... โอเค...
รูปพระเจ้าโยนคนบาปเข้าไปในไฟนรกของเธอรูปนี้ อาจารย์ให้ผ่าน...
จำที่สอนไว้ให้ดี แล้วพยายามฝึกฝนฝีมือเข้านะ... รู้มั้ย ?"
"ค... ค่ะ อาจารย์"
ใหม่ตอบรับอย่างร่าเริงดีใจ และโล่งอกในขณะเดียวกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอทำให้อาจารย์ที่ไม่เคยพอใจในผลงานของเธอเลย พอใจและชื่นชมได้
. ค่ำลงพอดี... ใหม่กับกอล์ฟเดินคู่กันในทางเดินของอาคาร มือหนึ่งถือภาพเขียนของตน อีกมือหนึ่งแบกเป้ คุยกันหนุงหนิง ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นในชั้นอาคาร... หนุ่มสาวลุ๊คเซอร์ทั้งคู่เดินมุ่งไปสู่ห้องเก็บภาพ ซึ่งตอนนี้หลอดไฟบริเวณนั้นได้ถูกซ่อมแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว ใหม่ก็เหลือบไปเห็นภาพผู้หญิงเปลือยยั่วสวาทชื่อเมลิซ่าของพงษ์ วางพิงผนังไว้ในตำแหน่งเดิมที่พงษ์ได้วางไว้ตอนแรก ภาพนั้นทำเอานิสัยทอมของใหม่กลับมาคุโชนนิดๆ
"นี่ กอล์ฟ ดูภาพนั่นสิ... ของใครก็ไม่รู้ มาวางทิ้งไว้เฉยๆแบบนี้เนี่ย"
กอล์ฟมองดู และพิจารณาภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ทำหน้าเบ้ เบือนหน้าหนี เผลอเอามือกุมเป้าโดยไม่รู้ตัว และหน้าแดงนิดๆ
"ภาพของใครเนี่ย ?... มีจิตวิญญาณดีใช้ได้อยู่ แต่ความหมายไม่สร้างสรรค์เลย...
กิเลสราคะแรงมากจนทะลุบอร์ดออกมาเลย ดูแล้วยังกะว่าจะโดนผู้หญิงคนนั้น
ลากเข้าไปข่มขืนยังไงยังงั้น... เป็นศิลปะทางลบ ทำลายความเจริญ...
ถ้าฉันได้เป็นอาจารย์ตัดสินภาพวาดนี้ ถึงภาพจะสวยมีสเน่ห์ขนาดไหนก็ตาม
ฉันก็จะไม่ให้ผ่านเลย... สมควรตกมากที่สุด"
"สงสัยคงมีอาจารย์ที่คิดเหมือนแก ไม่ให้ภาพนี้ผ่านมั้ง ?... เจ้าของภาพคงไม่พอใจ
เลยเอามาวางทิ้งไว้แบบนี้น่ะ... เอาเถอะ เก็บๆให้เค้าละกัน"
ในขณะที่ใหม่เดินเข้าไปหาภาพนั้น เอื้อมมือหยิบ มุมของภาพวาดของเธอก็ไปกระทบกับภาพเมลิซ่าเข้า... แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
"ว้าย ! ...... กรี๊ดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดดด !!!"
มีเสียงผู้หญิงกรีดร้องขึ้นมาจากภาพเมลิซ่า เสียงดังก้อง ทำเอาใหม่สะดุ้ง ผงะล้มหงายหลังไป แล้วภาพเมลิซ่าลอยก็ขึ้นมากลางอากาศ มีควันโชยออกมาจากภาพ... ในภาพนั้น กลายเป็นภาพของเมลิซ่าที่มีร่างท่อนบนสมบูรณ์แต่ท่อนล่างเป็นโครงระดูก กำลังถูกไฟเผา โดนย่างจนเนื้อหนังร่างกายท่อนบนไหม้เกรียม ท่อนล่างที่เป็นโครงกระดูกก็มีไฟลุก แตกดังเปรี๊ยะๆ ดิ้นรนไปมา เธอพยายามเกาะขอบภาพเพื่อที่จะหนีออกมา ใบหน้าไหม้เกรียมควันโขมง หัวโล้นไปเพราะเส้นผมถูกเผา ไม่เหลือเค้าความงามเลย...
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ ...
"กรี๊ดดดดดดดดดด !!! พี่พงงงงงษ์ ช่วยมาลิซ่าด้วววววววยยยยยย !!! กรี๊ดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดดด !!!!!"
เสียงกรีดร้องอย่างทรมาณน่าสยดสยองของเมลิซ่าที่กำลังถูกย่างสดอยู่ในภาพ ยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตอนนี้ เป็นดุจกอล์ฟกับใหม่กำลังมองดูผู้หญิงคนหนึ่ง โดนจับถอดเสื้อผ้า แล้วโยนเข้าไปเผาทั้งเป็นในเตาไฟที่มีหน้าต่างสี่เหลี่ยมแคบๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรเธอได้เลย
แล้วเสียงกรีดร้องก็สงบลงเพราะเมลิซ่าถูกเผาไหม้เสียจนเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ภาพนั้นได้ตกลงมาที่พิ้น กลายเป็นภาพเมลิซ่าที่ตัวเธอถูกขูดออกไป เหลือแต่ส่วนฉากหลังที่เป็นฉากห้องนอนอันน่ารื่นรมย์เท่านั้น มีควันฉุยออกมาจากภาพหน่อยหนึ่ง
กอล์ฟวิ่งเข้ามากอดใหม่ที่กำลังตัวสั่นงันงกเพราะช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ใหม่ !... ไม่เป็นไรแล้ว !... มันจบแล้ว เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ !"
กอล์ฟปะคองใหม่ขึ้นมา ใหม่ได้สติแล้วรีบเก็บภาพของเธอที่ตกอยู่บนพื้น วิ่งออกไปจากที่นั้นกับกอล์ฟทันที... แต่ก็ถูกใครคนหนึ่ง ยืนนิ่งตัวตรง ขวางอยู่ที่หัวบันไดตึก กอล์ฟกับใหม่เบรกกันแทบไม่อยู่ ก้นจ้ำเบ้าลงกันทั้งคู่ ภาพวาดตกกระเด็น แล้วตะเกียกตะกายถอยกรูดออกไปจากใครคนนั้นที่มาขวางทางไว้... ผู้นั้นคือ อามีนะห์ ผีนักศึกษาสาวประจำห้องเก็บภาพวาดที่นักศึกษารุ่นเก่าทั้งหลายร่ำลือกันนั่นเอง !! เธอเป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์เดชมากเพราะอำนาจความโกรธและความเสียใจอย่างแรงกล้าก่อนที่เธอจะตาย... เพราะเหตุปัจจัยบางอย่างในปัจจุบันนี้ ทำให้เธอปรากฏกายอาละวาดหลอกหลอนผู้คนอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่สงบไปนาน
"แต่ไฟนั่นเผาฉันไม่ได้หรอกกกก ยายหนู !!... มันไม่ร้อนนนน !!!"
ปากที่ซีดเซียวของอามีนะห์ขยับ ตวาดขู่ใหม่ด้วยเสียงอันดุขรมและก้อง ดวงตาที่ขาวโพลนไร้ตาดำของผีนักศึกษาสาวรุ่นพี่ที่ห่างชั้นไปสองสามรุ่น จ้องเขม็งไปที่เธอ... แล้วอามีนะห์ก็หันมามองกอล์ฟอย่างช้าๆ สีหน้าเปลี่ยนไปในทางที่อ่อนโยน และหม่นลง
"น้องกอล์ฟฟฟฟ.... ทำไมใจร้ายกับพี่นักล่ะะะ... น้องกอล์ฟไม่ต้องการพี่ก็ไม่เห็นต้องพูดอะไร
ทำร้ายจิตใจกันแบบนั้นเลยยยย.... ที่จริงพี่ไม่ได้อยากมาเจอน้องกอล์ฟในสภาพนี้เลยนะะะะ...
แต่พี่จำเป็นนนน"
กอล์ฟพยายามตั้งสติของเขาเองให้มั่นคง ฟังคำพูดของรุ่นพี่ต่างภพแล้ว ก็คิดออกว่า เป็นเธอนั่นเองที่มาหาเขาที่ห้องพักเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเธอที่มาทำอะไรมิดีมิร้ายกับเขา ไม่ใช่ผีตนอื่นแต่อย่างใด... ในขณะเดียวกัน กอล์ฟก็รู้สึกได้ว่า มีอะไรบางอย่างที่เธอต้องการจากเขาจริงๆ ไม่ได้มาทำตัววับๆแวมๆกับเขาเพื่อหลอกหลอนเฉยๆ
"พ...พ.. พี่ชื่อ อามีนะห์...ช..ใช่มั้ยครับ ...? ..... พ... พี่เองเหรอที่มาหาผมที่ห้องเมื่อคืน ?
...พี่ต้องการอะไรงั้นเหรอครับ ?"
กอล์ฟกัดฟันถาม ทั้งที่ตัวเขากำลังสั่น ความขนหัวลุกนั้นรุนแรงยิ่งนัก ที่ผ่านมาทั้งชีวิตเขามีความรู้เรื่องผีมาจากในสื่อต่างๆและพระไตรปิฎกเท่านั้น ทั้งปฏิบัติธรรมมาก็มาก แต่พอมาเจอเข้าจังๆตัวเป็นๆแถมอยู่ในสภาพที่น่ากลัวเพราะมันกำลังมีอารมณ์ทางลบ จึงอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้... ยิ่งอย่างใหม่นั้น แทบสิ้นสติเลยทีเดียว
"พี่อยากรู้ว่าาาา... ทำไมภาพวาดของพี่.... ถึงไม่ผ่าาาาานนนนนนนนน... ฮือออ ฮืออออ ฮือออออ....."
แล้วอามีนะห์ก็เริ่มแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโศก เริ่มร้องไห้โฮออกมาด้วยเสียงอันดัง น้ำตาเป็นเลือดเน่าสีดำ ไหลจากดวงตาขาวโพลนลงมาอาบแก้มที่ขาวและซีดเซียว สะพรั่งไปด้วยเส้นเลือดสีดำ ดูน่ากลัวน่าสยองพองขน หลอดไฟที่เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ทั่วทั้งชั้นอาคารก็เริ่มออกอาการติดๆดับๆ และหนักขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงร้องไห้ของอามีนะห์ที่ดังขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าดุจซากศพจากเลือดเน่าก็อบอวลไปทั่วบริเวณนั้น
ในที่สุดอามีนะห์และเสียงร้องไห้ของเธอรวมทั้งกลิ่นเหม็นนั้น ก็ค่อยๆจางหายไป หลอดไฟฟ้าทั้งหลายก็เริ่มกลับมาอยู่ในอาการปกติ... ใหม่ตาเหลือก สติหลุดลอย เป็นลมล้มพับไปในที่สุด กอล์ฟเองก็ตัวแข็งทื่อ จะเข้าไปดูแลใหม่ ร่างกายของเขาก็ไม่ยอมขยับ ทั้งคู่ได้ประสบเหตุการณ์สยองขวัญถึงสองอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งผีเมลิซ่าที่เกิดจากจิตใจอันต่ำทรามมีราคะอย่างแรงกล้าของพงษ์ และอามีนะห์ ผีนักศึกษาวิจิตรศิลป์สาวมุสลิมผู้โชคร้ายในชีวิต
**************
หลังจากที่เสร็จสิ้นการเยี่ยมใหม่ซึ่งอาการยังไม่ดีขึ้นที่โรงพยาบาลแล้ว กอล์ฟก็กลับมาออกจากโรงพยาบาล แบกเป้เดินไปในตัวเมืองที่ดูสับสนวุ่นวายอย่างโดดเดี่ยว สีหน้าหม่นหมอง เป็นห่วงใหม่อยู่เต็มที่ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ การเดินเท้าท่องเที่ยวไปในตัวเมืองอยู่แต่ผู้เดียวนั้น เป็นสิ่งที่เขาชอบ อิสระภาพอันนั้นทำให้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเขาโลดแล่น... บัดนี้ กอล์ฟได้เป็นเหมือนกับว่า แขนของเขาได้ขาดไปข้างหนึ่ง เป็นเหมือนนกปีกหัก กำลังใจหดหาย จิตวิญญาณของความเป็นศิลปินอันบริสุทธิ์ของเขาถูกแปดเปื้อนไปด้วยอำนาจความรักอันเป็นกิเลส ที่อาจจะขัดขวางความสำเร็จและทำลายสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ไว้อย่างดีในชีวิต ... ในขณะที่เดินอยู่นั้น กอล์ฟครุ่นคิดถึงเรื่องของอามีนะห์ผีสาวรุ่นพี่ ที่ได้ยินจากรุ่นพี่ต่างคณะชื่อมิ้ม ซึ่งเรียนอยู่ในคณะมนุษย์ศาสตร์
"................. พี่คนนั้นที่ชื่อมิ้ม ท่าทางเหมือนจะรู้จักพี่อามีนะห์ดี... คงจะรู้อะไรอย่างอื่นอีกแน่ๆ...
ไปถามพวกอาจารย์นี่คงยาก เพราะพวกเค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบหน้าเรา... ไปถามพี่มิ้มดีกว่า"
คิดดังนั้นแล้วก็วางใจ พยายามตั้งสติทำใจของตนเองให้มั่นคง แล้วแวะเข้าร้านพิซซ่าร้านหนึ่งในตัวเมือง เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตเสียหน่อย
. เวลาพักเที่ยงวันต่อมา ตึกคณะมนุษย์ศาตร์อันประดับประดาไปด้วยรูปปั้นดินเผาและภาพแกะสลักไม้ลายวัฒนธรรม... ชั้นใต้ถุน...
"แหม... ยายมิ้ม ฉันอิจฉาเธอจังเลย... อยู่ๆน้องกอล์ฟเดือนของคณะศิลป์ก็มานัดเดทด้วย"
"ย... ยายบ้า !... น้องเค้ามีแฟนแล้วย่ะ ! เค้าแค่จะมาคุยธุระด้วยเฉยๆ อย่ามาทำเป็นแซวฉันเลย"
คำแซวของเพื่อนในกลุ่มทำเอาใบหน้าของมิ้มสาวแว่นที่มีผิวขาวเหลือง มันวาว และมีฮิญาบโพกไปรอบๆ แดงก่ำไปหมด เธอไม่คิดมาก่อนว่ากอล์ฟ ผู้เป็นเซเลปคนหนึ่งของมาหาวิทยาลัย อยู่ๆก็มานัดเธอเป็นการส่วนตัว เพื่อพูดคุยด้วย
"เอาน่า ... ครั้งแรกของเธอในชีวิตมหา'ลัยเลยนะยะ ...ไปเถอะ โชคดีจ้ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ"
แล้วนักศึกษาสาวกลุ่มนั้นก็เดินจากไป พลางหัวเราะกันคิกคัก ปล่อยให้มิ้มมีอาการขวยเขินอย่างหนักอยู่ข้างหลัง
ที่ซุ้มกาแฟสดแห่งหนึ่งในเขตของมหาวิทยาลัย...
กอล์ฟซึ่งนั่งคอยการมาของมิ้ม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาหน่อยหนึ่ง แล้วเขาก็เห็นมิ้มเดินเข้ามาในซุ้ม จึงยิ้มและเหยียดมือผงกหัวเชิญให้นั่งทันทีที่สบตากัน มิ้มมีใบหน้าที่แดงก่ำ เธอวางของแล้วค่อยๆเข้ามานั่งกับกอล์ฟที่โต๊ะที่มีเก้าอี้จัดไว้เพียงสองตัว นั่งหลังตรง สั่นเกร็งเล็กน้อย
"สลามครับพี่มิ้ม" กอล์ฟยิ้มทักทายมิ้มอย่างมีความรู้
"เอ่อ... ร...รับสลามจ้ะ... น้องกอล์ฟมีอะไรจะคุยกับพี่งั้นเหรอ ?"
"คือ... เรื่องพี่อามีนะห์น่ะครับ"
ชื่อหัวข้อการสนทนาที่กอล์ฟบอกมานั้น ทำเอามิ้มชะงัก สันหลังของเธอเย็นวาบ สร่างจากอาการขวยเขิน ใบหน้ากลับขาวเหลืองเป็นปกติ เพิ่มขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
"พ... พี่อามีนะห์งั้นเหรอ ?" มิ้มกระซิบถามย้ำด้วยโทนเสียงสูง มีอาการหวาดระแวง
"ครับ... ผมได้ยินเรื่องของพี่เค้าจากพี่นั่นแหละ... แต่ผมอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเฉยๆน่ะ"
แล้วกอล์ฟก็เล่าประสบการณ์สยองขวัญที่เขากับใหม่ได้เจอกันมาหมาดๆให้มิ้มฟัง เธอมีสีหน้าหวาดกลัว และทำหน้าเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาในที่สุด
"คือ... พี่กับพี่อามีนะห์เป็นเพื่อนบ้านกันจ้ะ บ้านติดกัน เล่นกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว...
สมัยก่อนตอนเป็นวัยรุ่น พี่เค้าเป็นผู้หญิงห้าว ออกแนวนักเลง มีเรื่องตบตีกับคนอื่นบ่อย
แถมชอบทำตัวขัดกับศาสนา แต่โลกส่วนตัวสูง ตี๊สมาก ชอบหนีผู้คนมานั่งวาดรูป
วาดได้เป็นชั่วโมงเลยแหละ นอกจากกระเป๋าแล้ว ในมือของพี่เค้าจะถือ
สมุดสเก็ทซ์ภาพใหญ่ๆอยู่ตลอดเวลาเลย... เสียดายที่พ่อแม่ของพี่เค้า
ไม่เคยสนับสนุนพี่เค้าเลย ชอบบอกว่าพี่เค้ามัวแต่วาดรูปไร้สาระ
ไม่มีใครมานั่งขายรูปแล้วรวยหรอก..."
"................."
กอล์ฟนิ่งตั้งใจฟัง เขารู้สึกหงุดหงิดในเรื่องที่พ่อแม่ของอามีนะห์ไม่เห็นคุณค่าและความสำคัญในแววความเป็นศิลปินของลูกตนเอง
"... จบ ม.6 แล้ว พี่อามีนะห์ก็หางานทำ จนมีเงินส่งตัวเองมาเรียนที่นี่ได้เอง... แต่พอเข้ามาเรียนแล้ว
พี่เค้าก็มีเรื่องทะเลาะกับอาจารย์บ่อยมาก ได้ยินว่า เป็นเพราะพี่เค้าไม่พอใจที่อาจารย์พวกนั้น
ชอบตัดสินผลงานของนักเรียนแบบลวกๆ ไม่ตั้งใจดูจริงๆ... มีครั้งนึง อาจารย์ศิลปะพวกนั้น
ตรวจงานแล้วไม่ให้ภาพของเพื่อนพี่เค้าผ่าน ทั้งที่ภาพนั้นพี่เค้าเห็นว่าเป็นภาพที่ดี สมควรผ่าน
พี่เค้าเลยตั้งกลุ่มประท้วงจนพวกอาจารย์พวกนั้นเดือดร้อนกัน... แล้วพี่อามีนะห์น่ะ เค้าก็ใช่เล่นนะ
ได้เป็นดาวของคณะด้วย เป็นเซเลปเหมือนน้องกอล์ฟเลยล่ะ ฝีมือวาดรูปก็เก่งกว่าคนอื่นๆ...
พวกนักศึกษาคณะศิลป์ชอบพี่เค้ามาก แต่พวกอาจารย์โดยเฉพาะพวกที่เป็นคู่กรณีของพี่เค้าไม่ชอบเลย
พี่เค้ากับพวกอาจารย์นั่น มีเรื่องกัดกันตลอด"
กอล์ฟฟังดังนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่า อามีนะห์นั้น มีส่วนคล้ายกับเขาในเรื่องครอบครัว เรื่องของความที่ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อตนเอง เรื่องสถานะความเป็นเซเลปของเธอในคณะ และเรื่องความขัดแย้งกับอาจารย์ทั้งหลายที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
กอล์ฟนั่งคุยกับมิ้มต่อไปอีกสักพักหนึ่งอย่างเป็นกันเอง เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ... แล้วการพูดคุยก็เสร็จสิ้นลง
"........ น่าสงสารพี่อามีนะห์จริงๆนะครับ ไม่น่าเลยจริงๆ... โอเคครับ พี่มิ้ม...
เดี๋ยวกลางวันนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่ละกัน มีที่ไหนที่พี่ไปกินได้บ้างครับ ?"
****************
หลังจากที่ใหม่หายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ได้มาอยู่เคียงข้างกอล์ฟคู่หูคู่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธออีกครั้งหนึ่ง เธอได้ฟังเรื่องที่มิ้มเล่าต่อจากกอล์ฟ
ที่ม้านั่งชุดประจำ...
"น่าสงสารพี่เค้าจัง ถ้าเจออีกคงหายกลัวแล้วล่ะ หวังว่างั้นนะ... แต่จะไปหาภาพของพี่เค้าได้จากที่ไหนล่ะ
มันหลายปีมาแล้วนะ... ป่านนี้โดนทิ้งไปแล้วมั้ง"
"ถ้าพี่เค้ามีฝีมือขนาดนั้น ฉันว่าภาพคงยังไม่ถูกทิ้งหรอก คงอยู่ที่ไหนซักแห่งในคณะนี่แหละ"
"งั้น... อาจจะโดนเอาไปขายแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้... ถ้าภาพสวยนะ"
กอล์ฟนิ่งไปและแสดงท่าทางครุ่นคิดอยู่... อาจจะจริงอย่างที่ใหม่พูด เพราะผลงานศิลปะนั้น จะมีราคาดี ถ้าผลงานนั้นสวยงามและดูมีคุณค่า การถูกนำไปขายและได้ออกไปสู่สายตาชาวโลกนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น
"จริงด้วย ! ... นี่ กอล์ฟ... มีอาจารย์คนนึง เค้าชอบคัดเอาภาพดีๆสวยๆที่เก็บทิ้งไว้
ของพวกนักศึกษาที่เรียนจบแล้วไปขายเอาเงินเข้าคณะ... ลองไปถามเค้ามั้ย ?"
"อาจารย์อะไรเหรอ ?"
"อาจารย์เจซี่ เค้าสอนวิชาจิตรกรรมของพวกปีสี่ อาจารย์ประจำชั้นของพวกพี่รหัสฉันเอง"
ที่ห้องพักอาจารย์ ซึ่งบัดนี้หลอดไฟทั้งหลายในห้องได้รับการซ่อมแซมแล้ว...
"ภาพของอามีนะห์ยังอยู่ อาจารย์เก็บไว้อย่างดีเลย... เธอจะดูภาพของเค้าจริงน่ะ ? ไม่กลัวเฮี้ยนเหรอ ?"
อาจารย์เจซี่ สาวใหญ่วัยกลางคนแต่รูปร่างหน้าตายังสวย งามระหงส์ แต่งกายแหวกแนว มีทรงผมและการแต่งหน้ารวมทั้งเครื่องประดับต่างๆออกสไตล์โกธิค มีลุ๊คดุจแม่มดไสยดำ ถามกอล์ฟกับใหม่ยิ้มนิดๆอย่างน่ากลัว พลางจิบกาแฟที่ชงเข้มจัดของเธอเข้าไปอึกสุดท้าย
"จ... จริงครับ... คือ... ผมอยากชมน่ะ... เพราะได้ยินว่าพี่เค้าเก่งมากๆ"
"หึ หึ... คนสถานะเดียวกันอยากเห็นผลงานของกันและกัน อาร์ทดีจริงๆ... ได้สิ ถ้าไม่กลัวก็ตามมา"
กอล์ฟกับใหม่ เดินตามอาจารย์เจซี่ผู้มีอินเนอร์ที่ล้ำลึกจนแสดงออกมาผ่านสีหน้าท่าทาง ทำเอากอล์ฟกับใหม่ มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหวาดแระแวงในตัวอาจารย์คนนี้นิดๆ พวกอาจารย์ที่สอนปีสุดท้ายในคณะทุกคน มีแต่คนแปลกๆ อินเนอร์จัด แต่ละคนต่างก็มีเอกลักษ์เป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน จนบางทีทำเอาพวกนักศึกษาหัวอ่อนที่มาเรียนด้วยกลัวไปเลย
"เอ่อ... อาจารย์คะ... ไม่ใช่ที่ห้องเก็บภาพเหรอคะ ?"
ใหม่ถามขึ้น เมื่ออาจารย์เจซี่ผู้เดินนำ ไม่ได้เดินมุ่งไปยังห้องเก็บภาพ แต่นำไปที่อื่น เดินขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของตึก... ในใจลึกๆของใหม่เองก็รู้สึกโล่งอกที่ไม่ใช่ที่นั่น
"ห้องนั้นเป็นห้องเก็บภาพธรรมดาๆจ้ะ ... อาจารย์จะพาพวกเธอไปที่ห้องที่เก็บภาพ
ของพวกที่เป็นศิลปินขนานแท้เท่านั้น"
กอล์ฟฟังคำนั้นของอาจารย์เจซี่แล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที คิดในใจว่า ในคณะที่เขาเรียนอยู่มาตั้งสองปีนั้น ยังมีอะไรที่เขาไม่เคยได้รู้อยู่อีกงั้นหรือ ?
แล้วอาจารย์เจซี่ก็พาทั้งสองคู่ใจมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งบานประตูอันใหญ่มีสีลอกลงเกลื่อนกล่นทั้งสองบานถูกล็อคด้วยแม่กุญแจใหญ่ที่มีสนิมเขรอะแต่ยังใช้การได้ เป็นห้องที่อยู่ริมบันใดทางขึ้นไปที่ดาดฟ้าของตึก
"อ้าว.. ห้องนี้เองเหรอครับ ? ผมผ่านมาทีไรก็เห็นปิดไว้แบบนี้ตลอดเลย"
"เธอผ่านมาเหรอ ?... ขึ้นมาบ่อยล่ะสิ มาทำอะไรล่ะ ?"
"ผมชอบขึ้นมาสเก็ทซ์ภาพบนดาดฟ้าน่ะครับ มันสงบดี"
"อ้อ... อืม... สมกับเป็นเธอจริงๆ ดีแล้วที่เธอขยันทำในสิ่งที่เธอชอบ... ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว
เดี๋ยวก็กลายเป็นที่จู๋จี๋กันแน่ๆ... หึ หึ หึ หึ หึ หึ"
อาจารย์เจซี่ว่าแล้วก็ยิ้มตาน้อยตาใหญ่ หัวเราะเบาๆอย่างมีเลศนัย พลางเลียริมฝีปากบนที่ทาลิปสติกสีม่วงเข้มเบาๆแผล็บหนึ่ง สีหน้าท่าทางอันนั้นของเธอ ทำเอากอล์ฟกับใหม่ขนลุก ใจคอเริ่มไม่ดี ตาโตคิ้วเลิก ปากเหวอ มองหน้ากัน รู้สึกกันว่าอาจารย์คนนี้มีอะไรแปลกๆอยู่ตัว... แล้วห้องก็ถูกเปิดออก กลิ่นสีน้ำมันที่แซมไปด้วยกลิ่นอับอันบ่งบอกว่าห้องไม่ได้เปิดมานานก็โชยออกมา อาจารย์เจซี่เข้าไปเปิดสวิทซ์ไฟในห้อง โบกมือมือทำท่าเชื้อเชิญ
"ขอต้อนรับพวกเธอทั้งสอง... เข้าสู่ห้องภาพศิลป์ของแท้ของคณะ"
. ในห้องอันกว้างอย่างโอ่โถงสีขาวสวยงามเรียบร้อยดุจวิหารกรีกโบราณนั้น มีกำแพงไม้อัดทาสีขาวดูสะอาดตาไม่แพ้ตัวห้องที่ตั้งอยู่อย่างคดเคี้ยวเลี้ยวลดดุจเขาวงกต ประดับประดาไปด้วยภาพที่ดูงดงามมีชีวิตชีวากว่าบรรดาภาพที่เก็บไว้ในห้องเก็บภาพสยองขวัญนั้น เป็นภาพระดับมืออาชีพชั้นสูง หลายๆภาพสวยงามสมจริงเสียเกือบจะเป็นเหมือนภาพถ่าย มีทั้งแบบสี แบบขาวดำ และแบบซีเปีย บางภาพนั้นดูเหมือนเป็นภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ แต่ความไม่เสร็จอันนั้น ศิลปินผู้วาดได้ตั้งใจปล่อยไว้ เพื่อสื่อความหมายอันล้ำลึกบางอย่างอันเป็นนามธรรมที่คนไม่เข้าใจในศิลปะไม่สามารถเข้าถึงได้
สิ่งเหล่านี้ทำเอากอล์ฟที่ได้ชมภาพ ตัวสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ ได้เป็นเหมือนตัวเขากำลังจมดิ่งลงไปในห้วงจินตนาการอันกว้างใหญ่และสวยงามดุจสวรรค์ มีพลังสร้างแรงบันดาลใจให้อย่างแรงกล้า ในขณะที่ใหม่นั้นเพียงแต่ออกอาการเหวอนิดๆเท่านั้น
"น... นี่... เป็นของผลงานของรุ่นพี่ที่จบไปเหรอครับ ?"
"ใช่แล้ว... รุ่นพี่ของพวกเธอหลายคนได้เป็นศิลปินในวงการจิตรกรรม ดังระดับประเทศเลยนะ...
อย่างคนที่เด่นๆคนนึง เธอรู้จักศิลปินดังที่มีชื่อฉายาว่า มาซี่ มั้ยล่ะ ? น่าจะรู้จักนะ มาซี่เค้าออกทีวีบ่อย...
เรียนจบไปจากที่นี่เหมือนกันแหละ"
"ค... คุณมาซี่ก็จบจากที่นี่เหรอคะ ?....สุดยอดเลย....."
ใหม่ทึ่งกับข้อมูลที่อาจารย์เจซี่บอกเล่ามา เธอรู้จักมาซี่เพียงเพราะมาซี่นั้น เธอมีลุ๊คแนวทอมบอยและออกไปในทางสไตล์ร็อคเกอร์ที่เร่าร้อนเท่านั้น
กอล์ฟเองก็รู้สึกทึ่งไม่แพ้ใหม่... เขานึกถึงอามีนะห์ และคิดว่าผลงานของเธอจะทำให้เขาไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะภาพของเธอนั้น ถูกอาจารย์ลุ๊คแม่มดไสยดำคนนี้เก็บไว้ในห้องอันทรงเกียรตินี้ แม้ภาพวาดของอามีนะห์จะได้ชื่อว่าไม่ผ่านก็ตาม
"ที่จริงมันมีภาพที่โดนตัดสินว่าไม่ผ่านการพิจารณารวมอยู่ในนี้ด้วยนะ แต่อาจารย์เอามารวมไว้ที่นี่
เพราะดูแล้วมันมีความเป็นศิลปะใช่ย่อยอยู่ ภาพของอามีนะห์นี่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น... อย่างน้อยก็ดีกว่าภาพ
ที่อยู่ในห้องเก็บภาพผีสิงข้างล่างนั่น ภาพพวกนั้นสวยงามดีก็จริงอยู่ แต่ดูแล้วจืดชืด ไม่มีรสชาติ
ไม่มีจิตวิญญาณเท่าที่ควร เป็นได้แค่ของซื้อของขายเพื่อความพอใจระดับหยาบๆ ทั่วๆไปเท่านั้นแหละ...
นี่ ขอบอกตรงๆเลยนะ คนที่เข้ามาเป็นอาจารย์ในคณะ เดี๋ยวนี้เข้ามาเพื่อมาหากินกันเฉยๆ
ไม่ได้เห็นคุณค่าอะไรกับศิลปะกันจริงๆหรอก พวกนักศึกษารุ่นใหม่ๆเลยพลอยเป็นอย่างนั้นไปด้วย
พวกอาจารย์หนุ่มๆที่เคยเป็นนักศึกษาพวกนั้นแล้วได้มาทำงานที่นี่ เลยสืบต่อวงจรแย่ๆที่บ่อนทำลายคณะต่อไปอีก...
เฮ้อ... เดี๋ยวนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปในทางลบไปซะหมด น่าเสียดาย"
กอล์ฟได้ฟังเรื่องราวของคณะที่เขากำลังเรียนอยู่อันเป็นเหตุปัจจัยในความตายของอามีนะห์จากอาจารย์ ประกอบกับเรื่องราวในชีวิตการศึกษาที่ดำเนินไปอย่างปากกัดตีนถีบของอามีนะห์ที่ได้รับการบอกเล่าจากมิ้มแล้ว ทุกๆอย่างก็กระจ่าง ทะลุปรุโปร่ง... คิดว่าในใจว่า หากเป็นเขาแล้ว เขาคงมีสภาพอย่างเดียวกันกับอามีนะห์รุ่นพี่ผู้โชคร้ายและน่าสงสารแน่นอน
"เอาล่ะ พวกเธอ พอสมควรแล้ว... มาเถอะ มาดูภาพของอามีนะห์กัน"
อาจารย์เจซี่นำกอล์ฟกับใหม่ไปยังมุมมุมหนึ่งของพื้นที่แสดงภาพ แล้วชี้นิ้วไปที่ภาพขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง ที่ถูกใส่กรอบสีทองมีลายสลักอันวิจิตร ประดับติดอยู่บนผนังอย่างสง่างาม ดูเด่นกว่าภาพข้างๆ ทำเอากอล์ฟกับใหม่ตะลึงงัน
"นี่แหละ ภาพของอามีนะห์ล่ะ... เป็นไง ?"
ภาพของอามีนะห์นั้น เป็นภาพผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสวยงามแบบตะวันออกกลางคนหนึ่ง วาดเต็มตัว เธอมีผิวสีแทนน้ำผึ้ง แต่งกายชุดเต้นระบำแบบโชว์สะดือของชาวอาหรับอันงดงามมากไปด้วยสีสัน ประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำเหลืองอร่าม กำลังแสดงการเต้นระบำแบบนางระบำอาหรับอยู่คนเดียวบนเนินทะเลทรายอันแห้งแล้งและเวิ้งว้างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีใครหรือแม้แต่สัตว์ชนิดใดอยู่รอบๆ มีแต่ตัวเธอและทะเลทรายเท่านั้น ใบหน้าของเธอแต่งหน้าเข้มสวยงามแบบชาวอาหรับ แต่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม สีหน้าโศกเศร้า ทั้งหน้าตาและเนื้อตัวมันวาวมีเหงื่อไหลชุ่ม จนเส้นผมส่วนหนึ่งที่ย้อยลงมาที่หน้าผากของเธอดูเปียก
กอล์ฟนิ่งงัน พิจารณาภาพสีหน้าเขร่งขรึม... แต่แล้วครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มกำมือจนแน่นอย่างไม่รู้ตัว ตัวสั่นเกร็ง ใบหน้ามีน้ำตาซึมออกมาจากตา หน้าแดงก่ำ พยายามข่มความอยากร้องไห้
"...ลึกซึ่ง.... ลึกซึ้งจริงๆ... ลึกซึ่งอะไรแบบนี้..." กอล์ฟพึมพำเสียงสั่นในลำคอ แต่คนอื่นได้ยิน
อาจารย์เจซี่กอดอกหลับตายิ้มอย่างพอใจ ส่วนใหม่เดินเข้าไปกอดแขนของกอล์ฟ มีสีหน้าหวาดหวั่น รู้สึกเป็นห่วงกอล์ฟ
".... อามีนะห์น่ะ เป็นศิลปินที่มีฝีมือเข้าขั้นอัจฉริยะเลยนะ... เพียงแต่ความหมายของเค้าลึกไปหน่อย
อาจารย์ยังดูไม่ออก ว่าเค้าต้องการสื่ออะไรกันแน่... แต่มันท้าทายดี ท้าให้ตีความหมายให้ได้"
".....แต่... ผมว่าผมรู้ความหมายแล้วครับ อาจารย์... "
"เหรอ ?... ไหนเธอลองบอกมาซิ"
"คือ มันเป็นเรื่องราวชีวิตของพี่เค้าน่ะครับ พี่เค้าพยายามจะถ่ายทอดมันออกมาผ่านภาพ... แต่ไม่มีใครเข้าใจ"
แล้วกอล์ฟก็เล่าเรื่องราวของอามีนะห์ตามที่มิ้มเล่าให้เขาฟัง ตั้งแต่ชีวิตสมัยตอนเธอเป็นวัยรุ่นที่พ่อแม่ของเธอเอาแต่ทำกิจการครอบครัวและมีความคิดทางศาสนาที่เคร่งครัดเข้มงวด ไม่สนับสนุนแววความเป็นศิลปินของเธอเลย จนถึงตอนที่เข้าเรียนในมหาลัยและมีชีวิตการศึกษาที่ดำเนินไปอย่างปากกัดตีนถีบ ซ้ำยังมีสงครามทางความคิดกับพวกอาจารย์ ทวีคูณความเครียดในชีวิตการศึกษาเข้าไปอีก
อาจารย์เจซี่ฟังคำบอกเล่านั้นแล้ว แขนและมือของเธอก็เริ่มคลายออกจากอก สีหน้าที่ดูสวยขรึมของเธอ เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ค่อยดี มีความโศกสลดใจ
"แล้วก็...ผมมองภาพได้ แบบนี้ครับ... ผู้หญิงแขกที่กำลังเต้นคนเดียวในภาพนั้น เป็นตัวพี่เค้าเอง
ทะเลทรายที่ว่างเปล่าแล้วก็ร้อนแห้งในภาพนั้น แทนความรู้สึกที่มีต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวพี่เค้า
สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น รู้สึกโดดเดี่ยว ไร้การสนับสนุนจากพ่อแม่... แล้วอาการที่ผู้หญิงคนนี้เต้น
มีน้ำตาและเหงื่อไหลอาบร่างกาย แทนความลำบากที่พี่เค้าต้องดิ้นรนตรากตรำพึ่งตนเองเพื่อความอยู่รอด
ต้องหางานทำและส่งตัวเองเรียน ต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆทั้งในชีวิตการศึกษาและชีวิตการทำงาน
ซึ่งเป็นอะไรที่หนักมากๆ... แล้วพี่เค้าก็วาดรูปนี้ตอนกลางวันในช่วงถือศีลอด ท้องหิว กำลังมีความลำบาก
ทำให้พี่เค้าใส่พลังจิตวิญญาณความรู้สึกให้กับภาพได้มากเป็นพิเศษ ตามหลักการสร้างอารมณ์ก่อนวาด
ที่ศิลปินเก่งๆทั้งหลายไม่มองข้าม... นี่คือที่มาของภาพครับ... พี่เค้าแค่ต้องการจะเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
ผ่านภาพเท่านั้นเอง... แต่โชคไม่ดีตรงที่ คนอื่นที่ไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจพี่เค้า จะมองความหมายของภาพไม่ออกเลย...
คงเป็นเพราะอินเนอร์หรือความมีโลกส่วนตัวของพี่เค้า สูงเกินพอดีไปหน่อย"
อาจารย์เจซี่ได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงหันไปมองดูภาพของอามีนะห์ แล้วนิ่งพิจารณาดูอีกรอบหนึ่งในรอบหลายปี แล้วสักพักก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมอก เริ่มมีน้ำตาคลอ และไหลหยดลงมา ไม่เหลือเค้าของลุ๊คแม่มดไสยดำผู้มีอำนาจเลย
"........... แบบนี้นี่เอง... อามีนะห์... ลูกเอ๊ย... ลูกมีปัญหา ทำไมไม่มาบอกอาจารย์แม่... ไม่น่าเลย...
อาจารย์แม่ขอโทษ..."
แล้วอาจารย์เจซี่ก็เดินเซเข้าไปที่ภาพของอามีนะห์ มือทั้งสองจับที่ขอบภาพ ซบหน้าแนบภาพ ร่ำให้บ่นเพ้อออกมาอย่างหนัก บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างลึกซึ่งระหว่างอาจารย์และศิษย์ ที่เหมือนเป็นแม่กับลูก อาการนั้นของเธอสร้างความสลดใจแก่กอล์ฟกับใหม่อย่างยิ่ง... อาจารย์เจซี่นั้น เป็นหญิงหมัน ถูกสามีหย่า แต่เธออยากมีลูก จึงกระทำให้อามีนะห์กลายเป็นลูกในความรู้สึกของเธอ เธออยู่ข้างอามีนะห์มาตลอดตอนที่อามีนะห์ก่อการประท้วงความไม่เป็นธรรมขึ้นในคณะสมัยเมื่อสามสี่ปีก่อนจนเธอชนะ กลายเป็นไอดอลของพวกนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ที่รักความยุติธรรม
และแล้ว... ประตูห้องแสดงภาพนั้น ก็ได้พับเข้ามาเบาๆ ปิดล็อคของมันเอง ไฟทั่วห้องเริ่มกระพริบ ออกอาการติดๆดับๆอย่างหนัก หรี่ลดลงจนถึงระดับแค่สลัวๆ บรรยากาศเริ่มน่าอึดอัดและหนักขึ้น กลิ่นเหม็นดุจซากศพเริ่มอบอวล ความสยองขวัญอันคุ้นเคยเกิดขึ้นแก่กอล์ฟกับใหม่อย่างหนัก จนทั้งคู่เข้ากอดกันแน่น ครางกันเสียงสั่น สีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัวอยู่เต็มที่ แต่อาจารย์เจซี่ก็ยังคงกอดภาพร้องไห้ต่อไปอย่างไม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมที่น่ากลัวสุดขีดนี้
"แม่จ๋าาาาา....." เสียงของอามีนะอันเย็นน่าขนลุกดังก้องขึ้นในห้อง แต่น้ำเสียงเป็นมิตร
"อามีนะห์ .. ?... อามีนะห์ลูกแม่... นั่นลูกใช่มั้ย ?" อาจารย์เจซี่ผละจากภาพ หันขึ้นมองหาลูกศิษย์สุดรักของเธอทั้งน้ำตา
วิญญาณของอามีนะห์ค่อยๆปรากฏขึ้น มาอยู่ข้างๆอาจารย์เจซี่ เธอมีสภาพที่น่ากลัวเช่นเคย
"แม่จ๋าาาา..." อามีนะห์เรียกอาจารย์แม่ของเธอซ้ำ
"....อามีนะห์ลูกแม่ ! .. โฮ โฮ !!... ฮือ ฮือ ฮืออออ !!"
กอล์ฟกับใหม่กำลังกอดกันแน่น ตัวสั่น ตาเบิกโพลง โดยเฉพาะใหม่นั้น ปลายผมได้ตั้งชี้ขึ้น ทั้งคู่มองดูอาจารย์เจซี่โผเข้ากอดจูบร่างผีอันน่ากลัวสยดสยองมีกลิ่นเหม็นเน่าของอามีนะห์เป็นการใหญ่พลางร้องไห้โฮอย่างหนัก ไม่สะอิดสะเอียนหรือกลัวเลยแม้แต่นิด
"แม่ขอโทษ ลูกจ๋า ...ฮือ ฮือ ฮือ แม่ขอโทษ..... แม่มันโง่เอง ที่ไม่เข้าใจภาพของลูก..."
อาจารย์เจซี่กอดอามีนะห์ เอาใบหน้าที่มีน้ำตาไหลไม่หยุดของเธอเกลือกกลั้วไปตามไหล่ของลูกศิษย์ผีสาวผู้ที่เธอรักเหมือนเป็นลูกในใส้... อามีนะห์ที่กำลังยืนนิ่งตรง เอามือลูบหลังของอาจารย์เจซี่อย่างช้าๆและเป็นมิตร
"แม่จ๋าาา... ช่างเถออะะะ... ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วววว...ว่าทำไมมมม ภาพวาดของหนนนนู....ถึงไม่ผ่าาานนนน....
หนูคิดถึงเรื่องของตัวหนูเองมากไปหน่อยยยยย..."
แล้วร่างผีที่แต่งกายเซอร์ๆปอนๆแบบนักศึกษาศิลป์ของอามีนะห์ ก็กลับกลายเป็นสาวนักศึกษาที่แต่งตัวเต็มยศ ชุดยาวกระโปรงกรอมเท้าและมีผ้าฮิญาบสีขาวโพกหัวแบบนักศึกษาหญิงที่เป็นมุสลิม เนื้อตัวใสสะอาด ผิวสีแทนน้ำผึ้ง แต่งหน้าเรียบร้อยพองาม หน้าตาสดใสเหมือนสมัยตอนที่เธอยังมีชีวิต กลิ่นเหม็นเน่าหายไปกลายเป็นกลิ่นหอมแบบกลิ่นมิ้นต์ซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอชอบ ในมือของเธอถือม้วนใบสำคัญใบใหญ่สีทองเหลืองอร่ามอยู่ใบหนึ่ง ตอนนี้อามีนะห์ได้เป็นเหมือนกับเธอจบการศึกษาแล้ว
"แม่จ๋าาา .... ตอนนี้หนูต้องไปแล้วล่ะะะ... อย่าอาลัยในตัวหนูเลยยย ความทุกข์จะกัดกร่อนจิตใจของแม่ไปเปล่าเปล่าาา...
หนูขอบคุณที่แม่อยู่ข้างหนูมาตลอดนะจ๊ะะะะ..."
แล้วอามีนะห์ก็ค่อยๆหันมาหากอล์ฟ ซึ่งบัดนี้ได้คลายความกลัวลงไปได้บ้างแล้ว
"น้องกอล์ฟฟฟฟ.... ขอบใจมากจ้ะะะ.... ที่ช่วยตัดสินภาพให้พพพพี่..... ตอนนี้พี่พอใจแล้วววว....
เธอคนนั้นน่ะะะ ชื่อใหม่ใช่มั้ยยยย ?.... รักแฟนของเธอให้มากๆนะะะะ... รู้มั้ยยยย ?..... ขอสันติจงมีแด่ทุกคนนนน...."
แล้วทั้งกอล์ฟกับใหม่ และอาจารย์เจซี่ ก็ได้เห็นเทวดาในศาสนาอิสลาม ปรากฏขึ้นมาสององค์ทำให้ห้องสว่างไสว พากันจูงอามีนะห์ขึ้นไปบนอากาศด้วยใบหน้าที่ยิ้มแสดงความยินดีเต็มที่ หายไปกับแสงสีทองที่เรืองรองอยู่บนเพดานห้องอันสูง สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งบอกได้ว่า แท้จริงแล้ว อามีนะห์นั้นเป็นคนดี ไม่ได้เป็นอย่างลักษณะทางกายภาพภายนอกของเธอสมัยที่ยังมีชีวิตเลย กรณีที่ชัดเจนที่สุดคือ เธอต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
. ไฟในห้องสว่างขึ้นมาเป็นปกติ... อาจารย์เจซี่นั้น เธอไม่สามารถอดกลั้นความเศร้าโศกเพราะการจากไปของอามีนะห์ได้ จึงร่ำไห้จนเป็นลมล้มพับไป กอล์ฟกับใหม่ต้องช่วยกันดูแล นำเธอไปที่ห้องพยาบาลที่มีอยู่ในตึกคณะ... จากนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ได้เผยแพร่ไปทั่วทั้งคณะ จนกระทั่งไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย และภายหลังก็ได้กลายเป็นข่าวลือสยองขวัญยอดฮิตให้แก่มหาวิทยาลัยอื่นๆ
****************
กอล์ฟกับใหม่ คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ขับรถเก๋งสีครีมคันหรูพากันท่องเที่ยวฮันนีมูนไปในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย ทั้งคู่มีอาชีพเป็นอาจารย์ที่สอนวิชาจิตรกรรมในมหาวิทยาลัยที่ตนเรียนจบ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักศึกษารุ่นใหม่ๆ จนคณะศิลปศาตร์โดยเฉพาะสาขาจิตรกรรมที่เคยเงียบเหงาราวกับป่าช้าไปช่วงเวลาหนึ่ง กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ได้เกิดมีนักศึกษาหัวกระทิของสาขาจิตรกรรมที่ออกแววจะได้เป็นศิลปินดังระดับประเทศขึ้นมามากมาย
จังหวัดสุราษฎ์ธานี... ร้านอาหารกลางแจ้งใกล้ชายหาดแห่งหนึ่ง ที่ตั้งตกแต่งแบบสไตล์เมืองร้อน มีแสงเทียนยามค่ำบนโต๊ะอาหาร ดูสวยงามโรแมนติก
"ดูสิ... มีแต่ฝรั่งเนอะ ที่นี่อ่ะ" ใหม่เอ่ยขึ้นหลังจากมองสภาพแวดล้อมไปรอบๆโต๊ะอาหาร
"ฮะ ฮะ... แกก็ลูกครึ่งฝรั่งนี่นา ดูหน้าสิ ไทยซะเมื่อไหร่เล่า แต่งตัวก็ฝรั่งจ๋าเลย" กอล์ฟแซวใหม่ ภรรยาลูกครึ่งอเมริกันของเขา
"แหม... แต่ฉันพูดอังกฤษไม่ได้นี่"
แล้วก็มีคนเสริฟอาหาร แบกถาดอาหารทะเลที่กอล์ฟกับใหม่สั่งไว้ ค่อยๆเข้ามาเสริฟที่โต๊ะ ทั้งคู่สามีภรรยาเริ่มกินอาหารกัน
"เฮ้อ... นึกถึงเรื่องสมัยก่อนจริงๆ... ผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้" ใหม่พูดพลางใช้ส้อมจิ้มกุ้งชุบแป้งทอด
"นั่นน่ะสิ... ชีวิตคนเราน่ะ มีอะไรเข้ามา แล้วมันก็ผ่านไปแบบนั้นแหละ... ทุกอย่างในโลกนี้น่ะ
ไม่ใช่ของเที่ยง...ไม่มีอะไรหยุดอยู่กับที่ รึเป็นอยู่ของมันแบบนั้นตลอดไปหรอก...
ขนาดอาจารย์เจซี่ยังไปเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามแล้วทิ้งชีวิตศิลปินไปทำอย่างอื่นเลย...
เราต้องมีสติรู้ทันความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ แล้วปะคับปะคองชีวิตของเรา
ให้ไปในทางที่เจริญให้ได้ อย่าประมาท... หวังว่าพี่อามีนะห์คงจะสบายดีอยู่บนโน้นนะ"
"...เอเมน..."
ใหม่พึมพำขึ้นมาเบาๆ แล้วเอากุ้งตัวที่สองเข้าปาก... อาจารย์ศิลปะคู่สามีภรรยา มีความสุขยามราตรีไปกับอาหารทะเลที่แสนอร่อย
ตึกคณะศิลปศาสตร์ เวลาเดียวกัน... ในห้องพักอาจารย์...
"แกวาดภาพออกแนวลามกเห็นได้ชัดแบบนั้นมันก็ไม่ผ่านน่ะสิวะ... สมควรแล้ว... อย่ามาทำตีโพยตีพายไปหน่อยเลย"
นักศึกษาคนหนึ่งปรามเพื่อนคู่หูมีนิสัยแอบจิตของเขา ที่บ่นว่าทำไมภาพวาดของตนจึงไม่ผ่าน
"ลามกตรงไหนวะ ศิลป์ดีจะตาย... ภาพแบบนี้มีแต่คนชอบกันทั้งนั้นแหละ รึไม่จริง ?...
อาจารย์บ้านั่นทำเก๊กเป็นพ่อพระเฉยๆ แต่สั่นเป็นเจ้าเข้าสูดปากดังซร้วบๆเลยว่ะ ตอนเห็นภาพของฉันน่ะ"
"ศิลป์รึเสียวกันแน่วะ ?... ฉันว่า แกไปเขียนการ์ตูนโป๊ขายน่าจะเวิร์คกว่าว่ะ ไอ้ทะลึ่ง...
วาดภาพสอบแก้ตัวคราวนี้ แกก็ข่มๆนิสัยลามกของแกลงหน่อยละกัน"
สองคู่หูนักศึกษาศิลป์หยอกล้อเล่นหัวกันหน่อยหนึ่ง แล้วก็แบกภาพที่สวยแต่ไม่ผ่านของตนเดินมุ่งสู่ห้องเก็บภาพของคณะ ภาพของนักศึกษาผู้ลามกนั้น เป็นหญิงสาวเปลือยวาดครึ่งตัว มีผิวขาวอมชมพู หน้าหมวยแบบสาวจีน ไว้ผมทรงซาลาเปาคู่และมีหน้าม้า สวยดูสมจริง เธอกำลังเอาปลายผลกล้วยที่ปอกแล้ว จ่อปากของเธอแลบลิ้นเลียพลางส่งสายตายั่วยุอารมณ์ทางเพศมาที่ผู้ที่ดูภาพ มีลักษะดุจภาพหน้าปกของแผ่นซีดีหนังโป๊เอเชียไม่มีผิด
เดินมาถึงหน้าห้องเก็บภาพ และเมื่อนักศึกษาทั้งสองเปิดประตูเข้าไปเปิดสวิทซ์ไฟในห้อง ไฟในห้องก็เปิดไม่ติด และตามด้วยอาการของหลอดไฟทั้งหลายในทางเดินอาคารชั้นนั้นที่กระพริบติดๆดับๆ
"อ้าว... เฮ้ยๆๆๆ... อะไรวะ...? เกิดบ้าเกิดบออะไรขึ้นเนี่ย ?"
นักศึกษาผู้ลามกสะดุ้ง งงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใจคอเริ่มไม่ดี เพื่อนของเขาเองก็ออกอาการอย่างเดียวกัน... ภาพที่เขาวางพิงไว้ที่ผนังตอนเข้าไปเปิดสวิทซ์ไฟในห้อง หายไป !
"อ้าว... ภาพน้องหมวยสุดเซ็กซี่ของฉันหายไปไหนวะ ? แกเอาเข้าไปเก็บรึยัง ?"
"ยังนี่... แกเอาวางไว้แล้วลืมรึเปล่า ?"
"ไอ้บ้า ! วางไว้ยังไม่ถึงสิบวิ จะลืมได้ยังไง ? ... มีคนมาแกล้งแน่.........
เฮ้ย ! ใครเอาภาพฉันไป เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย !!... อยากได้นักก็จ่ายเงินมาสิวะ !...
500 ขาดตัว ว่าไง !? "
และแล้ว....
"ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ..."
"......... !!!!"
มีเสียงหัวเราะเย็นๆน่าขนลุกของผู้หญิง ดังก้องขึ้นมาในบริเวณนั้น นักศึกษาทั้งคู่สะดุ้ง หน้าซีดเผือด สัมผัสได้ว่า เสียงนั้นไม่ใช่เสียงคน
แล้วเธอก็ปรากฏกายออกมาต่อหน้าสองเกลอผู้เคราะห์ร้าย เป็นผู้หญิงเปลือยเชื้อสายจีนหน้าตาน่ารักที่อยู่ในภาพวาดของนักศึกษาผู้ลามก ผิวของเธอใสสะอาด ขาวอมชมพู... แต่ทว่า... เธอปรากฏเพียงท่อนบนเท่านั้น ลอยอยู่ในอากาศ ดวงตาของเธอขาวโพลนไม่มีตาดำ กำลังแสดงท่าทางยั่วสวาท ในมือถือผลกล้วย แลบลิ้นยาวเฟื๊อย เลียพันไปรอบๆผลกล้วย กระดกยกขึ้นเข้าไปในปากในคำเดียว เคี้ยวกลืนลงคอ ลิ้นอันยาวแลบออกมาเลียปากแผล็บๆ แล้วยิ้มกว้างจนแก้มฉีกถึงใบหู เลือดกระฉูดไหลนองไปจนถึงบ่าและเต้านมอันใหญ่ของเธอทั้งสองข้าง
"เฮียจ๋าาาาาา..... คร้าวนี้วาดของจริงให้อั๊วะหน่อยสสสสสสิ..... แค่กล้วยมันไม่สนุกเลยยยยยย.....
หรืออั๊วะจะไปหาเฮียที่ห้องเองเลยดีมั้ยน้าาาาาา ?......"
"อว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกากกกกกก !!!!!!!!"
****************
( จบบบบบ....บริ....บูรรรรรรณ์..... )
จากพันทิป (นิยาย ผี/วิญญาณ) ห้องเก็บภาพ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3402998 หรือในนาม โรนินโดดเดี่ยว
Post a Comment