ตามมาจากข้างทาง
"ตามมาจากข้างทาง" เรื่องสยองขวัญโดยสมาชิกพันทิปนาม "เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น" โปรดติดตามเรื่องราวของเธอ และขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า อันที่จริงจูดี้พยายามพิมพ์เรื่องนี้อยู่หลายรอบมากเมื่อคืนนี้
แต่ทุกครั้งที่พิมพ์จู่ๆ หน้าเว็บที่ก็จะปิดตัวเองลง หลายครั้งมากค่ะจนโมโห
สงสัยวันนี้จะต้องเอาคอมไปซ่อมแล้วล่ะค่ะ
เรื่องที่จูจะเล่าต่อไปนี้ เป็นหนึ่งในประสบการณ์จริงไม่กี่เรื่องในชีวิตหรอกค่ะ
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นหลังจากจูดี้เรียนจบได้ 4 เดือนค่ะ
ไม่รู้จะพิมพ์ได้ละเอียดเท่าเมื่อคืนหรือเปล่านะ....มาลองอ่านกันดูค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
- ทางกลับบ้าน -
ทุกเช้า จูจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการขับรถจากบ้านไปที่ทำงาน
เส้นทางก็จะมีทั้งถนนในเมืองสี่เลน ถนนทางหลวงแปดเลน
ถนนชนบทที่สองเลนที่สองข้างทางเป็นต้นหญ้า ป่าและภูเขา นานๆทีจะเจอชุมชนสักชุมชนนึง
โดยปกติแล้วทุกๆวันจูจะเดินทางช่วงเวลาที่ยังมีพระอาทิตย์อยู่ (เลิกงานเร็วค่ะ ไม่ต้องอิจฉาเนอะ)
การที่ได้เลิกงานเวลาที่คนเค้ายังไม่เลิกกัน ถนนจะค่อนข้างโล่งมาก ขับรถชิลๆ สบายๆมากค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
- โอที -
เรื่องของเรื่องมันเริ่มต้นจากวันนั้น วันที่เจ้านายขอให้จูอยู่ทำโอที
เจ้านาย: จูซัง....คุณช่วยทำโอทีหน่อยได้ไหมวันนี้ ผมต้องการให้คุณช่วยสแกนเอกสารทั้งหมดนี่ให้หน่อย
ผมต้องการไรท์ใส่ซีดีแล้วส่งกลับญี่ปุ่นพรุ่งนี้เช้า
จู: No problem ค่ะบอส จูจะอยู่ทำจนกว่าจะเสร็จเลยค่ะ
เจ้านาย: รบกวนด้วยนะ
วันนั้นจูอยู่สแกนงานจนเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปสองทุ่มเกือบสามทุ่มแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่จูจะต้องกลับบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน
ช่วงที่กำลังขับรถจากบริเวณนิคม โรงงานเยอะ ไฟทางก็เพียบ จูไม่กลัวหรอกค่ะ
จนกระทั่งเข้าสู่ถนนชนบท..........ไฟทางก็ไม่มี บ้านคนก็ไม่มี เพื่อนร่วมทางก็ไม่มีสักคันที่ไปทางเดียวกัน
มองหน้ามองหลังก็พบแต่ความมืดสนิท...เอาเป็นว่าเปิดเพลงฟังดีกว่าค่ะ
ฟ้า...ถ้าไม่ส่งมา ให้เธอมีใจ ก็บอกกันสักคำเป็นไร.....ว่าเหตุใดต้องมาทำร้ายกัน...
ณ ตอนนั้นการเปิดเพลงให้ดัง ร้องเพลงให้ดังก็เหมือนกับว่าจะช่วยให้จูคลายความกลัวไปได้
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีความคิดนึงแล่นเข้ามาในหัว
"ถ้าเกิดว่าจู่ๆ มีคนวิ่งตัดหน้ารถ รถชนเค้า....แล้วเค้าตาย...เค้าจะตามหลอกเรามั๊ย?"
ยังไม่ทันสิ้นเสียงในหัวดี ก็มีเสียงกระทบกับกระจกรถดัง "เปรี้ยงงงงงง!"
ในตอนนั้นจูมั่นใจว่าจูเองมองหน้าตลอด ไม่มีอะไรพุ่งมาหน้ารถ
ไม่มีใครหรือตัวอะไรตัดผ่านหน้ารถทั้งนั้นแหล่ะ จูมั่นใจมากๆ
แต่ว่าที่กระจกรถเองกลับมีรอยแตกเล็กๆคล้ายๆหินดีดใส่
ด้วยความที่ตรงนั้นเป็นที่มืด จูเลยตัดสินใจที่จะขับรถต่อไปโดยที่ไม่จอด
เพราะตัวจูเองก็กลัวว่าอาจจะเป็นแก๊งปาหินก็เป็นได้
จูขับต่อไปจนถึงบ้าน จูเดินสังเกตรอบๆตัวรถก็ไม่พบรอยชนหรืออะไร
แต่รอยแตกที่กระจก มันชวนให้จูจ้องมองอยู่อย่างนั้น......แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป
--------------------------------------------------------------------------------
- อาการที่แปลกไป -
อยู่มาวันหนึ่ง "แอน" อดีตรูมเมทสมัยเรียนของจูก็โทรมาหา
แอนชวนจูคุยเรื่องโน้นเรื่องก่อนจะวนกลับมาเรื่องของจู
แอน: จู.....ช่วงนี้แกอย่าขับรถเร็วนะ
จู: ขับเร็วอะไรแก ปกติก็ 120 - 160 เองนะ
แอน: นั่นเค้าก็เรียกว่าเร็วไป ขับให้ช้าๆ ตั้งสติทุกครั้งในการขับ อย่าปล่อยให้สติหลุดไปนะ
จู: มีด้วยเหรอวะ ขับรถแล้วสติหลุด อยู่ๆดีมาเตือน แม่บอกให้มาเตือนเค้าเหรอ
แอน: เค้ายังไม่ได้คุยกับแม่แกเลย แต่ว่า.....เอาจริงๆนะ ชั้นเห็นภาพแกรถคว่ำว่ะ
จู: หูย.......มาแรงนะวันนี้
แอน: คือชั้นก็ไม่ได้แช่งแกนะ แต่ภาพมันชัดมากๆเลย แล้วชั้นก็เห็นบ่อยมาก แต่ช่วงนี้จะถี่มากกว่าปกติ
ยังไงก็มีสติเสมอนะ สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ มีสตินะ อย่าขับเร็ว สัญญานะแก
จู: สัญญาก็ได้ ข้าจะไม่ขับเร็ว
แอน: รักแกนะ ดูแลตัวเองด้วย
เค้าว่ากันว่าจิ้งจกทักต้องฟัง แล้วนี่คนทัก...ยิ่งเป็นแอนด้วยแล้ว จูก็ต้องฟังบ้างล่ะค่ะ
หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้กระจกแตกในวันนั้น ทุกครั้งที่จูมองรถ..จูจะรู้สึกแปลกๆกับรถมาก
บางทีก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครนั่งอยู่ในรถ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เหมือนเดิม ตาจูไม่ได้มองเห็นหรอกค่ะ แค่รู้สึกได้
แล้วไอ้ตรงที่กระจกแตกมันก็ช่าง...น่ามองเหลือเกิน ทุกครั้งที่เดินผ่านจูจะเสียเวลามองมันอยู่พักใหญ่
และแล้วอาการจิตหลุดหรือใจลอยก็เกิดขึ้นระหว่างขับรถจริงๆ
จูเชื่อสิ่งที่แอนทัก และจูก็ยินดีปฏิบัติตามที่แอนบอก
จูขับรถช้าลงมากๆ ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ขับเลนซ้าย
แต่วันนั้นขณะที่ขับรถอยู่ จูก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง
"จู!!!!!!!!!!!" เสียงนั้นเหมือนกับเสียงของแอนมากค่ะ
จูตกใจตาเบิกโพลง เหยียบเบรคทันที....
และวันนั้นเองจูก็สังเกตเห็นว่า มือซ้ายของจูไม่ได้อยู่ที่พวงมาลัยรถหรือเกียร์
แต่มือซ้ายของจูกลับไปอยู่ที่ตรงเบาะซ้ายของคนนั่งด้านหน้า มือลูบเบาะอยู่
จูไม่รู้ว่าจูทำแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว
ในทุกๆวันที่ขับรถ จูมักจะจำไม่ได้เลยว่าวันนั้นระหว่างทางมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มาถึงบ้านแล้ว
....และรอยแตกก็ร้าวยาวออกไปทางซ้ายเรื่อย ไปทางคนที่นั่งเบาะหน้า
--------------------------------------------------------------------------------
- เธอไปไหน...ฉันไปด้วย -
จูเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ เพราะทุกครั้งที่หลับตาก็จะฝันเห็นสิ่งที่น่ากลัว ที่เรียกว่าผี
อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนจูไม่กล้าแม้จะหลับตา จูไม่ได้หลับอย่างเต็มที่
ต้องอาศัยคำว่าเผลอหลับไปในการนอนในแต่ละคืน ซึ่งบางคืน..จูก็ไม่หลับเลย
ทุกครั้งที่มีสติตอนขับรถ จูก็จะพบกับสิ่งเดิมๆคือ มือของจูจะอยู่ที่เบาะด้านซ้ายตลอด
ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับจูเลยแม้แต่น้อย.....จูกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจูมาก
คืนวันหนึ่งหลังจากกลับจากสังสรรค์กับเพื่อนๆ จูจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน
จูหันหลังให้กับรถเพื่อที่จะไขประตูเข้าบ้าน...มีบางสิ่งบางอย่างบอกให้จูหันหลังกลับไป
เมื่อหันกลับไปมองที่รถ รอยร้าวของกระจกตอนนี้ได้ร้าวยาวไปถึงด้านหน้าของเบาะหน้าเรียบร้อยแล้ว
และสิ่งที่อยู่ด้านหลังของรอยร้าวของกระจก..คือผู้หญิงคนหนึ่ง .....เธอยิ้มให้จูค่ะ
จูตกใจมากรีบหันกลับแต่ปรากฏว่าสิ่งที่เห็นในบ้านกลับทำให้ช็อคยิ่งกว่า
(ประตูบ้านจูดี้เป็นกระจกใสค่ะ มองจากข้างนอกไปก็เห็นว่าในบ้านมีอะไรบ้าง)
เพื่อนๆคงเคยดูเรื่องปอปผีฟ้าใช่ไหมคะ
มีผู้หญิงยืนรำมือหงิกๆอยู่ในบ้าน ที่ตรงกลางบ้านเลยค่ะ ใส่เสื้อสีเขียวตอง ใส่ชฏาสูง หน้าซีดขาว
สติของจูหลุดไปตั้งแต่เห็นผู้หญิงในรถแล้ว...แล้วมาเจอแบบนี้ที่กลางบ้านอีก
ขอบอกเลยค่ะว่า.....หลังจากเห็นผู้หญิงคนที่อยู่กลางบ้าน จูก็จำอะไรไม่ได้อีกจนกระทั่งตื่นมาในตอนเช้าค่ะ
จูพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ที่กลางบ้าน มีหมอน มีผ้าห่มพร้อม โดยที่แม่ก็นั่งอยู่ไม่ไกล
แม่บอกว่าแม่ได้ยินเสียงล้มตึงดังมากที่ข้างล่าง พอลงมาก็เจอว่าจูนอนสลบอยู่หน้าบ้าน
กุญแจบ้านยังคาอยู่ที่ประตูอยู่เลย แม่ก็เลยคิดว่าจูคงจะเมาหลับไป (ก็ไม่รู้คิดยังไง เพราะก็รู้อยู่ว่าลูกตัวเองไม่แตะแอลกอฮอลเลย)
พอตกบ่ายแอนก็โทรมาหาจูแล้วก็รบเร้าให้จูไปหาที่คอนโดทันที
แอน: จู.......แกมาหาชั้นหน่อยสิ
จู: ไปไมอ่ะ มีไรเหรอ
แอน: เอาน่า.....แกช่วยพาชั้นไปทำธุระหน่อย พอดีรถชั้นเสีย
จู: เหรอ...ได้ๆ
แอน: มาก่อนพระอาทิตย์ตกดินนะ
จู: แต่นี่มันสี่โมงแล้วนะ
แอน: เออ ออกมาเลยแล้วกัน....แล้วก็ขอตลับที่ชั้นฝากแม่แกไว้เมื่อวานอ่ะ เอาติดรถมาด้วยนะ
จู: เหรอๆ...ได้ เดี๋ยวเอาไปด้วย
--------------------------------------------------------------------------------
- มากับใคร -
จูบึ่งรถออกจากบ้านก็พุ่งตรงไปยังคอนโดของแอนทันที
ด้วยความที่ขี้เกียจจอดรถในช่องแคบๆที่คอนโดจัดไว้
จูจึงเอารถไปจอดที่ลานกว้างๆข้างๆคอนโดของแอน
จอดเสร็จ ล็อครถ ก็จะรีบขึ้นไปหาแอนที่ชั้น 5 ทันที
"เอ้านี่แก....ตลับแก ชั้นวางไว้หน้าทีวีนะ"
"ขอบใจ"
ตอนนั้นแอนยังคงแต่งตัวไม่เสร็จยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เลย
จูก็เลยนั่งเล่น มองไปรอบๆห้องของแอน แล้วก็คุยกับแอนไปเรื่อยๆ
แอน: ตกใจมากเลยเหรอเมื่อคืน
จู: เรื่องไรวะ
แอน: เจอผีมาไม่ใช่เหรอ
จู: รู้ด้วย? ถามจริงแกเป็นคนปะเนี่ย
แอน: คนสิ แต่เป็นคนสวยมาก 5555+
ไม่ขำ? เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
แอนกำลังเอื้อมมือจะไปปิดหน้าต่างห้องนอน แต่แล้วแอนก็มองลงไปเห็นรถจูที่จอดอยู่ที่ลาน
แอน: แกเอารถจอดไว้ไหนอ่ะ
จู: ที่ลานกว้างๆข้างหอแกไง
แอน: สีดำ?
จู: เออ ก็มีจอดอยู่คันเดียวปะวะ
แอน: แล้วแกพาใครมาด้วย?
จู: ......................................................................... เค้ามาคนเดียว
แอน: ไม่ใช่อ่ะ มีผู้หญิงมาด้วย นั่งหน้า นั่งอยู่ในรถ เนี่ยเค้ายังมองขึ้นมาอยู่เลย
มองเหมือนคนรีบอ่ะ ว่าเมื่อไหร่แกจะลงไป
จู: เจอแกทีไร น่ากลัวทุกทีเลยว่ะ
แอน: จริงๆ ชั้นไม่ได้พูดเล่นนะแก เหมือนเค้าไม่ค่อยพอใจเลยว่ะ
จู: เอางี้แกอยากฟังเรื่องผีที่ชั้นเจอเมื่อคืนมั๊ย?
แอน: อ่ะเล่ามา...
จู: เมื่อคืนชั้นเห็นผู้หญิงนั่งอยู่ในรถ ...... แต่ชั้นมั่นใจว่าไม่ได้พาใครกลับมาด้วยนะ
แอน: อ่อ คนนั้น
จู: แล้วยังมีผีเหมือนผีนางรำใส่เสื้อสีเขียวๆ ชฏาสูงๆอีกนะแก เหมือนเจ้หมวยเรื่องปอบผีฟ้าเลย
แอน: อ่อ...เจอกันแล้ว ญาติชั้นเอง
จู: ห๊ะ?
แอน: ญาติชั้นเอง....ก็ตลับที่ชั้นฝากแม่แกไว้เมื่อวานไง ที่ชั้นฝากไว้ให้แก เค้าเป็นญาติผู้ใหญ่ชั้นเอง เค้าเป็นผีฟ้า
จู: เหอะๆๆ แล้วแกเอามาให้ชั้นทำไม
แอน: ก็คนที่มาในรถอ่ะ เค้ามาไม่ดีไงแก ชั้นเลยฝากตลับไว้ แล้วก็หลอกแกมาวันนี้ไง ชั้นขอให้ท่านคุ้มครองแก
ขอให้แกอย่าได้เกิดอุบัติเหตุก่อนที่ชั้นจะพาแกไปที่ที่นึง
จู: เออ.....น่ากลัวดีแท้ ว่าแต่วันนี้จะพาไปไหน?
แอน: พาไปหาครูชั้น ...เสร็จแล้ว ไปเลยแล้วกัน
พอเราลงมาที่ชั้นล่างมาที่รถ จูขึ้นมานั่งยังเบาะคนขับแล้ว แต่เมื่อแอนเปิดประตูหน้าปุ๊บ แอนมองเข้ามาแล้วก็ปิดทันที
แอนไปเปิดประตูหลังแล้วนั่งข้างหลังแทน
จู: อ้าว ไมไม่นั่งหน้า
แอน: เค้าไม่ให้นั่ง เค้าบอกว่าที่ของเค้าอย่ามายุ่ง
จู: อ้าวแล้วแกจะทิ้งชั้นไว้ให้นั่งกับ........................ไม่เอาอ่ะ
แอน: เอาน่ะ แกรีบขับรถไปตามทางที่ชั้นบอกละกัน
- คนละโลก -
ระหว่างทางที่ขับมานั้นจูมีอาการปวดหัวมากๆ เหมือนใครมาบีบหัว
มีความรู้สึกไม่อยากไปเจอ ไม่อยากไป อยากกลับบ้าน
แต่ระหว่างทาง แอนก็คอยเรียกจูตลอดเวลา บอกให้จูมีสติ
จนสุดท้ายแล้วเราก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งอยู่กลางเมืองที่มีแต่แสงสีแบบนี้
แอนเร่งให้จูจอดรถแล้ววิ่งเข้าไปในเขตบริเวณที่มีสายสิญจน์
จูตอนนั้นปวดหัวมากจนจะล้ม แต่แอนก็รีบเข้ามาประคองแล้วพาจูวิ่งเข้าไปทันที
"มันตามมาแล้วแก ไปเร็ว มันแรงมากๆเลย"
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าทันทีที่จูเข้าไปยังเขตของสายสิญจน์....ความรู้สึกหนักที่มีมาตลอดกลับหายเป็นปลิดทิ้ง
แอนพาจูไปนั่งที่บริเวณใต้ต้นโพธิ์ ขณะที่ทุกคนในสถานที่นั้นต่างก็ใส่ชุดสีขาว กำลังทำพิธีอะไรกันสักอย่าง
ที่แห่งนั้นมีทั้งต้นโพธิ์ รูปปั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย เช่นรูปปั้นและภาพของพระศิวะ พระพิฆเนศ และอีกหลายๆองค์
แอนเข้าไปคุยกับอาจารย์ ซึ่งท่านเป็นชาวอินเดีย ที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ จูได้แต่นั่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
หลังจากที่สนทนากันได้สักพัก แอนก็เดินกลับมาบอกจูว่า จริงๆแล้วช่วงนี้เป็นช่วงถือศีลของอาจารย์เค้า
เค้าก็เลยไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ชั้นก็ไปยืนกรานขอร้องอาจารย์ท่านให้ช่วยมา เพราะมันเหนือบ่ากว่าแรงของชั้นจริงๆ
อาจารย์เลยบอกว่าหากอาจารย์ช่วยสำเร็จแล้ว แกจะต้องถือศีลกินเจให้อาจารย์ท่าน 5 วัน
จูเองก็ตกลงไปว่าจูจะถือศีลกินเจให้อาจารย์
หลังจากนั้นแอนและอาจารย์ก็ได้เดินไปที่รถและทำพิธีให้
โดยบอกกับจูว่าอย่าหันหน้าไปที่รถ ให้หันหน้าไปหาพระศิวะแล้วขอพรท่านขอให้ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
หลังจากทำพิธีเสร็จ อาจารย์ท่านเดินกลับมาพร้อมกับแอนแล้วก็บอกจูว่า
"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้อย่าปากพล่อย หรือคิดอะไรที่ไม่ดี เช่นไปลบหลู่หรือท้าทายคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
และห้ามเอ่ยหรือคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกเป็นอันขาด แล้วก็กลับไปทำบุญซะด้วย"
นั่นคือสิ่งที่อาจารย์บอกกับจูให้จูไปปฏิบัติตาม
ขากลับ จูรู้สึกว่ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ในขณะที่กำลังจะไปส่งแอน
จูก็เลยลองถามแอนว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ
แอนบอกว่าอาจารย์ท่านไปเจรจากับผีตนนั้นมา
ถามว่าเค้ามาจากทำ ต้องการอะไร ทำไมต้องมายุ่งกับจูด้วย
ก็ได้ความว่า จูนั่นแหล่ะไปเรียกเค้ามาเอง เรียกให้เค้ามาอยู่ด้วย
ตัวเค้าเองก็ถูกชะตากับจูมาก เค้าก็อยากให้แกไปอยู่ด้วย
แต่บุญแกก็มี มันยังไม่ถึงฆาต เค้าก็เลยพาแกไปไม่ได้
ดีนะที่ชั้นเห็นก่อน และพาแกมาหาอาจารย์ทัน ไม่งั้นภาพที่ชั้นเห็นมันคงเป็นเรื่องจริง
เอาเป็นว่า แต่ไปนี้แกอย่าปากพล่อยหรือคิดอะไรพล่อยๆนะ
หลังจากเปลี่ยนกระจกรถแล้ว จูก็นำรถไปให้อาจารย์ทำพิธีให้อีกครั้ง
จูรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และไม่ได้มีโอกาสที่จะต้องอยู่ทำโอทีดึกอีกเลย
จูเลิกคิดหรือเลิกพูดเชิงท้าทายลองดีกับสิ่งที่มองไม่เห็น
ถึงแม้ว่าจูจะไม่เคยเห็นด้วยตา แต่จูเชื่อว่าความรู้สึกของจูไม่ล้อเล่นแน่นอนค่ะ
เรื่องจากพันทิป ตามมาจากข้างทาง
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปนาม เด็กหญิงจูดี้ขี้บ่น
Post a Comment