เรื่องสั้น..เรื่องของคม
"ไปไหนมา...ถึงกลับบ้านค่ำมืด" คำถามพร้อมแววตาสงสัยปนจับผิดของแม่ จ้องมาที่คม หลังเปิดประตูเข้าตัวบ้าน คำทักทายเพียงประโยคเดียว ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง หลบตาแม่อย่างมีพิรุธ แล้วรีบเผ่นเข้าห้องล็อคประตูแน่นหนา
คมหายใจหอบแรง ทิ้งตัวพิงประตู ก่อนค่อย ๆ ทรุดตัว ยกแขนเสื้อมาปิดปากกลั้นเก็บความรู้สึก ค่อย ๆ ไถลตัวลงไปนั่งชันเข่ากับพื้น ฟุบหน้าร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น ‘เราเพิ่งฆ่าคนตาย !’ ความคิดน่ากลัวกังวานกึกก้องอยู่ในความรู้สึก เรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้น เมื่อครูที่สอนเกี่ยวกับวิชาวาดรูปอนาโตมี่ ให้การบ้านสำคัญ คมยังจำเสียงครูได้ขึ้นใจ "จะเลือกโครงสร้างอะไรก็ได้ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ และครูมีข่าวดีจะมาแจ้ง ใครที่ทำคะแนนได้สูงสุดในครั้งนี้ ครูจะส่งรายชื่อให้ผอ.พิจารณาทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยศิลปะที่อิตาลี่ "
เงื่อนไขของครูเรียกเสียงฮือฮาทันที ทำเอานักเรียนทั้งห้องตาโต เสียงพูดคุยดังอื้ออึงในบัดดล ดูทุกคนตื่นเต้นมาก จนกระทั่งครูใช้ไม้เรียวฟาดกระดานเรียกสติ ถึงทำให้เสียงในห้องเงียบลง และเริ่มต้นบทเรียนของวันนั้น แต่สมองของคมมีแต่คำว่า ‘ทุนเรียนต่อ’ อื้ออึงจนแทบไม่รับรู้อย่างอื่นอีก คำว่า ‘ทุน’ กับ ‘เงิน’ เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก
อยากได้ทุน...คมบอกตัวเองอย่างมีความหวัง ด้วยฝีไม้ลายมือที่มีอยู่ บวกกับความพยายามที่ทุ่มเททั้งหมดเรื่องวาดรูป จนบางครั้งอาจละเลยการช่วยการช่วยงานของแม่ซึ่งทำขนมปั้นขลิบที่บ้านส่งขายตลาด ปล่อยให้พี่สาวกับแม่วุ่นวายแค่สองคน
คมรู้ว่าทุกคนต้องเหนื่อยมากในการหาเลี้ยงชีพ และหาเงินส่งเขาเรียนหนังสือ ไหนจะค่าอุปกรณ์เรียนศิลปะ ที่กว่าจะได้มาแต่ละชิ้น ก็ตัองเก็บเงินซื้อประหยัดเลือดตาแทบกระเด็น แม้ครอบครัวเขาจะไม่เคยบอกรักกันสักคำ แต่คมก็รู้แก่ใจว่าพี่สาวและแม่รักเขามาก ทุ่มเททำทุกอย่าง เพื่อให้เขาได้มีโอกาสเรียนต่อในสิ่งที่ใจรัก
ถ้าคมได้ทุนเรียนต่อ แม่กับพี่ก็จะลำบากน้อยลง ฐานะเศรษฐกิจของครอบครัวคงดีขึ้น พี่สาวและแม่จะได้สบายแบบคนอื่น ๆ เสียที
...........
"กูมีเรื่องเด็ดจะบอก" หลังเลิกเรียน แจ็คเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของคมพูดด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น ประกายตาแฝงความยินดีแบบบอกไม่ถูก
"ลูกพี่ลูกน้องกู..พี่จิม มีงานอดิเรก สะสมโครงกระดูกสัตว์ แกมีหมดแหละ ไม่ว่าจะเป็น กระต่าย แมว หมา ลิง กระรอก งู โอ๊ย..เยอะแยะ คิดดูดิ...ถ้าได้ดูแบบจริงของโครงกระดูกสัตว์ แทนที่จะดูแต่รูปถ่ายในหนังสือแล้ววาด ผลงานต้องออกมาเหมือนจริงสุด ๆ คราวนี้พวกเราอาจได้ทุนไปเรียนอิตาลีนะโว้ย"
แจ็คใช้คำว่า "พวกเรา" ใช่แล้ว...เพราะทั้งคู่มีฝีไม้ลายมือเรื่องการวาดรูป สลับกันได้คะแนนท็อปตลอดมา ฟังแล้วอดคิดในใจไม่ได้ว่า พอถึงเวลา พวกเราก็ต้องเหลือคนเดียวจนได้ ทางโรงเรียนคงไม่ยอมให้ทุนพร้อมกันสองคนเป็นแน่ แต่เรื่องนี้เอาไว้คิดที่หลังก็ได้
"แล้วพี่ไปเอาโครงกระดูกมาจากไหน เคยได้ยินว่าถ้าไปซื้อ ราคาต่อตัวตกหลายพันจนถึงเป็นหมื่นก็มี" คมตั้งข้อสงสัย
"ทำเอง" แจ็คตอบด้วยความภูมิใจ "ทำขายทางอินเตอร์เน็ตด้วยนะ ดีไม่ดี เราไปวาดรูปครั้งนี้ อาจขอให้พี่จิมสอนทำโครงกระดูกสัตว์ขายหารายได้พิเศษก็ได้นะโว้ย"
พอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเงิน ใจคมเต้นโครมคราม ฝันไปไกล... ถ้ามีรายได้ บางทีเขาอาจมีเงินพอจะซื้อกระดาษคุณภาพสูงวาดรูป ลงสีราคาแพง ช่วยเสริมสง่าราศีให้ภาพวาดของเขาโดดเด่นน่าจับตา ไม่ต้องทนใช้แต่ของเกรดต่ำราคาถูกที่สุดเท่าที่ตังค์ในกระเป๋าจะจ่ายได้อีกต่อไป
นัดหมายกันมั่นเหมาะในเช้าวันเสาร์ แจ็คไม่ได้หลอกออกลวดลาย เป็นไปตามที่แจ็ดคุยไว้ทุกประการ ภายในห้องของพี่จิมมีโครงกระดูกสัตว์มากมายหลายชนิดวางเรียงบนชั้นพิเศษทำเฉพาะชวนตื่นตาตื่นใจ โครงกระดูกน่าทึ่งถูกร้อยรัดข้อต่อแต่ละชิ้น ด้วยลวดเส้นเล็กแทบมองไม่เห็นอย่างประณีต ทำให้พวกมันอยู่ในรูปทรงที่ดูราวกับมีชีวิต
ใช้เวลาตัดสินใจสักพัก คมเลือกกระดูกลิงมาเป็นแบบ ส่วนแจ็คเลือกกระต่าย แล้วแยกไปทำงานอีกมุมบริเวณด้านหน้าห้อง คมขอยืมโต๊ะญี่ปุ่น ตั้งใกล้ริมหน้าต่าง บรรจงจัดองค์ประกอบศิลป์ ออกแบบทิศทางแสงและเงาที่ตกกระทบให้ดูดีที่สุด จากนั้นเด็กหนุ่มก็รีดเอาความสามารถและความพยายามทั้งหมด จดจ่อกับการวาดรูปอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้
"แง้ว!"
แมวดำที่ไหนไม่รู้ กระโจนพรวดเข้ามาทางหน้าต่าง ชนกับโครงกระดูกลิงเต็มๆ จนกระเด็นตกลงมาแตกกระจายบนพื้นห้อง ก่อนที่มันจะวิ่งหนีไปอย่างหน้าตาเฉย
"เฮัย..." คมตกใจจนหน้าซีด งานเข้าแล้ว! เหลียวมองไปรอบ ๆ เห็นแจ็คกับพี่จิมยืนตัวแข็งทื่อเหมือนมีอาการช็อค กับภาพของโครงกระดูกลิงที่กระจัดกระจายตามพื้นห้องชนิดพูดอะไรไม่ออก ต่อมาพี่จิมได้เหมือนสติ ก้มลงเก็บเศษโครงกระดูกด้วยสีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง แล้วเงยหน้ามองหน้าเด็กหนุ่มคนต้นเหตุอย่างพยายามกดข่มความโกรธ จนแววตาสั่นระริก มีน้ำตาคลอเบ้าตา จากนั้นก็สะบัดหน้าพรืด หุนหันออกไปจากห้อง ปิดประตูดังปัง
คมจะเดินตามออกไปขอโทษ หรือพูดอะไรสักอย่างให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่แจ็คคว้าแขนรั้งไว้บอกว่า "พี่จิมคงออกไปดูดบุหรี่คลายเครียดอ่ะ ปล่อยเขาไปก่อน ไม่ต้องตามไปหรอก"
คมตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่ความผิดขอเขาสักหน่อย แต่ใครละ จะคิดแบบนี้ ยังไงเขาก็เกี่ยวข้องอยู่ดี ถ้าไม่มาเหตุการณ์แย่ ๆ ก็ไม่เกิดขึ้น มองหน้าเพื่อนแล้วอยากจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าแจ็คจะพลอยซวย โดนหางเลขด้วยหรือเปล่า
"พี่จิมแกจะรับคำขอโทษจากกูไหมวะ" คมถามเสียงเบาหวิว แม้ใจจะตอบตัวเองเรียบร้อยแล้วว่า...ไม่มีทาง...
แจ็คถอนหายใจเฮือก ทำหน้าเบื่อโลก นิ่งไปพักหนึ่งก่อนเสนอความคิด "ถ้าหาโครงกระดูกอันใหม่มาชดใช้ให้ พี่จิมคงหายโกรธ"
"แล้วกูจะไปหาจากไหน กระดูกลิงไม่ใช่จะหากันง่าย ๆ ถ้าจะให้ซื้อใช้คงไม่มีปัญญาหรอก" คมรู้สึกปวดหัวกับสถานการณ์ตรงหน้า แจ็คไม่พูดอะไร ทำหน้าคิดอะไรสักอย่าง ก่อนเดินดุ่ม ๆ ไปที้ชั้นหนังสือข้างผนังห้องของพี่จิม หยิบหนังสือที่เป็นสำเนาถ่ายจากร้านเอกสาร เข้าเล่มอย่างดีออกมายื่นให้ บอกคมว่า " กูช่วยเอง ขั้นตอนทุกอย่างไม่ได้ยากจนเกินไป แต่ต้องใช้ความประณีต กูว่าพวกเราทำได้"
คมพลิกดูเนื้อหาในหนังสือ เห็นมีเรื่องราวของโครงกระดูกสัตว์ชนิดต่างๆ มากมาย เขาเริ่มพอจะเดาความคิดของเพื่อนได้
"มันก็น่าสนใจนะแจ็ค แต่ว่าเราจะไปหาลิงมาจากไหน"
"เขาสามมุกมีเยอะแยะ" แจ็ดพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คมฟังแล้วขนลุก นั่นหมายความว่าเขาต้องฆ่าลิง! ให้ตายเถอะ! นั่นมันแย่ถึงแย่ที่สุด แต่แจ็คตบไหล่พูดให้กำลังใจว่า "ใช้ยาฆ่าหญ้าผสมอาหารล่อให้ลิงมากิน จากนั้นก็แค่รอเวลายาออกฤทธิ์ กูจะเล่าคร่าว ๆ ถึงวิธีทำโครงกระดูกให้ฟัง
พอเราได้ศพลิงมาแล้ว ก็ต้องพยายามแล่เนื้อ พังผืด เอ็นต่าง ๆ ออกให้มากที่สุด แล้วเอาลวดมาร้อยไม่ให้ชิ้นส่วนตอนโดนต้มเคลื่อนผิดตำแหน่ง จากนั้นก็ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่ซากกระดูกลิงที่ยังมีเศษเนื้อติดอยู่บ้างลงไป เติมดินประสิว เร่งให้เศษเนื้อหลุดเร็วขึ้น อย่าใช้ไฟแรงนักเดี๋ยวกระดูกจะแตก จากนั้นพอเนื้อและเศษอื่นๆร่อนออกหมด ก็พักกระดูกให้เย็น ค่อยๆสอดลวดตรึงและจัดท่าทางของโครงกระดูกให้ได้ตามที่ต้องการ ไม่ต้องกลัว ตรงนี้กูช่วยได้ พี่จิมเคยสอนกูอยู่บ้าง ผู้ช่วยต่อโครงกระดูกกูก็เคยเป็นมาแล้ว"
คำพูดของแจ็คจุดประกายความคิดสว่างวาบ เห็นหนทางแก้ปัญหาอยู่รำไร แม้จะไม่ถึงขั้นกระจ่างสว่างจ้า แต่ก็มองไม่เห็นทางที่เข้าท่ามากกว่านี้
อะไรจะทำ มันก็ต้องทำ!
อาจเป็นเพราะมีไอ้แจ็คเพื่อนรักคอยเคียงข้าง ร่วมทุกข์ร่วมสุขในทุกขั้นตอนการทำงาน ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พี่จิมแวะมาดูแล้วก็หายโกรธ แถมยังชมว่าฝีมือดี หากมีงานใหญ่ ทำคนเดียวไม่ไหว จะเรียกให้มาช่วยอีก คำพูดของพี่จิมทำเอาคมโล่งใจ คิดว่าพี่ไม่ติดใจเคืองขุ่นแล้ว..นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวของคม มันเกิดขึ้นหลังคมและแจ็ค ส่งการบ้านวาดรูปโครงกระดูกเรียบร้อย คมถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกพบ พร้อมคลิปปริศนาที่ส่งมาหาอาจารย์ ในคลิปนั้นถ่ายภาพคมไว้อย่างชัดเจนเห็นตอนที่เขาฆ่า ชำแหละ เลาะกระดูก ใส่ถังต้มศพลิง โดยไม่มีภาพแจ็คเพื่อนสนิทอยู่เลย ความรู้สึกบอกกับตนเองว่า โดนแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ จากเพื่อนรักเหลี่ยมโหด เข้าให้แล้วอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์คือ คมโดนทำทัณฑ์บน หักคะแนนความประพฤติ และหมดสิทธิ์รับทุนทุกอย่างโดยปริยาย
กว่าอาจารย์จะปล่อยตัวออกมาก็เย็นย่ำ เลยเวลาเลิกเรียนนานแล้ว ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านกันหมด ใจคมแบกความแค้นและโกรธระอุเดินออกมาจากห้องปกครองด้วยความรู้สึกร้อนระอุ เขาไม่ได้โง่...พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ ไอ้แจ็คกับพี่จงใจส่งคลิปมาให้อาจารย์! เพราะมีแต่สองคนนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมด พวกมันทำแบบนี้ทำไม พอจะเดาได้ไม่ยาก ใครล่ะจะได้รับประโยชน์สูงสุดหากคมถูกลงโทษ ถ้าไม่ใช่ไอ้แจ็ค เพื่อนฝีมือดีสูสีกันกับคม ทีนี้ทุนไปเรียนต่ออิตาลี ก็มีสิทธิ์ตกเป็นของแจ็คมากกว่าใคร หนึ่งเดียวคนเดียว ไม่มีคำว่า ‘พวกเรา’
ยิ่งคิดยิ่งแค้น คมหุนหันบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปที่หอพักของแจ็ค จะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง จะเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายของใครกันแน่ ประตูห้องไอ้แจ็คเปิดแง้มไว้รับลม เด็กหนุ่มสะกดใจให้เย็นไม่วู่วาม ยังไม่แสดงตัวคนให้คนข้างในห้องรู้ พยายามฟังความเคลื่อนไหวภายในห้อง จึงทำให้คมได้ยินเสียงคุ้นหูคุยโทรศัพท์ชัดเจน เสียงเยาะเย้ยหยัน ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของคลิปปริศนา
"ก็ช่วยไม่ได้ ไอ้คมมันอยากโง่เอง ฮ่าๆ ๆ"
ไม่ต้องสงสัยเคลือบแคลง ฝีมือแจ็คจริง ๆ เพื่อนผู้ทรยศ!
ได้ยินความจริงดังนั้น คมเลือดขึ้นหน้าฟิวส์ขาดทันที ถลาไปคร่อมตัวแจ็คแบบสุดแรงแค้น ระดมหมัดต่อยใส่เพื่อนเลวไม่ยั้ง อัดมันเข้าไปให้สาสม เอามันให้ตาย ตาย ตาย ตาย..! แจ็คพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่ด้วยขนาดร่างกายต่างกันมาก สุดท้ายแจ็คจึงไม่ต่างจากกระสอบทราย การปัดป้องของแจ็ค ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้มากขึ้นไปอีก
กว่าคมจะได้สติอีกที ก็พบว่า สองมือของเขา กำลังตนเค้นบีบคอเพื่อนเคยรัก ตาเหลือกถลน ขาดใจตายคาที่....
เด็กหนุ่มกระเซอะกระเซิงออกจากหอพักอดีตเพื่อน เคราะห์ดีว่าไม่มีใครมาเห็นเหตการณ์ที่เกิดขึ้น คมตรงดิ่งกลับบ้านด้วยหัวใจที่คลายความคั่งแค้นลงไปได้บ้าง เขายังไม่พร้อมที่จะพูดกับใครทั้งนั้น เมื่อประตูบ้านเปิด แม้สายตาของเขาจะเหลือบเห็นแม่นั่งรออยู่บนโซฟา เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมคำร้องทัก "ไปไหนมา...ถึงกลับบ้านค่ำมืด" คมก็ไม่สนใจ เขาไม่พร้อมจะตอบอะไรทั้งนั้น การขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นสิ่งที่คมเลือกทำในเวลานี้
แต่แล้วเพราะเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของพี่สาว พร้อมเสียงเอะอะ อึงอลเหมือนมีคนแปลกหน้าบริเวณหน้าบ้าน แบบผิดปกติ ทำให้คมค่อย ๆ แง้มประตูออกมาดู
เด็กหนุ่มต้องช็อคกับภาพที่เห็น กู้ภัยกำลังเอาผ้าขาวห่อศพแม่แล้วแบกออกไปเตรียมขึ้นรถ คมถลาไปหาพี่สาวที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ เมื่อครู่แม่ยังถามเขาอยู่เลย อะไรจะตายเร็วขนาดนี้
"พี่แม่ตายได้ยังไง” คมถามพี่สาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจปะทุครืนครั่นจนคิดอะไรไม่ออก
พี่สาวได้แต่ส่ายหน้า เช็ดน้ำตา ตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
"พี่ก็ไม่รู้ พอเข้าบ้านมา ก็เห็นแม่ล้มกองอยู่ในครัว หยุดหายใจเสียแล้ว พี่ ๆ เค้าบอกว่าดูจากสภาพศพแล้ว น่าจะตายมาตั้งแต่บ่าย ฮือ ๆ ๆ ๆ"
ถ้อยคำของพี่สาวเปรียบดังค้อนทุบมากลางหัวอย่างจัง ความตระหนกพุ่งถึงขีดสุด หัวใจวูบหวิวเหมือนจะหลุดออกจากร่าง คมสั่นสะท้านไปทั้งร่าง อ้าปากค้าง ทบทวนคำพูดของพี่ แม่ตายตั้งแต่บ่ายแล้วภาพที่เขาเห็นแม่นั่งรอเขาอยู่พร้อมร้องทักล่ะ...หมายความว่าอย่างไร????
เหตุการณ์ครั้งนั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคม...ไม่มีใครกล้ายืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับคม ที่แน่ ๆ ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ว่ากันว่าเด็กหนุ่มหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย
หลังจากเกิดเรื่องกับน้องชาย จิมพี่ชายของแจ็ค ยังไปได้ดีกับอาชีพขายโครงกระดูกทางอินเตอร์เน็ตให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบและผู้สนใจสะสมโครงกระดูกสัตว์ต่าง ๆ ลูกค้าเริ่มร้องขออยากได้โครงกระดูกสัตว์ที่หลากหลายมากขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ...ไม่ว่าจะเป็น แพะ หมู อัลปาก้า หรือแม้แต่ยีราฟ...แน่นอนเมื่อโครงกระดูกใหญ่ขึ้น ย่อมต้องมีความยากเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการแสวงหาร่างไร้วิญญาณของสัตว์เหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม อำนาจของเงิน ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
วันนี้ลูกค้าสั่งโครงกระดูกนกกระจอกเทศ ไม่ใช่โจทย์ที่ยากเกินไปนัก ฟาร์มนกกระจอกเทศยังพอหาได้ จิมจัดการซื้อเหยื่อตัวเป็น ๆ มารอเชือดเอง ป้องกันการแตกร้าวของโครงกระดูกจากการฆ่าผิดวิธี
ช่วงหลังจิมตัดสินใจใช้โรงเชือดวัวเก่าเป็นที่ลงมือปฏิบัติการ เพราะมีอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมรับมือกับสัตว์ร่างใหญ่ ยี่สิบปีก่อนหลังการระบาดใหญ่ของโรคเอ็นแทร็กซ์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเลิกกินเนื้อ โรงเชือดแห่งนี้ได้รับผลกระทบเต็มๆจนต้องปิดตัวลง
พี่จิมได้ที่นี่มาในราคาถูกมาก เหตุเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าของโรงเชือด ก็ตกลงมาจากบ้านสามชั้น คอหักตายคาที่เพียงเพราะพยายามจะให้อาหารนก ว่ากันว่าศพทะลุหลังคาร่วงลงมากองกับพื้น ในสภาพดวงตาเบิกโพลง แขนขาบิดเบี้ยวผิดรูป ผิดธรรมชาติ...นั่นจะใช่แรงแค้นของวัวทั้งหลายหรือเปล่า...ยังไม่มีใครสามารถตอบได้
จิมค่อย ๆ ถอยรถกระบะมาจอด จากนั้นต้อนนกระจอกเทศลงมาจากรถ บังคับให้มันเดินเข้าทางเดินแคบ ๆ ชนิดต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว จนไปอยู่ในคอกเฉพาะกิจเตรียมเชือด สัญชาตญาณของสัตว์มักรุนแรงเสมอ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และรังสีอำมหิตของความตายกระจายอยู่โดยรอบ เจ้านกกระจอกเทศที่น่าสงสารตัวสั่นระริก พยายามเอาหัวก้มกดพื้น หลีกหนีความกลัวในใจ ขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินหน้า
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่านกกระจอกเทศไม่ให้ความร่วมมือ จึงใช้ไม้ตาย...ปืนยาสลบที่เตรียมมาถูกยิงเสียงดังฟุ่บ จนนกกระจอกเทศเคราะห์ร้ายลงไปล้มกองกับพื้น เขาใช้มีดเชือดคอมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย คมมีดตัดหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่จนเลือดพุ่งกระฉูดกระจายไปทั่งบริเวณราวกับท่อน้ำประปาแตก ระหว่างนั้นเขาผ่าท้องเพื่อควักเอาเครื่องในออกมา จิมใช้วิธีการเฉพาะแยกคอและส่วนขาออก เพื่อความสะดวกในการต้มรวมในถังน้ำมัน
แต่แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีเงาบางอย่างวิ่งตัดหน้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มชะงัก รู้สึกขนลุก ลางสังหรณ์บอกได้ว่ามันไม่ปกติ แต่เขาก็สะบัดหน้าบอกกับตัวเองว่าคงคิดมากไปเอง และในขณะที่เขากำลังแล่เนื้อ และส่วนที่ไม่ต้องการออกจากร่างของนก แสงไฟจากด้านบนส่งผลให้เขามองเห็นเงาดำทอดยาวที่กำลังย่องมาข้างหลัง เงื้อมมือขึ้น และ...พลั่ก! ความรู้สึกของจิมวูบลงโดยไม่ทันตั้งตัว
จิมรู้สึกตัวอีกทีพบว่าตัวเองถูกพันธนาการด้วยเชือก และโซ่ ร่างกายกำลังลอยอยู่บนที่สูง เขาเริ่มสังเกตรับรู้ถึงความน่ากลัวที่กำลังเกิดขึ้น โซ่คือส่วนประกอบของรอกขนาดใหญ่ที่กำลังชักรอกดึงตัวเขาลอยขึ้นมาจากพื้น จิมใจหายวาบทันทีพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดสุดฤทธิ์ เมื่อเริ่มรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ฉากแบบนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาอยู่ในฐานะผู้กำกับ ไม่ใช่ผู้แสดงเป็นเหยื่อแบบนี้ ความสยดสยองแทบบ้าปะทุครืนล้นทะลักความรู้สึก เพราะรู้ดีว่ารอกนี้มีไว้ใช้ทำอะไร...
มีใครบางคนกำลังเล่นตลกสยองโหดกับเขา รอกมรณะค่อย ๆ ขยับหย่อนตัวหย่อนของนักศิลปะกรรมโครงกระดูกลงในถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่มีน้ำเดือดระอุกำลังต้มรออยู่
อย่า...อ๊ากกกกกส์...เสียงแผดร้องโหยหวนยาวนาน จิมถูกต้มทั้งเป็น
แต่นั่นยังไม่ทำให้เขาตาย ตอนนี้ผิวหนังพุพองเห็นเนื้อสีชมพูก่ำน่าสยอดสยอง บางส่วนปริแตกหลุดร่อนถลอกออกมาระริกร้าว ขะตากรรมของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับเนื้อหมูโดนน้ำร้อนราด จากนั้นไอ้บ้าซาดิสม์จิตเสื่อมบางคนที่อยู่เบื้องหลังฉากนรกแตก จัดการชักรอกยกตัวเขาขึ้น ตามน้ำเกลือถูกเทลงมาจากทางด้านบน ซึ่งเป็นชั้นลอยสามารถเอื้อมมาถึงสิ่งที่รอกห้อยอยู่ได้
อ๊ากกกกกสส์…..
จิมดิ้นพรวดพราดทุทนทุราย ปวดแสบปวดร้อน จนกระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหวสลบไป
ฟื้นขึ้นมาอีกที จิมยังคงรับรู้นรกบนดินต่อไป เขาถูกมัดไว้ และคราวนี้เขาเห็นหน้าคนใจร้ายแล้ว
ใช่มันแน่...ไอ้คม คนที่เขากับแจ็คเคยทำลายอนาคตนักเรียนศิลปะให้พินาศ จำไม่ผิดนี่ ข่าวการหายตัวของคมเขาเองก็รับรู้เหมือนกัน แต่ไม่ได้กังวลอะไร คิดว่าคงสติแตกหนีหายไปเท่านั้น ไอ้เด็กท่าทางอ่อนแอ ไม่มั่นใจตัวเอง จะมีปัญหาทำอะไรเขาได้
แค่คมในวันนี้ ไม่เหมือนคม เด็กเรียนที่เขาเคยรู้จัก
ความรู้สึกของจิมไม่เห็นอะไรอื่น นอกจากความเป็นปีศาจร้ายเต้นระริกเร่าในสีหน้าแววตาของคม อะไรกันสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งจนกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากความอ่อนแอเป็นอำมหิตสุดสยอง
คมแสยะยิ้ม ร้องทักด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย "ไง..ไม่ได้เจอกันนะ ยังคงเลวเหมือนเดิมหรือเปล่า หึหึ”
มีดอีโต้วาววับถูกควงเล่นในมืออย่างจงใจล้อเล่นกับความหวาดกลัวสุดขีดของอีกฝ่าย อาหารอร่อยบางครั้งก็ไม่ต้องรีบร้อนกิน เหยื่อดี ๆ บางทีก็ต้องบันเทิงให้สะใจก่อนเชือด จิมพยายามดิ้นและร้อง ตาเบิกโพลงเหลือกลาน บ่งบอกความหวาดกลัวสุดชีวิต
"อย่าเช้ามา!" พี่จิมแหกปากร้อง แต่คมกลับค่อย ๆ ย่างสามขุมเดินไปใกล้แบบจงใจทำให้ประสาทเสีย ฟันอีโต้ฉับลงมากลางหน้าผาก พี่จิมแหกปากร้องกลั้นลมหายใจหลับตาปี๋ อีโต้ชะงักไว้กลางคัน จากนั้นคมก็หัวเราะเหมือนคนโรคจิต "ฮะฮะฮ่า ตายง่าย ๆ ก็ไม่สนุกน่ะสิ เล่มเกมกันหน่อยไหม”
คมใช้เท้าเขี่ยร่างจิมที่กลัวจนตัวสั่นระริกสิ้นสภาพนอนกองอยู่กับพื้น ปัสสาวะชุ่มโชกกางเกงเพราะความตกใจกลัว "เดี๋ยวกูจะแล่เนื้อแขนแกออกทีละข้าง แล้วค่อย ๆ จุ่มแขนต้มในน้ำเดือดใส่ดินประสิว ไม่ต้องกลัวครับไม่ต้องกลัว...ผมจะค่อย ๆ ระมัดระวัง กดหัวพี่จิมให้แนบกับถังมากที่สุด เพื่อให้ต้นแขนจุ่มจมอยู่ในน้ำเดือด พี่ตอบมาดิ...พี่จะรีบตายทันทีไหมครับ" คมถามอย่างเลือดเย็น คำพูดคำจาฟังดูไม่เหมือนคนปกติ ฟังแล้วไม่ตลกเลยสักนิด
"แก..แกมันไอ้บ้าไอ้วิปริต เวรกรรมจะตามทันแก"
คำตอบกระทบใจคมอย่างแรง เขาแยกเขี้ยว ดึงตัวจิมเข้ามาใกล้จ้องหน้าแล้วพูดด้วยเสียงแหบกร้าว"กูนี่แหละ..เจ้ากรรมนายเวรของแก" ประกายตาคมวาวโรจน์ ใบหน้าบิดเบี้ยวปากที่พยายามแสยะยิ้มสั่นระริกเพราะความแค้น ไม่พูดเปล่า คมลากตัวเหยื่อเคราะห์ร้ายมากระทืบๆ ๆ ๆ ๆ.. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... จนจิมตัวงอ ดิ้นรนไปมา แผดร้องด้วยความเจ็บปวดสลบแน่นิ่งบนพื้น
ฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นยังดำเนินต่อไป จิมฟื้นขึ้นมาอีกรอบเพราะถูกน้ำเย็นสาดหน้า ได้ยินเสียงคมพูดข้างหูฟังแล้วแทบจะขาดใจตายไปกับความหมายอันสยดสยอง
"กูเปลี่ยนใจแล้ว...เดี๋ยวกูจะต้มทั้งเป็นครึ่งตัว แล้วค่อยๆเอาเกลือทาราดด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้มันมีเสียงดังฟู่!!!! แล่ด้วยมีดที่ขึ้นสนิมอย่างทื่อที่สุด แกว่าดีไหม"
"ไอ้บ้า...ฆ่ากูให้ตายสิโว้ย" ความรู้สึกของจิมอยากตายให้พ้นความทรมานเสียให้รู้แล้วรู้รอด ภาพของเหยื่อจำนวนมากมายที่เขาเคยฆ่าและต้มเอาโครงกระดูกมาทำผลงาน วิ่งเรียงรายมาให้เห็น บางตัวหันมาแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจในชะตากรรมของเขา ความรู้สึกอึงอล ยังได้ยินเสียงวิปลาสของคมแทรกเข้ามาเขย่าความรู้สึกให้ถึงที่สุดของก้นบึ้งความหวาดกลัวสยดสยอง
"รีบฆ่ามันก็ไม่สนุกสิ ความแค้นที่ยาวนานของกู ยังอยากมี อยู่เล่นด้วยกันอีกนาน ฮ่าฮ่าฮ่า"
อย่าแปลกใจ..ถ้าคุณได้ยินเสียงร้องโหยหวนชวนขนลุก ดังแว่วมาจากที่แสนไกล ด้วยความเจ็บปวดทารุณสุดชีวิต เพราะนั่น...อาจเป็นเสียงของ ว่าที่โครงกระดูกชิ้นใหม่ ของคม ก็เป็นได้
...
ภายในห้องมืด..ด้านหนึ่งถูกอัดแน่นด้วยโครงกระดูกที่ไม่สมบูรณ์ เบียดเสียดและหลอมแทบเป็นหนึ่งเดียวกับกำแพง มันคือผลงานศิลปะของนักสร้างที่จิตใจบิดเบี้ยว..คม กลางห้องมีเก้าอี้ไม้โยกส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ใช่..คมติดกลไกทำให้เก้าอี้โยกได้ บนนั้นคือโครงกระดูกของแม่เคลือบดินพอร์ชแลนเผาไฟ หน้าตาเหมือนแม่ก่อนจากไปทุกประการ..แม่ยังอยู่ที่นี่อยู่กับเขาเสมอ
แต่ทำไมนะ ในวันนี้แม้แก้แค้นสำเร็จแล้ว ความหนักหน่วง เจ็บร้าวในความรู้สึกมันไม่จางหายไปเลย คมกดปุ่มหยุดกลไกเก้าอี้ ก่อนค่อยซบหน้าลงกับตักแม่ คมกอดโครงกระดูกแม่ร่ำไห้ด้วยใจสะท้าน....แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาโหยหาอยากได้ไม่ใช่การแก้แค้น....แต่เป็นอดีต..อดีตที่ไม่มีวันหวนกลับมา
ที่มาของงาน.....
หลังจากจบการร่วมงานกับเพื่อนๆในเรื่องอีกสองเดือน..จะไม่ตายแล้ว มิตรภาพยังไม่หายไปไหน ยังมีการคุยติดต่อกันอยู่เสมอ
วันหนึ่งคุณซานิ(Zionzany) ริเริ่มอัดเสียงผลงานเรื่องสั้นของออม คุณน้ำ คุณซานิ และของเพื่อนๆที่เขียนอีกสองเดือนฯ เป็นคลิปและลงในยูทูป ออมซึ่งไม่ได้เขียนเรื่องสั้นมานานมากเลยพูดกระเซ้าคุณซานิว่า...ถ้าออมเขียนเรื่องสั้นสิบสองเรื่อง แลกกับการอ่านคลิปเสียงอีกสองเดือนฯ
คุณซานิจะโอเคไหมคะ.... คำตอบที่ได้ทำเอาออมตาโต...โอเคค่ะ ดีล ว่าแต่ว่าออมเองจะมีปัญญาเขียนครบสิบสองเรื่องไหม...คำตอบคือยังไม่รู้เลยค่ะ แต่จะค่อยๆพยายามดู เพราะอยากรื้อฟื้นความสามารถในการเขียนเรื่องสั้นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่ออาจต่อยอดเป็นนิยาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ต่อไปค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ได้รับความเมตตาจากอาจารย์จี ตรวจแก้และปรับต้นฉบับให้มีความสมจริง สละสลวยมากขึ้น "มรดก"เป็นผลงานเรื่องแรกในการทำงานครั้งนี้และได้ฝากอาจารย์จีตั้งกระทู้ ซึ่งอาจารย์น่ารักและเมตตามาก ช่วยเหลือเป็นอย่างดีทุกอย่าง เรื่องที่สองเลยอยากลองตั้งกระทู้เอง
---
เรื่องจากพันทิป เรื่องสั้น..เรื่องของคม
เรื่องโดย สมาชิกพันทิป รัชต์สารินท์
ขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
Post a Comment