กลิ่นแรก (SIDE STORY กลิ่นในที่แคบ)


     "กลิ่นแรก" นิยายตื่นเต้นสยองขวัญเนื้อเรื่องเป็น SIDE STORY เกี่ยวข้องกับเรื่อง  "กลิ่นในที่แคบ" ประพันธ์โดยสมาชิกพันทิปชื่อว่า macneto ดำเนินเรื่องมาถึงตอนที่3แล้ว  ขอขอบคุณสมาชิกพันทิปชื่อว่า macneto  สำหรับเรื่องสยองไว้ ณ ที่นี้ด้วย สำหรับใครที่พลาดตอนอื่นๆสามารถกดlink ได้ด้านล่าง

“สวัสดีครับ......มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”



เสียงทักทาย จากชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เธอรีบหันหลังเงยหน้ากลับไปมองตาม

เสียงที่ได้ยิน แล้วก็ได้พบกับชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป กำลังยืนมองเธออยู่



“ผมเห็นคุณ กำลังก้มๆ เงยๆ มองดูที่ฝาแท็งก์อยู่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรให้ผมช่วยไหม”



“ขอบคุณค่ะ พอดีฉันทำกระเป๋าสตางค์ตกลงไปในนั้นนะค่ะ”

หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน

ชายหนุ่มก้มลงพร้อมกับส่องแสงไฟจากมือถือมองลงไปดูภายในแท็งก์น้ำ



“โทษนะครับผมขอดูหน่อยนะครับ.............................อืม…..กระเป๋าตกลงไปแบบนี้ มันน่าจะหล่นลงไปถึงก้นแท็งก์

แล้วละครับ นั่นไงผมเห็นแล้ว”



“เห็นแล้วหรอคะ”

“ใช่ครับ ว่าแต่คุณขึ้นมาทำอะไรบนนี้ แล้วไปทำอีท่าไหน กระเป๋าสตางค์มันถึงหล่นลงไปในแท็งก์ได้ครับ”



“คือ.........................................คือฉัน............ชอบขึ้นมาสูดอากาศบนนี้หลังเลิกงานนะค่ะ

แล้วพอดีฉันกำลังล้วงจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา มันก็ดันร่วงหลุดมือแล้วก็หล่นลงพื้นกระเด็นตกลงไปในแท็งก์นี้

แหละค่ะ”

ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างมากกับคำตอบที่เขาได้รับ

“ขึ้นมาสูดอากาศ บนนี้!!!!! บนดาดฟ้าของตึก แล้วยังต้องปีนบันไดขึ้นมายืนบนแท็งก์น้ำเก่า คุณเป็นผู้หญิงที่มีความ

พยายามมากเลยนะครับ ในการที่จะแค่มาสูดอากาศ”



หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำพูดของชายหนุ่ม

“ใช่ค่ะ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย กว่าที่ฉันจะมายืนถึงจุดนี้ได้ มันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงต่างจังหวัดอย่าง

ฉัน ที่การศึกษาไม่ได้สูงมากนัก ได้เข้ามาทำงานในตึกใจกลางเมืองหลวงแบบนี้ ที่ฉันต้องพยายามขึ้นมาบนนี้ด้วย

เพราะฉันคิดถึงบ้าน.................เมื่อขึ้นมายืนข้างบนนี้แล้วหันหน้ามองออกไปให้ไกลสุดสายตา ทางทิศตะวันตก ที่นั่น

คือบ้านที่ฉันจากมา”



“แล้วในกระเป๋าสตางค์ของคุณมีอะไรสำคัญมากไหมครับ?”



“ข้างในมีโทรศัพท์มือถือและก็เงินเดือน ทั้งหมด ที่ฉันเพิ่งกดออกมาตั้งใจอยากจะส่งกลับไปให้คนที่บ้านด้วย”



“อืม..............ผมเข้าใจแล้ว มันสำคัญมากด้วยแน่ๆ เอาอย่างงี้เดี๋ยวผมจะลงไปเก็บให้ละกันนะครับ”



“จริงหรอคะ!!! ........ แล้วคุณจะลงไปได้อย่างไร? คะ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”



หญิงสาวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากเป็นกังวลกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้

“เดี๋ยวผมจะกลับไปเอา บันไดที่แผนกมา แล้วปีนบันไดลงไปเก็บกระเป๋าให้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ..........คุณใจดีจริงๆ เลย”

หญิงสาวยังกล่าวขอบคุณชายหนุ่ม อย่างไม่ขาดปาก ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินหายกลับไป



หญิงสาวยังคงยืนรอคอยชายหนุ่มที่จะมาช่วยเหลืออย่างร้อนรน เมื่อเวลาผ่านไปนานมากยิ่งขึ้นความวิตกกังวลก็ยิ่ง

มากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเงินเดือนทั้งหมดอันน้อยนิดในตอนนี้มันอยู่เหนือกว่าการควบคุมของเธอ ด้วยที่มีความตั้งใจอัน

แน่วแน่อยากนำเงินส่วนที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอจะนำเงินทั้งหมดส่งกลับไปให้ที่บ้าน

บ้านที่เธอได้จากมาเพื่อเข้ามาดิ้นรนต่อสู้ขายแรงงานในเมืองหลวง ด้วยความหวังอยากจะให้คนที่บ้านได้อยู่อย่างสุข

สบาย ถึงแม้งานที่เธอทำจะเป็นเพียงแม่บ้านที่คอยทำความสะอาดภายในตึกแห่งนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำ

ที่สุด รายได้อันเพียงน้อยนิดในแต่ละเดือนของเธอนั้นจึงมีค่ามากมายในทุกบาททุกสตางค์ สำหรับเธอแล้วเงินที่อยู่ใน

กระเป๋ามันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก



“ขอโทษด้วยนะครับที่ให้รอนานเลย พอดีห้องเก็บของเครื่องมือช่างมันล็อกไปแล้ว ผมต้องเดินกลับไปเอากุญแจที่

ห้องทำงานอีก เดินวนไปมามันเลยช้าเสียหน่อย”



“ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่เป็นไรรอได้อยู่ค่ะ ฉันสิต้องรบกวนคุณที่ต้องเสียสละเวลามาช่วยฉัน

คุณกลับบ้านค่ำแน่เลยวันนี้”



“ไม่เป็นหรอกครับ ปกติผมก็กลับบ้านในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แบบนี้อยู่แล้ว รถมันไม่ติดดีนะครับ”



“แล้วคุณมีกุญแจเปิดห้องเครื่องมือช่างด้วยหรอค่ะ”

“มีครับ ผมทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างที่คอยดูแลตึกนี้ ทั้งตึกนะครับ”



“อ๋อหรอคะ ดูไม่ออกเลย คุณแต่งตัวดูไม่เหมือนช่างคนอื่นที่ดูแลตึกนี้เลย คุณดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไปเสีย

มากกว่า ฉันต้องขอขอบคุณ คุณมากเลย ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ”

“ฮึ...ฮึ...ฮึ....อย่างนั้นหรอครับ.......ผมชื่อยุทธครับ”

ชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนบันไดลงไปทางทางฝาแท็งก์แล้วจัดแจงบันไดตั้งให้เหมาะสมพอที่เขาจะลงไปได้



“คุณๆ คุณยุทธคะไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง กระเป๋าสตางค์ฉันเดี๋ยว ฉันลงบันไดไปเก็บเองก็ได้ค่ะ”



“ข้างล่างนี้น่าจะเหม็นๆ และสกปรกอยู่นะครับผมลงไปให้เองดีกว่าครับ อีกอย่างคุณใส่กระโปรงในชุดแม่บ้านแบบนี้ขึ้น

ลงบันได มันก็จะยิ่งลำบากถ้าเกิดพลาดตกบันไดไปทีนี้เรื่องมันจะยุ่งยากมากกว่ากระเป๋าสตางค์แล้วสิครับ”



“ไม่เป็นไร ค่ะ ไม่เป็นไรฉันยังปีนขึ้นปีนลงบนแท็งก์น้ำได้อยู่บ่อยๆ เลยค่ะ”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขึ้นลงแค่นี้ผมทำให้เองจะได้เร็วกว่า

แต่ว่าตอนที่ผมกำลังจะลงไปรบกวนคุณช่วยจับที่ปลายบันไดเอาไว้ให้ด้วยสักหน่อยนะครับ”



“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ คุณยุทธ ฉันไม่รู้จะขอบคุณหรือจะตอบแทนคุณได้ยังไงดีกับการช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้”



ยุทธค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดลงไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวที่ก้าวลงไปในแท็งก์ จนลงไปได้เกือบถึงบริเวณสะโพกของเขา

“คุณยุทธ คะ ฉันรบกวนอีกเรื่องสิคะ คุณยุทธพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยไหมคะ ฉันขอยืมโทร

กลับไปหาป้าแม่บ้านอีกคน ให้เขากลับบ้านไปก่อนไม่ต้องรอฉัน จนป่านนี้แล้วเขาคงรอกลับบ้านพร้อมฉันอยู่แน่ๆ เลย”



“ได้ๆ ได้ครับนี่ครับ”

ยุทธยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับหญิงสาว

“คุณยุทธ คะขอโทษนะคะคือโทรศัพท์คุณมันกดใช้ยังไงนะคะ คือ.....ฉัน...ฉันใช้โทรศัพท์แบบนี้ไม่เป็นน่ะค่ะ

โทรศัพท์ฉันยังใช้แบบที่มีปุ่มกดอยู่เลย”

หญิงสาวยิ่งรู้สึกอายและเขินเมื่อต้องพูดถึงการใช้เทคโนโลยี ที่ดูเหมือนเธอจะไม่มีความรู้สักเท่าไหร่นัก

“อืม.....เบอร์อะไรครับเดี๋ยวผมกดให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้าคุณคุยเสร็จแล้วกดตรงนี้นะครับ จากนั้นไปตรงเมนูนี้ มันจะมี

กดให้ใช้เป็นไฟฉายแบบนี้ แล้วคุณช่วยส่องไฟลงมาในแท็งก์ให้ผมด้วยนะครับ”

“ได้ๆ ได้ค่ะ โทรคุยเสร็จแล้วเข้าเมนู กดตรงนี้เปิดไฟฉาย แบบนี้นะคะ ต้องรบกวนคุณยุทธอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไร ยินดีครับ”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ”

สิ้นเสียงขอบคุณที่นิ่มนวลและอ่อนหวาน ยุทธก็ค่อยๆ ปีนบันไดลงไปในแท็งก์ต่อไปอย่างช้าๆ ยิ่งเขาลงมาลึกเท่าไหร่

แสงสว่างที่เคยสาดส่องมาจากทางฝาแท็งก์ก็ค่อยน้อยลง น้อยลงไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาลงมาจนใกล้จะถึง

ก้นแท็งก์

กลิ่นที่เหม็นอับชื้นภายในแท็งก์มันทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด เขาเงยหน้ากลับขึ้นไปมองหญิงสาวอีก

ครั้ง เธอกำลังยืนคุยโทรศัพท์ แล้วก้มหน้าประนมมือข้างหนึ่งไหว้เขา ประหนึ่งว่าเป็นภาษากายที่บ่งบอกถึงการ

ขอบคุณในการกระทำของเขา เมื่อมาถึงก้นของแท็งก์ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขามันก็เหมือนมืดดับลงไปจะมีก็แต่

เพียงแสงสว่างที่สาดส่องเล็กน้อยมาจากบนฝาแท็งก์



......................................................................................................



ความมืดมิดที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันทำให้ ประสาทในการรับรู้ด้วยดวงตามองอะไรก็ไม่เห็นราวกับว่าเป็นคนตาบอดไปเสีย

แล้ว แต่ในการรับรู้ด้านอื่นๆ มันก็ยังคงทำงานของมันไปได้อย่างเป็นปกติ กลิ่นเหม็นสาบอับชื้นนั้นเป็นการบงชี้

ให้รู้ได้ว่า ประสาทด้านการรับรู้เรื่องของการดมกลิ่นยังคงใช้ได้ดีอยู่ แต่ประสาทในการรับรู้อีกอย่างที่ไม่อยากจะ

รับรู้มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันไปตามปกติ มันคือความเจ็บปวด



ความเจ็บปวดทางกายมันค่อยๆ เริ่มทำงานอย่างช้าๆ มันเริ่มจากบริเวณขาข้างซ้ายปวดร้าววิ่งขึ้นมาจนถึงบริเวณสะโพก

ชายโครงด้านซ้ายและมาสุดที่ความเจ็บแสบบริเวณท้ายทอย ร่างกายอันบอบช้ำในขณะนี้มันทำให้จะขยับตัวในแต่ละที่

มันช่างแสนที่จะเจ็บแสบไปเสียทุกส่วนในร่างกายดังเหมือนกับมีเข็มหมุดนับร้อยนับพันทิ่มแทงไปทั่วร่าง

ใครกันเล่าจะอยากอยู่ในที่มืดๆ เหม็นๆ ในที่แบบนี้

มือทั้งสองข้างค่อยๆ คลำจับ หาหลักที่จะพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นแต่เมื่อยิ่งขยับตัวเข็มนับพันเล่มมันก็ยิ่งทิ่มแทง

เข้าไปทั่วร่างกายอีกครั้ง

“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!”

ดูเหมือนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากขาที่ข้างซ้ายมันจะส่งผลมาให้ได้รับรู้แล้วว่าน่าจะมีความผิดปกติที่ขาเสียแล้ว

นอกจากจะมองอะไรไม่เห็นแล้วในตอนนี้ ประสาทการสั่งการก็เริ่มจะดูมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อจะพยายามขยับขาข้าง

ซ้าย ดูเหมือนกับว่าขาข้างดังกล่าวมันกลับไม่ตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องลองใช้มือค่อยๆ คลำ

ลงไปจับจึงได้รู้ว่าขาข้างซ้ายในตอนนี้มันหัก บิดเบี้ยวจนผิดรูปไปจากเดิมเสียแล้ว



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เสียงกรีดร้องอันเล็กแหลมดังแผดก้องออกมา

“ช่วยด้วย.............ช่วยกูด้วย...................ปล่อยกู...............ปล่อยกูออกไป” !!!!!!!!!!!!

หญิงสาวยังคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่นั่งกรีดร้อง ตะโกนแหกปากอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงตอนนี้

เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะขาข้างหนึ่งก็หักไปเสียแล้วจะลุกขึ้นยืน ปีนป่ายเพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่

เองก็คงจะทำไม่ได้แล้ว การนั่งเฉยๆ แล้วขยับตัวให้น้อยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในตอนนี้ เมื่อร่างกายเธอไม่สามารถตอบ

สนองความต้องการที่ใจอยากให้เป็น ความตื่นตระหนักและวิตกกังวลมันก็ยิ่งที่จะทวีเข้ามาในจิตใจของเธอมากยิ่งขึ้น

น้ำตาแห่งความหวาดกลัว และความเจ็บปวดมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมาจากดวงตาอย่างไม่ขาดสาย

“ฮือ.........ฮือ.............ฮือ.........ช่วยด้วย..............ช่วยกูด้วย...........ปล่อยกูออกไป”

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นขอความช่วยเหลือของหญิงสาวยังคงร้องดังต่อไปอย่างต่อเนื่อง

แต่ก็ช่างน่าเวทนาไม่มีเสียงอื่นใด เลยที่จะตอบรับกลับมา มีแต่เพียงเสียงของเธอเองที่สะท้อนก้องกลับมาเป็น

เพียงคำตอบ

เธอได้แต่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่นาน นานแค่ไหนนั้นตัวเธอเองก็ไม่อาจที่จะรู้ได้เลย

สภาพร่างกายที่บอบช้ำไปทั้งตัวนั้น มันก็ยิ่งทำให้เธอก็เริ่มที่จะอ่อนเพลีย อีกทั้งภายในก้นแท็งก์ อากาศหายใจค่อยๆ

ลดน้อยหายลงไปเรื่อยๆ การหายใจของเธอนั้นก็เริ่มที่จะติดๆ ขัด พอยิ่งนานๆ ไปเข้าจากที่เคยมีเรี่ยวแรงส่งเสียง

ร้องขอความช่วยเหลือ มาถึงตอนนี้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงเรียกร้องอะไรก็แทบจะไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว

ประสาทความรับรู้เรื่องการเจ็บปวดของเธอก็ค่อยๆ เลือนรางหายไป พร้อมทั้งสติของเธอด้วยเช่นกันที่มันก็เริ่มจะหลุด

ลอยออกไป

เธอได้แต่นั่งอ้าปากให้กว้างเพื่อพยายามจะหายใจมือทั้งสองข้างก็ได้แต่จิกเส้นผมของตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม

จิตวิญญาณของเธอกำลังจะหลุดลอยไป ลมหายใจก็ค่อยๆ แผ่วเบาลงไป มันคงเป็นเวรกรรมที่เธอทำเอาไว้เป็นแน่

จึงส่งผลให้เธอต้องมาตายอย่างอนาถาแบบนี้ เธอได้แต่นึกย้อนกลับไปถึงเวรกรรมที่เธอได้ทำเอาไว้ มันช่างเป็น

ผลกรรมที่ตามมาได้เร็วปานติดจรวดอะไรเช่นนี้



...................................................................................................................



“คุณยุทธ .............คุณยุทธคะ เจอกระเป๋าไหมคะ”



เสียงของหญิงสาวร้องตะโกนถาม



“ยังเลยครับ ผมมองอะไรไม่เห็นเลยคุณช่วยส่องแสงไฟลงมาหน่อยครับ”



หญิงสาวรีบเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือแล้วก้มลงส่องแสงลงไปทางฝาแท็งก์



เมื่อแสงไฟส่องลงมาจนถึงก้นของแท็งก์มันจึงทำให้ยุทธได้เห็นว่ากระเป๋ามันได้ตกอยู่ไม่



ห่างไกลจากตัวเขามากนักเขาจึงเดินไปแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าปัญหาใบนั้น

“เจอแล้วครับ”

สิ้นเสียงของยุทธที่ดังก้องตอบกลับหาหญิงสาว สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ครึดดดดด............... กึงงงงงงงงกึงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

บันไดที่ยุทธใช้เดินลงมามันถูกดึงขึ้นกลับไปโดยใครสักคน

“เฮ้!!!!!!! คุณ ......คุณ...เกิดอะไรขึ้น”

ยุทธตกใจเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้คาดคิด เขายืน งงอยู่ในความมืดทำอะไรไม่ถูก
“ฮึ...ฮึ..ฮา..ฮา...ฮา”
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังขึ้นมาจากข้างบนแท็งก์ ยุทธเงยหน้ามองกลับขึ้นไปตามเสียงที่เขาได้ยิน สิ่งที่เขาเห็นก็
เป็นใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังยืนมองเขาลงมาแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข
“นี่คุณ เล่นอะไร? ส่งบันไดลงมาให้ผมหน่อย กระเป๋าคุณอยู่นี้นะไม่เอาหรอ”

“ฮึ....ฮึ...ฮา..ฮา...กระเป๋านั้นหรอ....ฮา..ฉันยกให้คุณไปเลยถ้าอยากได้มัน คุณยุทธ คุณช่วยลองเปิดในกระเป๋านั้นดู
หน่อยสิว่าในนั้นมันมีอะไรบ้างรึเปล่า”

ยุทธยัง คง งงกับคำตอบและไม่ได้ตระหนักถึงเลยว่าจะมีภัยอะไรบ้างที่กำลังจะเกิดขึ้น
เขาได้ลองเปิดกระเป๋าของหญิงสาวออกดู.......................................แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ใน
กระเป๋าของเธอไม่มีอะไรอยู่เลย.....ไม่มีสตางค์ไม่มีมือถือ มาถึงตอนนี้ยุทธก็รู้ได้แล้วว่าเขาถูกหลอกให้ลงไปมาอยู่ที่นี่

งงไปเลย........ไม่เจออะไรใช่ไหมคุณยุทธ มันก็แน่ละ....... นี้คุณ ฉันจะบอกอะไรให้นะมันจะมีสักกี่คนกันที่มันจะโง่
ขนาดเดินขึ้นมาบนแท็งก์น้ำนี้แล้วทำกระเป๋าหล่นลงไปในแท็งก์ได้ ทั้งๆ ที่ฝาของแท็งก์มันก็ไม่ได้กว้างอะไรมากเลย
ไม่มีใครโง่ทำหล่นลงไปได้หรอกนอกจากจะทิ้งมันลงไปเองไง”

“แล้วคุณต้องการอะไรจะเอาอะไรจากผม”
ยุทธเสียงแข็งร้องตะโกนถามด้วยความเกรี้ยวกราด

“โอโฮ.....ใจเย็นๆ คุณยุทธอย่า....อย่าตะโกนเสียงดังกับฉัน ตอนนี้ฉันอยากให้คุณใจเย็นๆ และถ้าเป็นไปได้ฉันอยาก
ให้คุณได้ขึ้นมาคุยกับฉันข้างบนนี้นะ แต่ว่าบันไดที่จะขึ้นมามันไม่ได้อยู่ที่คุณนะสิ มันอยู่ที่ฉัน เพราะฉะนั้นพูดดีๆ
กับฉันหน่อย”
บุคลิกและพฤติกรรม ของหญิงสาวได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก จากที่เคยดูเป็นสาวต่างจังหวัดที่ดูใสซื่อ
และกำลังลำบากแต่ตอนนี้กลับมีท่าทีและคำพูดที่ยียวนกวนประสาทเป็นอย่างมาก

หญิงสาวค่อยๆ ก้มตัวลงแล้วเอาแสงไฟจากมือถือส่องไปดูที่ใบหน้าของยุทธ สิ่งที่เธอได้เห็นก็เป็นดวงตาที่มองขึ้นมา
ด้วยความโกรธแค้นบนใบหน้าที่ดูเรียบเฉย มันดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคาดคิดเอาไว้ว่าจะได้เห็น ท่าทีตื่นตระหนกตกใจ
ร้อนรน กลับเป็นตัวเองเสียอีกที่กลับเริ่มกลัวในดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองเธออยู่

“แกเห็นแล้วใช่ไหมว่าในกระเป๋ามันว่างอยู่ ฉันอยากให้แกเติมเงินมันลงไปให้เต็ม”
ดูเหมือนกับว่าคนที่ร้อนรนและส่งเสียงที่เกรี้ยวกราดกับเป็นหญิงสาวเองซะมากกว่าในตอน

“ผมไม่ได้เอาเงินติดตัวมาในตัว ผมมีเงินเพียงไม่กี่บาทมันคงไม่เต็มกระเป๋าคุณหรอก แต่ถ้าอยากได้เงิน คุณส่งบันได
ลงมาแล้วถ้าขึ้นไปได้ ผมกลับไปเอาเงินให้ก็ได้”

ยุทธตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ดูเหมือนเขาไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“โถ....โถ....โถ....ยุทธ แกคิดว่าฉันจะโง่ทำตามที่แกบอกหรอ.....กระเป๋าที่ฉันอยากให้แกเติมนะไม่ใช่ใบนั้น แต่มัน
เป็นเงินในบัญชีที่ฉันมีอยู่ต่างหากละไอ้โง่”

“ผมอยู่ข้างล่าง นี้จะโอนเงินเข้าบัญชีคุณได้ยังไง”

“ยุทธ แกนี้ช่างโง่อะไรอย่างงี้ สมัยนี้ใครเขาจะโอนเงินกันผ่านตู้ ATM หรือที่ธนาคารกันอีกละ แกก็โอนให้ฉันผ่านทาง
มือถือนี้ไง”
หญิงสาวชูมือถือของยุทธสายไปมา

“โอว้าววววววว........ในมือถือแกมีตั้งสามบัญชีธนาคารเลยนะ ช่วงสิ้นเดือนเงินเดือนก็เพิ่งออกด้วยแบบนี้หวังว่าแกคง
มีเงินในบัญชีเยอะอยู่นะ ...............ฮา...ฮา..โอ๊ยดูเหมือนฉันช่างโชคดีจริงๆ ที่เป็นแกมาติดกับดักของฉันเพราะถ้า
เป็นเพื่อนของแกอีกสองคนที่ชอบขึ้นมาบนนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมีเงินมีทองมากน้อยแค่ไหน เพราะฉันเห็นคนที่ทำงาน
ในตัวตึกนี้ทุกคนแต่งตัวกันดีก็จริงแต่ส่วนใหญ่ก็กระเป๋าแฟบทั้งนั้น....ฮา..ฮา..ฮา”

“แล้วคุณใช้แอพในมือถือนั้นเป็นด้วยหรอ”

“แล้วคุณใช้แอพในมือถือนั้นเป็นด้วยหรอ....ฮา..ฮา..ฮา”

หญิงสาวพูดทวนซ้ำด้วยน้ำเสียเข้มๆ ล้อเลียนคำพูดของยุทธ

“นี่แกคิดว่าฉันโง่ขนาดโอนเงินผ่านมือถือไม่ได้เลยหรอ ถ้าฉันหลอกให้แกลงไปอยู่ตรงนั้นได้
กะอีแค่โอนเงินผ่านมือถือมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย....เอาละอย่าให้เสียเวลามากไปกว่านี้เลยแกรีบบอกรหัสผ่าน
ในแต่ละบัญชีของแกที่มีมาให้ฉันดีกว่า”

ยุทธเองตอนนี้เขารู้แล้วว่าในอีกไม่ช้าเขาจะต้องสูญเสียเงินในบัญชีไปเป็นแน่แต่เขาจะทำยังไง
ละถึงจะออกไปจากที่ตรงนี้ไปได้

“ถ้าผมบอกรหัสผ่าน คุณไปแล้วคุณจะส่งบันไดลงมาให้ผมไหม”
ยุทธกำลังหาวิธีต่อรอง

“แน่นอนหลังจากแกบอกรหัสผ่านแล้วฉันโอนเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะส่งบันไดลงไปให้”
“ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะทำตามสัญญา”

“โถเอ๊ยแกนี้มันน่ารำคาญจริงๆ ฉันต้องการแค่เงินแก ถ้าได้แล้วฉันก็จะหนีไปที่อื่นต่อ ฉันไม่
ปล่อยให้แกตายอยู่ในแท็งก์นั้นหรอก เอาเร็วๆ รีบบอกรหัสผ่านมา”

“คุณจะส่งบันไดลงมาให้ผมจริงๆ แน่ใช่ไหม......ผมจะมีหลักอะไรประกันได้ละว่าจะได้บันได
เอาอย่างงี้ผมจะบอกพาสเวิดในบัญชีที่ผมมีเงินอยู่น้อยที่สุดไปหาบัญชีที่มากที่สุด แต่ว่าคุณต้องส่งบันไดลงมาให้ผม
ครึ่งหนึ่งก่อน ให้คุณสอดบันไดผ่านมาที่ฝาของแท็งก์ในมุมทแยงเอาไว้ก่อนก็ได้ถ้าคุณกลัวว่า
บันไดมันจะร่วงลงมา”

“แกนี่มัน ลีลาเรื่องมากเสียจริงๆ เลยนะ.....ก็ได้ฉันจะทำตามที่แกบอกก็ได้ แต่ถ้าแกไม่ให้รหัสผ่านฉันมาละก็น่าดู”

หญิงสาวกัดฟันพูดออกไป แล้วเดินกลับไปเอาบันไดมาสอดเข้าทางฝาแท็งก์ แต่ว่าเธอไม่ได้ใส่เข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง
ตามที่ยุทธบอก

“เอาเข้าเอาเข้ามาอีก เข้ามาอีก”
ยุทธตะโกนบอกหญิงสาวออกไป
“หยุดเลยแกอย่ามาออกคำสั่งกับฉัน.....บอกรหัสผ่านมา....ทีละบัญชีแล้วฉันจะค่อยๆ ส่งบันไดให้แก”

“ก็ได้บัญชีแรกธนาคาร....พาสเวิดคือ.XXXXXX..”

“ฮึ..ฮึ..ฮึ ก็แค่นั้นละ................อืมหือ....ในบัญชีนี้ของแกนะหรอมีเงินน้อยที่สุด มันก็ไม่น้อยเลยนะฉันคิดว่าแกจะมีแค่
หลักพันแต่นี้เกินความคาดหมายไปเยอะเลยนะ.....ฮาฮา ฉันชักจะตื่นเต้นกับบัญชีอื่นๆ ของแกแล้วสิ.....โชคดีจริงๆ ที่
เป็นแกมาติดกับดักของฉัน ถ้าเป็นเพื่อนแกคนที่ฉันเจอก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเงินมากน้อยแค่
ไหน..........ขอฉันโอนเงินก่อนละนะ”
หญิงสาวกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เธอนั้นได้ตามต้องการโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าในขณะนั้นชายหนุ่มที่กำลัง
ยืนมองจ้องเธอจากข้างล่างนั้นกำลังหยิบอะไรบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา
“เอาบันไดขยับเข้ามาสิ”

“พอเลยแกบอกรหัสผ่านอีกบัญชีมาก่อนฉันถึงจะขยับเพราะเมื่อกี้ ฉันก็สอดบันไดตามที่แกบอก
ไปแล้ว.....อะ ..อะเดี๋ยวนะ อะไรนะ อุ๊ยตายขอโทษที่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวนะพอดีมือมันลั่นเข้าไป
โดนในอัลบั้มรูปภาพ แต่ว่าทำไมในนั้นมันมีแต่รูปผู้ชายหล่อๆ ล่ำๆ ทั้งนั้นเลยนี่แกทำไมเก็บแต่
รูปพวกนี้เอาไว้ทั้งนั้นเลยอย่าบอกนะว่า.......แกมันเป็นพวกรักธรรมชาติไม้ป่าเดียวกัน....ฮา..ฮา”

“ธนาคาร....รหัสผ่าน...XXXXXX...”

ยุทธรีบตอบออกไปด้วยนำเสียงที่ปนไปด้วยความโมโห ที่หญิงสาวคนนั้นได้เอาเรื่องรสนิยมทางเพศส่วนตัวของ
เขาเอามาพูดล้อเลียน

“โอ๋ ......โอ๋...ไม่โกรธ ไม่โกรธ นะอย่าหัวร้อนฉันขอโอนเงินก่อนนะ...รหัสผ่านอะไรนะ
ตุ๊ด..ตู๊ด...ตุ๊ด..ตุ๊ด..........ตู๊ดดดดดดดดดดด อย่างงั้นหรอ ฮา...ฮา.....ฮา...ฮา”

หญิงสาวชอบ อกชอบใจเป็นอย่างมากที่ได้ทำให้ยุทธแสดงความโกรธออกมาได้ เพราะเธอได้ไปพูดจาล้อเลียนจี้ได้
ถูกจุด...และนั้นเองมันทำให้เริ่มชะล่าใจและประมาทเธอกำลังคิดอยู่ว่ากำลังคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ได้หมดแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังกดรหัสผ่านที่มือถือ เธอก็ได้ใช้เท้าค่อยๆ ถีบบันไดให้ขยับลงไปในแท็งก์ ยุทธจ้องมองบันไดที่
ค่อยๆ ขยับลงมาอย่างใจจดจ่อเขารอให้บันไดขยับลงมาเพื่อที่จะให้ได้กับระยะที่เขาต้องการ
และแล้วบันไดก็ได้ขยับเข้ามาได้พอดีกับระยะที่เขาต้องการ

“แก!!!!!!!!! อีตุ๊ด!!!!!!! แกบอกรหัสฉันผิด!!!!!”

หญิงสาวแผดเสียงตะโกนออกมาด้วยความโมโห
แต่ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น เมื่อยุทธที่ยืนอยู่ข้างล่างเขาได้หยิบตลับเมตรอันเล็กๆ ที่เขามักจะพก
มันเอาไว้ติดตัวเสมอที่กระเป๋ากางเกงข้างหลัง เขาดึงสายวัดในตลับเมตรออกมาให้ยาวที่สุดแล้วใช้ตัวตลับเมตรโยน
ขึ้นไปให้ข้ามคล้องผ่านกับขั้นบันได เมื่อตลับเมตรและสายได้คล้องข้ามผ่านขั้นบันไดได้ มันเป็นก็เป็นเหมือนกับเชือก
ดี ดีนี้เอง ยุทธออกแรงดึงกระชากบันไดลงมาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อบันไดตกลงมาตั้งตรงถึงพื้นยุทธก็ใช้สองมือจับราว
บันไดได้แล้วจึงรีบปีนขึ้นไปเพื่อหวังที่จะออกไปจากแท็งก์ให้เร็วที่สุด

!!!!!! หญิงสาวรู้สึกตกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก มันรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้คาดคิดและตั้งตัว
เมื่อสถานการณ์มันอยู่เหนือการควบคุม เธอจึงได้ตัดสินใจรีบวิ่งหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

เมื่อยุทธปีนขึ้นมาจากแท็งก์น้ำออกมาได้ เขามองออกไปโดยรอบ ตอนนี้ก็ไม่พบใครอีกแล้วเขาตัดสินใจที่จะ
ตามจับผู้หญิงคนนั้นให้ได้เขาจึงรีบจะปีนลงบันไดของแท็งก์น้ำ เพื่อวิ่งไปประตูทางลงดาดฟ้าของตึก เพราะทางนั้น
เป็นเพียงทางหนีออกไปได้แค่ทางเดียว แต่เมื่อเขามาถึงตรงบันไดทางลงจากแท็งก์น้ำเขาก็ต้องตกใจ
แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรมากนักเมื่อภาพที่เขาเห็นเป็นหญิงสาวคนที่หลอกเอาเงินของเขากำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
ดูเหมือนว่า ตอนที่เธอกำลังวิ่งหนีออกไปนั้น คงจะด้วยความกลัวและเร่งรีบคงจะไม่ได้ระวังมากนักเธอรีบปีนลงบันได
ลงไปอย่างร้อนรนแต่ด้วยอะไรก็ไม่อาจทราบได้ เธออาจจะก้าวขาลงไปพลาดพลั้งมันทำให้ขาข้างหนึ่งของเธอติดเข้า
กับตัวราวบันไดแล้วตัวก็เสียหลักพัดตกบันไดลงไปทำให้ขาข้างซ้ายจึงหัก
เธอถึงได้แต่นอนร้องโอดโอย หมดสภาพ ดังที่ยุทธได้เห็น

..................................................................

หญิงสาวได้แต่นั่งหายใจอย่างรวยรินเธอไม่เคยคิดว่าบาปกรรมนั้นมันจะมีจริง หรือถ้าจะมีจริงมันก็ไม่น่าที่จะติดตามเธอ
มาได้รวดเร็วป่านนี้ แต่ถึงเธอจะทำผิดมากแค่ไหนแต่มันสมควรแล้วหรอที่ผลกรรมที่เธอกำลังจะได้รับนั้นเป็นความตาย

สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวในความหวังของชีวิต ก่อนลมลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป
เธอได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคน ใครสักคน ที่ขึ้นมาบนดาดฟ้า ขึ้นมาเจอกับแท็งก์น้ำเก่าๆ ที่ตั้งอยู่ แล้วอยากให้เขา ได้
ลองเปิดฝาแท็งก์น้ำดู
เพื่อว่าบางทีมันอาจจะทำให้ คุณได้เจอกับเธออยู่ในนั้นก็เป็นได้



ถ้าอ่านจบในตอนนี้แล้ว ทางนักเขียนอยากจะขอความร่วมมือจากท่านผู้อ่าน
ช่วยตั้งชื่อตัวละครหญิงสาวผู้เคราะร้ายรายนี้ให้สักหน่อยนะครับ

ขอบพระคุณเป็นอย่างมากที่ได้ติดตามอ่านจนจบตอนและยังช่วยตั้งชื่อตัวละครให้กับทางผู้เขียน

--------------------------

หากท่านพลาดตอนอื่นๆ
ซีรี่ กลิ่นในที่แคบ
ตอน1 กลิ่นในที่แคบ 
ตอน2 ไม่กลัวผีบ้างหรอ (Side Story กลิ่นในที่แคบ)
ตอน3 บัตรพนักงาน (SIDE STORY กลิ่นในที่แคบ)
ตอน4 กลิ่นแรก (SIDE STORY กลิ่นในที่แคบ)

เรื่องจากพันทิป กลิ่นในที่แคบ ตอน กลิ่นแรก
เรื่องโดย macneto


ไม่มีความคิดเห็น