หลอนยกคณะ
เรื่องจริงจากประสบการณ์จริงของหญิงสาวคนหนึ่ง จากเรื่องก่อนหน้านี้ หนูขออยู่ด้วย กดติดวิญญาณกับสิ่งที่ตามมา เด็ก2ท่อน และคู่สัญญาของเรา กลับมาครั้งนี้เรื่องราวของเธอโดนหลอกกันยกทีม เรียกได้ว่าการที่ได้รู้จักเธอนั้น ยิ่งทำให้ใกล้เรื่องผีๆมากขึ้น ราวกับว่าเธอนั้นเปิดตาที่ตามของคนใกล้ตัวได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ลองไปชมเรื่องต่อไปนี้เลยครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เราเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เป็นช่วงรับน้องที่เราเคยบอกว่าเราไปหาเช่าบ้านอยู่น่ะค่ะ บ้านหลังนี้เป็นทาวเฮาส์สองชั้น มีสามห้องนอนกับสองห้องน้ำ ค่าเช่าบ้านเดือนละหกพัน แต่เราอยู่กันหกคนค่ะ เป็นรุ่นพี่คณะศิลปกรรม ๔ คน และเรากับเพื่อนเราอีก ๑ คน
ห้องนอนข้างล่างเป็นของพี่แม็ค (เกย์) และพี่เฟิร์น (ทอม) ห้องนอนข้างบนฝั่งด้านหน้ามีระเบียงกว้าง เป็นห้องของพี่จิ๊บกับแฟน และห้องนอนด้านหลังจะเป็นห้องของเรากับแทน (ตอนนั้นเราเข้าใจมาตลอดว่าอิคุณแทนเป็นผู้ชายนุ่มนวล แต่ปัจจุบันนางมีภรรยาที่เป็นผู้ชายไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
บ้านหลังนี้มีจุดที่แปลกอยู่อย่างนึงคือ ตรงห้องโถงที่ใช้รับแขกจะมีเสาปูนต้นนึงตั้งอยู่ ซึ่งเราเข้าใจมาตลอดว่ามีเหมือนกันทุกบ้าน แต่เปล่าค่ะ มีแค่หลังนี้หลังเดียว และเมื่อบ้านทุกหลังดูจะพบว่าบ้านหลังนี้เป็นหลังตรงกลางพอดิบพอดี
ขอเริ่มจากเรื่องซอฟๆก่อนนะคะสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดในบ้านหลังนี้
เย็นวันหนึ่งหลังจากที่เรียนเสร็จ เราก็เก็บอุปกรณ์การเรียนแล้วรีบกลับบ้าน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสี่โมงเย็นค่ะ เราต้องรีบกลับมาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อและกางเกงสีดำเพื่อไปเข้ารับน้องในเวลา ๕ โมง (พี่ว้ากคณะเราถือว่าดุเป็นอันดับที่สองรองจากคณะพยาบาลเลยค่ะ)
พอกลับมาถึงบ้าน กำลังไขกุญแจประตูรั้วก็ได้ยินเสียงทีวีดังมาจากข้างในบ้าน เราเลยส่งเสียงทักไปก่อน
"ใครเอ่ย กลับบ้านก่อนน้อง เปิดทีวีเสียงดังมาก" ปกติพี่ๆที่อยู่ในบ้านจะกลับเข้าบ้านช้ากว่าเรา ส่วนแทนเพื่อนของเรานางไม่ได้เรียนค่ะ นางทำงานแล้ว เวลางานของนางคือ บ่าย๓ ถึงตี๔
เงียบ!! ไม่มีเสียงตอบจากปลายทางค่ะ
พอเราเปิดประตูเข้าไปในบ้านเราก็เจอพี่แม็กกำลังนั่งดูทีวีอยู่ พี่แม็กใส่เสื้อยืดสีเข้มๆ จำไม่ได้ว่าสีน้ำเงิน หรือสีน้ำตาล แต่ไม่ใช่สีดำค่ะ แล้วก็นุ่งบ็อกเซอร์แค่ตัวเดียว
"พี่แม็ก ไม่มีเรียนหรอ" เราถามแบบไม่ต้องการคำตอบ แล้วเดินเลยไปทางครัวด้านในเพื่อดื่มน้ำ
เงียบอีกแล้วค่ะ พี่แม็กไม่ตอบ เราคิดว่าแกคงอารมณ์ไม่ดีเลยไม่เซ้าซี้กวนใจ เดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ประมาณสิบนาทีเราก็เดินลงมาข้างล่าง พี่แม็กยังนั่งอยู่ในท่าเดิม เพิ่มเติมคือกินกระทิงแดง
แปลก!! ปกติเคยเห็นแต่กินนมเปรี้ยว
"พี่แม็ก น้องไปแล้วนะ วันนี้มีรับน้องที่คณะ ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะคะเดี๋ยวกินที่นู่นเลย" สมาชิกบ้านหลังนี้จะลงขันกันเพื่อซื้อของสดมาทำกับข้าวและกับแกล้มค่ะ พี่ๆดูแลเราดีมาก
"อืม ไปดีมาดี" แกพูดแค่นั้นแล้วหันไปสนใจทีวีต่อ เราก็เดินออกมากำลังไขประตูรั้ว ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ค่ะ เสียงคุ้นๆ คุ้นเหมือนว่าจะเป็นรถพี่แม็ก เราถึงนึกได้ว่าในบ้านมันไม่มีรถพี่แม็กจอดอยู่
แล้วก็ชัดเลยค่ะ เมื่อรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบหน้าบ้าน!!!
พี่แม็กค่ะ ขี่รถมาโดยมีพี่เฟิร์นซ้อนท้าย ใส่ชุดนิสิตมา คือสภาพของพี่ๆด็รู้เลยว่าเพิ่งเลิกเรียนกลับมา เรางี้วิ่งกลับหลังหันเลยค่ะคุณขา...วิ่งหันกลับไปในบ้านเพื่อดู
เพราะถ้าไอ้คนพี่เพิ่งมาถึงมันพี่แม็ก แล้วไอ้คนที่อยู่ในบ้านมันใคร???
ผ่างงงงงงง!!!! ในบ้านว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของสิ่งมีชีวิตซักกะตัวเดียว ทีวีปิดชักปลั๊กเรียบร้อย
เราวิ่งไปหน้าบ้านอีกครั้งแล้วถามพี่แม็กแบบงงๆ
"กลับมานานยังพี่"
"อ้าว แกก็เห็นว่าเพิ่งมาเนี่ย แล้วเป็นอะไรทำหน้าตาตลก"
"เมื่อกี้พี่แม็กนั่งดูทีวีอยู่ในบ้านไม่ใช่หรอ"
"แกจะบ้าหรอ แกก็เห็นว่าชั้นเพิ่งมาถึงเนี่ย พิลึกโว้ย" พี่แม็กพูดแล้วก็เดินเลี่ยงเข้าบ้านไป เหลือพี่เฟิร์นที่มองหน้าเราแล้วเกาหัว
"ไอ้บี แกอย่ากินเหล้าเยอะนะ เมาค้างแล้วเนี่ย"
...พี่เฟิร์นโว้ยยย ตรูม่ายกินเหล้า...
คือเรื่องนี้เราก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเราเจอกับใคร แต่เวลาห่างกันแค่เดินจากประตูบ้านมาประตูรั้วนะคะ ที่สำคัญบ้านหลังนี้ก็มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ชวนพิศวงงงงวยเอาเรื่องเลยทีเดียวค่ะ
พี่แม็กนั่งยัน นอนยัน ตะแคงยัน ว่าวันนั้นแกมีเรียนตั้งแต่เช้าแล้วเพิ่งกลับมาถึงบ้านตอนที่เราเจอกับแก แถมยังมีพี่เฟิร์นยืนยันหนักแน่น แล้วเพื่อนๆล่ะคะ คิดว่าคนคนนั้นคือใคร???
เริ่มจากเราที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่บนห้อง อธิบายลักษณะของบ้านชั้นบนนิดนึงนะคะ พอขึ้นบันไดมา ตรงขวามือของบันไดจะเป็นห้องน้ำค่ะ เลยจากห้องน้ำไปจะเป็นห้องพี่จิ๊บกับแฟน ส่วนห้องของเรากับเพื่อนจะอยู่ตรงข้ามกันกับห้องพี่จิ๊บ
เหตุเกิดเมื่อเย็นวันจันทร์ ประมาณ ๘ - ๙ ปีที่แล้ว เรานั่งกินข้าวอยู่บนเตียงในห้อง ใส่ชุดนอนด้วยนะคะคุณผู้อ่าน ยังไม่ถึงครึ่งกล่องดีลมก็พัดตึงตัง หน้าต่างที่เป็นกระจกสั่นกราว มองไปบนฟ้าเห็นเมฆครึ้ม คือ...จุดนี้ไม่ต้องคิดเรื่องไปเก็บผ้าที่ตากไว้เลยค่ะ คุณฝนตกมาเหมือนฟ้ารั่ว ตกอย่างเดียวไม่พอ มีลมพัดรุนแรงแบบที่เราเพิ่งเคยเห็นปรากฏการณ์นี้เป็นครั้งแรกในชีวิต นั่นคือ...
ฝ้าเพดานค่ะ ฝ้าเพดานถูกลมพัดขึ้นไปจนมองเห็นแต่โพรงดำๆ พอลมพัดมาทีก็หอบฝ้ายกขึ้นไป ไอ้เรานั่งอยู่ก็กลัวสิคะ อารมณนั้นไม่ได้กลัวผีเลยค่ะคุณ กลัวฝ้าร่วงลงมาทับตาย ทีนี้เลยเผ่นออกจากห้อง ซักพักไฟดับ จะลงข้างล่างก็ไม่กล้าเพราะไม่มีคนอยู่ อยู่ในห้องก็กลัวฝ้าถล่มใส่ เราเลยเอากล่องข้าวมานั่งกินหน้าห้อง พิงประตูกินเลยค่ะ เปิดห้องไว้แล้วเอาตัวนั่งพิงประตู
พอข้าวหมดกล่องเราก็หยิบขวดน้ำมาดื่ม ตอนนี้แหล่ะค่ะ พี่จิ๊บเปิดประตูห้องออกมาพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กล่องข้าวเราปลิวตามแรงลมไปเข้าห้องพี่จิ๊บ ตามสัญชาติญาณนะคะ เราถลาไปคว้ากล้องข้าวไว้ แล้วก็..
ปัง!!!!
ประตูห้องที่เรานั่งพิงไว้โดนลมตี พี่จิ๊บร้องกรี๊ดเบาๆเพราะตกใจ เรายืนคุยกับแกแป๊บๆแล้วก็จับลูกบิดหมุนจะเปิดประตู ผลปรากฏว่าติดล็อคค่ะ
ล็อคได้ไง ชั้นยังไม่ได้กดล็อคลูกบิดเลย เราหมุนๆประตูอยู่พักใหญ่ มีพี่จิ๊บยืนลุ้นอยู่ข้างๆ เรื่องกุญแจห้องไม่ต้องพูดถึงค่ะ อยู่บนเตียง!
"บีไม่ได้ล็อคห้องนะพี่จิ๊บ มันล็อคเองได้ไงวะ" พูดไปหมุนลูกบิดไป
"สงสัยล็อคมันอาจจะเสีย เมื่อกี้มันกระแทกแรงเลยนี่"
"เอาไงดีวะ เนี่ยแทนมันก็ออกไปทำงานแล้ว กุญแกห้องอีกชุดนึงอยู่กะมัน แต่ฝนตกแรงขนาดนี้จะไปที่ทำงานมันยังไง"
"เอางี้ พี่รู้จักช่างทำกุญแจตรงปากซอยสดใส เดี๋ยวเรากางร่มเดินไปกันก็ได้"
ตกลงกันได้สองสาวก็เดินกางร่มออกจากบ้านไป ถึงร้านทำกุญแจ ปิด!!! ปิดจ้าาาา
เรากลับมาที่บ้าน ตอนนั้นไฟมาแล้ว เจอพี่แม็ก พี่เฟิร์น และเพื่อนๆอีกสามสี่คนนั่งเปียกอยู่ตรงห้องโถง สอบถามดูคือพวกท่านทั้งหลายฝ่าฝนกลับมาตั้งหลักที่บ้าน เราเลยบอกเรื่องประตูห้องเรา พี่ๆเลยประชุมกัน แรกเลยตกลงว่ารอฝนซาแล้วค่อยไปเอากุญแจที่แทน ผลปรากฏว่ารอให้ฝนซาจนห้าทุ่ม ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลง
"อีกทางนึงนะ ต้องปีนฝ้า" ใครบางคนยื่นข้อเสนอ
"ปีนสิ ใครจะปีนก็ปีน บีไม่ปีนหรอก เดี๋ยวมันถล่มลงมาทับหัวเอา"
"ห้องแกนะเว้ย ถ้าแกไม่ปีนใครจะปีนให้ ชั้นเสียสละให้แกขี่คอชั้นขึ้นไป" พี่แม็กยื่นข้อเสนอ สมาชิกในบ้านช่วยกันกล่อมจนเรายอม ขณะที่กำลังทำใจให้กล้า คุณแทนก็เปิดประตูบ้านเข้ามา
"อ้าว ทำไรกัน นั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา" พวกเราช่วยกันเล่าให้แทนฟังแล้วได้ข้อสรุปใหม่คือแทนตัวเล็กกว่าเรา ให้แทนปีนจะดีก่า แทนร้องขึ้นมา จะต้องปีนทำไม กุมีกุญแจเฟ้ยยยย
พอแทนที่เป็นแม่ทัพโดยมีพวกเราตามทัพอยู่ข้างหลังเดินขึ้นไปบนบ้าน สอดกุญแจเข้าไปในลูกบิด ก๊อกแก๊กๆๆ ไม่ออกค่ะ!! สงสัยพัง
"แทน มุงปีนเหอะนะ ปีนไปเอาเสื้อผ้าให้กุหน่อย พรุ่งนี้แปดโมงกุมีเรียนอิ๊ง ขาดไม่ได้ สายไม่ได้ ลาตายได้อย่างเดียว" ไม่รู้แทนมันรำคาญหรือว่าใจดี แต่มันยอมปีนให้เราค่ะ
เอาเก้าอี้มาต่อแต่แทนปีนไม่ถึง เลยยืมบ่าพี่แม็ค พอเปิดฝ้าแผ่นข้างนอกแล้วแทนมุดหัวขึ้นไป ไม่ถึงห้าวิมันก็รีบผลุบหัวกลับมา หน้าซีดมาก
"เป็นไรมุง มีอะไร" ตอนนั้นเราตื่นเต้นมากนะคะ เหงื่อออกจนชุ่มมือไปหมด
"ไม่มีอะไร มันมืด กุมองข้างในไม่เห็น" อมยิ้ม20
แล้วก็ก็ปีนขึ้นไปอีกรอบ ทีนี้แทนโหนตัวขึ้นไปบนคานปูนแล้วค่อยๆไต่ข้ามไปเปิดแผ่นฝ้าด้านในห้อง พอกระโดดลงไปด้านในห้องแทนก็ร้องอ้าวออกมาเบาๆ
"เฮ้ย คนข้างนอกลองเปิดประตูดิ๊ว่าได้รึเปล่า" พี่เฟิร์นเอื้อมมือไปหมุนลูกบิด ผลคือประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย ไม่มีเสียงล็อคด้วยแสดงว่าลูกบิดไม่ได้ติดล็อค
แทนยืนหน้าซีดเผือดแต่ไม่ได้พูดอะไร
พี่แม็กดี๊ด๊ากว่าเพื่อนตามประสาคนอารมณ์ดี
"เฮ้ยๆ ปิดฝ้าๆ เปิดเอาไง้เดี๋ยวมีตัวอะไรปีนลงมา"
"ไอ้พี่แม็ก!!!"
กรรมของไอ้แทนที่ต้องปีนขึ้นไปอีกรอบ เพราะตอนที่มันเปิดฝ้าจากด้านในแทนมันทิ้งฝ้าไม้บนคานปูน แทนมันบอกว่าให้คนอื่นปีนแทน มันไม่ไหวแล้ว พอเราเห็นหน้ามันเราตัดสินใจได้ทันทีว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงเราก็ไม่ปีน
เราเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งเจ็ดปี หน้าแบบนี้ทำไมเราจะไม่รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่ตามประสาเพื่อนที่ดีค่ะ เราก็ดันหลังมันให้มันขึ้นไปปีนต่อ
แทนขึ้นไปแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แผ่นแรกคือแผ่นด้านในปิดได้ไม่มีปัญหา แต่พอกำลังปิดแผ่นที่สองที่อยู่ด้านนอก (แทนขี่คอพี่แม็ก) ตอนนี้แหล่ะค่ะที่มันมีเสียงขูดเบาๆดังมาจากฝ้าด้านบน แทนหน้าซีด แต่ยังพยายามปิดฝ้าให้สำเร็จ ฝ้ามันก็ไม่ยอมสบกัน เหมือนว่าใส่ฝ้าผิดด้าน เพราะมันเหลือช่องว่างอีกประมาณสองนิ้วเอาไว้
เสียงขูดฝ้าดังมาอีกรอบพร้อมกับที่แทนลงมาจากตัวพี่แม็ก เหลืออิช่องสองนิ้วเอาไว้ดูต่างหน้า ทุกคนหน้าซีด
พี่แม็กเป็นคนแรกที่ร้องขึ้นมา คนอื่นหันไปตามสายตาพี่แม็กแล้วก็ประสานเสียงกันร้อง ตอนนั้นวิ่งแย่งกันลงบันได เราไม่เห็นอะไรแต่ก็วิ่งตามเค้าไป เค้าวิ่งเราก็วิ่ง สามัคคีดีออก
เรื่องสรุปหลังจากที่เราเริ่มลำดับเหตุการณ์กัน
๑. แทนบอกว่าตอนปีนขึ้นไปครั้งแรกที่หน้าซีดเพราะเห็นว่าข้างบนเป็นโพรงมืดๆใหญ่ๆ มองอะไรไม่เห็นเลย พอเอาไฟฉายส่องเลยเห็นว่าบ้านแต่ละหลังมันไม่มีอะไรกั้นเลย ซึ่งหมายความว่าในเวลาที่เราไม่อยู่บ้านอาจมีขโมยปีนเข้ามาได้ง่ายๆ แหม..ช่างคิดนะพ่อคุณ
๒. ตอนนี้ลงไปในห้องแล้ว แทนไม่ได้จับลูกบิดเลยเพราะเห็นว่ามันไม่ได้ล็อค แล้วพอพี่เฟิร์นเปิดเข้ามาได้ง่ายๆแทนเลยเริ่มกลัว เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ (ก่อนหน้านี้เราแทบจะพังประตู แต่ก็เปิดไม่ออก เอากุญแจแทนมาไขก็ยังไม่ได้)
๓. ที่พี่แม็กร้องโวยวายเพราะว่าพี่แกเห็นมือคน ค่ะ!! มือคน!! ยื่นลงมาจากฝ้า เหมือนไขว่คว้าอะไรสักอย่าง
๔. แฟนพี่จิ๊บเห็นเหมือนกันกับพี่แม็ก แต่นอกนั้นไม่มีใครเห็น ทุกคนที่วิ่งลงมาคือตกใจเสียงพี่แม็ก
วันรุ่งขึ้น...เราขนของออกจากบ้านนี้ ย้ายกลับไปอยู่บ้าน ปิดฉากชีวิตเด็กหอที่มีระยะเวลานานเกือบสองเดือน พอแล้วค่ะ!! สยอง
และไม่ใช่แค่เราที่ย้ายนะคะ...หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกในบ้านก็ทยอยขนของย้ายกันออกมาเป็นแถว ใครจะอยู่ก็อยู่ไป พวกเราเข็ดแล้ว!!
Post a Comment