เรื่องหลอนจากบังกะโล ตอน1


     "GHost Detective File" เป็นผลงานซีรี่ย์สยองขวัญจากสมาชิกพันทิปนาม นาคาแห่งการพิธี ได้ดำนินมาถึงซี่ซั่นที่ 3 หากใครพลาด ซี่ซั่น 1เหงา  ,ซีซั่นที่ 2 "พิธีกรรมสยองขวัญ"  และ ซี่ซั่น 3 เรื่องหลอนจากบังกะโล  ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว้ ณ ที่นี้ด้วย

"นี่ๆเปลี่ยวขนาดนี้จะมีที่พักจริงๆเหรอเนี้ย"หมอเจี๊ยบบ่นแฟนตัวเอง ที่ขับรถตามGPSมาจนเข้ามาที่ถนนเปลี่ยวๆเพื่อหาที่พัก

วันนี้ทั้งสี่คนนัดกันมาเที่ยวหลังจากไขคดีที่โรงเรียนนรินทร์ปกเกล้าโดยจัดการทั้งผีทั้งคนเรียบร้อยแล้ว และเมื่อดาวสอบกลางภาคเสร็จ ทั้งสี่คนจึงได้เวลามาฉลองที่ทะเล

หลังจากที่ในช่วงเช้าทั้งสี่เล่นน้ำทะเลจนเต็มคราบ จากนั้นพอตกเย็นก็กินอาหารทะเล จนลืมไปว่ายังหาที่พักสำหรับคืนนี้ไม่ได้เลย

"เออ ถ้ามันหาไม่ได้คืนนี้เรากลับกันก็ได้นะคะ" ดาวแนะนำ เพราะหลังจากรู้สึกตัวทั้งหมดก็ตระเวนหาที่พัก แต่ก็ไม่มีที่ไหนว่างเลย

"ไม่ได้ๆ ถึงพวกพี่จะไม่เมานะ แต่ถ้าเจอด่าน ก็โดนกันทุกคนแน่ๆ" ผู้กองต้อมที่เป็นตำรวจรู้ดีว่าสภาพตัวเองกับคนที่พอจะขับรถได้ที่เหลือหากไปเป่าก็คงเกินจากที่กฏหมายกำหนดแน่ๆ

"แต่นายเป็นผู้กองนะเป็นตำรวจด้วย"หมอเจี๊ยบแขวะแฟนตัวเอง

"เธอน่ะไม่ต้องมาพูดเลย เป็นหมอแท้ๆซัดเบียร์จนอ้วกคาร้าน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน" เมื่อได้ยินดังนั้นหมอเจี๊ยบจึงตบหัวผู้กองไปทีนึงจากนั้นก็นั่งเงียบๆอยู่เบาะหลัง

"นั่นไงๆ เห็นป้ายนั่นมั้ยเลี้ยวเข้าไปเลย" ภูสังเกตเห็นแสงไฟอยู่ลิบๆจึงชี้ให้ผู้กองต้อมขับรถตรงไป

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเล็กๆ มีห้องพักประมาณสิบกว่าหลังเป็นลักษณะบังกะโล เมื่อเลี้ยวรถเข้าไป ในส่วนลานจอด ก้เห็นรถจอดอยู่เต็ม วึ่งผู้กองต้อมก็ได้แต่ภาวนาว่าจะมีห้องเหลือบ้าง

เมื่อหาที่จอดได้ ทั้งสี่คนจึงลงมาจากรถเพื่อไปติดต่อ ที่ต้องไปทั้งหมดก็เพราะว่าเผื่อจะกดดันให้เข้าเปิดห้องให้เพราะความสงสาร

"พอจะมีห้องว่างมั้ยครับ" ผู้กองต้อมถามพนักงาน ที่เพิ่งงัวเงีย ออกมาหลังจากที่สั่นกระดิ่งเรียกอยู่นาน

"เต็มหมดครับ"พนักงานตอบแทบจะทันที

"แต่มันก็น่าจะเหลือซักห้องไม่ใช่เหรอคะ" หมอเจี๊ยบยั่วยวนเต็มที่ โดยการแกล้งปลดกระดุมเม็ดบนออก จนพนักงานถึงกับกลืนน้ำลาย

"ใช่ค่ะ พวกเรายังหาห้องพักไม่ได้เลย" ดาวเข้าไปยั่วยวนบ้าง แต่เพราะยังอ่อนต่อโลกจึงทำท่าทางเก่ๆกังๆ

"งั้นรอซักครู่นะครับ" จากนั้นพนักงานก็หายเข้าไปในห้อง หมอเจี๊ยบชมตัวเองว่าเพราะรูปร่างหน้าตาบวกกับเสน่ห์ของเธอทำให้มีโอกาสจะได้ห้อง ขณะที่แม้จะยอมรับแต่ผู้กองต้อมก็แสดงสีหน้าเอือมมากเพราะก่อนหน้านี้สาวเซ็กซี่เพิ่งจะไปอ้วกกลางร้านมา

ซักพักพนักงานก็ออกมาพร้อมกับผู้จัดการ แม้ว่าสีหน้าของทางผู้จัดการจะแปลกๆ แต่ชั่วโมงนี้แต่ละคนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

"เรามีเหลือห้องหนึ่งครับ ถ้าคุณจะออกพรุ่งนี้เช้าเราจะเปิดให้ก็ได้ พอดีมีคนจองไว้ครับ"

"ตกลงครับ พรุ่งนี้พวกเราก็จะออกแล้ว" เมื่อตกลงตามนั้น พนักงานก็พาทั้งสี่ไปเปิดห้อง ห้องที่เปิดเป็นบังกะโลหลังหนึ่งอยู่ท้ายๆของบริเวณโรงแรม สภาพภายนอก็เหมือนหลังอื่นๆที่มีลักษณะกลางเก่ากลางใหม่ เพียงแต่หลังข้างๆนั้นเปิดไฟสว่างบ่งบอกว่ามีคนอยู่ แต่หลังนี้กลับปิดไฟมืด เมื่อเปิดเข้าไป กลิ่นอับๆก้โชยออกมาเหมือนไม่ได้เปิดมานาน

แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับสาวเซ็กซี่ หมอเจี๊ยบพุ่งตัวไปที่เตียงทันที โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

"พี่เจี๊ยบไปอาบน้ำก่อน มันเหม็นติดเตียง" เมื่อภูเห็นแบบนั้นก็บ่นใส่ทันที แต่หมอเจี๊ยบก็ยังคงกลิ้งไปกลิ้งมา หาได้เชื่อฟังไม่

"ไปอาบน้ำได้แล้ว" ผู้กองต้อมอุ้มหมอเจี๊ยบมาทิ้งบนพื้น เธอบ่นนิดหน่อยแล้วก็ไปห้องน้ำแต่โดยดี

"นี่ๆพวกนายเคยฟังเรื่องจากรายการผีป่ะ" หมอเจี๊ยบเอ่ยถึงเรื่องนี้จากในห้องน้ำ เพราะเธอรู้ดีว่าผู้กองต้อมแฟนของเธอกลัวจะแหย่เล่น

"เรื่องที่ว่าไปพักโรงแรม แล้วเจอผีใช่ป่ะ" ภูตอบ ไม่รู้ว่าเขาไม่รับมุกหรือรับมุกแล้วอยากแก้มผู้กองต้อมกันแน่ แต่ถึงแบบนั้นผู้กองต้อมก็ทำเป็นไม่สนใจ

"เรื่องผีที่ว่านี่มันยังไงกันเหรอคะ" ดาวก้พาซื่ออีกคน ที่ถามเปิดประเด็นให้มีการเล่ากันเกิดขึ้น

เมื่อเห็นว่ามีคนรับมุขกันเป็นทอดๆประกอบกับอยากแกล้งแผน  หมอเจี๊ยบที่กำลังอาบน้ำอยู่จึงเล่าเรื่องผีในโรงแรม พล็อตเรื่องยอดนิยมให้ทุกๆคนฟัง ซึ่งระหว่างฟังผู้กองต้อมก้ทำทีเป็นเปิดดูโทรศัพท์

เรื่องมันมีอยู่ว่า มักจะมีคนที่มาพักโรงแรมหรือบังกะโล ซึ่งทั้งวันก็หาห้องไม่ได้ซักที จนมาเจอกับโรงแรมหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่มีห้องว่าง แต่พอตื๊อเข้า เค้าจึงเปิดห้องให้ พอเข้าห้องปุ๊บกลิ่นเหม็นอับก็โชยมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดอะไร ก็ยังคงนอนพัก แต่ก็มีเรื่องราวแปลกๆขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทีวีเปิดปิดเอง เสียงคนอาบน้ำในห้องน้ำ เส้นผมที่ตกตามที่ต่างๆ หรือแม้กระทั้งเห็นผีผู้หญิงตัวเป็นๆ ซึ่งเมื่อเจอแบบนั้นก็รีบเช็กเอ้าท์ออกไป แล้วพอถามพนักงานก็ได้ความว่าห้องนั้นเกิดคดีฆ่ากันตายเกิดขึ้นและซ่อนศพไว้ ทางโรงแรมจึงปิดห้องไว้ไม่ให้ใครมาพัก แต่กลายเป็นว่าพอผู้โชคร้ายรบเร้า ทางพนักงานจึงเปิดห้องที่เกิดเหตุให้

"รู้สึกว่า เรื่องที่เล่าจะคล้ายๆกับเราเลยนะคะ" ดาวเมื่อฟังเรื่องที่หมอเจี๊ยบเล่าก็พูดขึ้นมา ภูที่กำลังหาข้อมูลจากแท็บเล็ต หันไปมองหน้าผู้กองต้อม ก็พยายามกลั้นขำ เพราะหน้าของเขาซีดเป็นไก่ต้มเลยทีเดียว

"ไร้สาระน่า เรื่องแบบนี้ ฟังยังไงมันก็พล็อตซ้ำๆ ไม่มีจริงหรอก" ผู้กองต้อมโวยวายกลบเกลื่อน ซึ่ง หมอเจี๊ยบที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

"แต่มันก้ไม่แน่นะพี่" ภูที่ค้นเจออะไรบางอย่างก็ยื่นเอาให้ผู้กองต้อมกับดาวดู

"พบศพหญิงถูกลวงมาฆ่าคาบังกะโล" ดาวเผลออ่านหัวข้อข่าวออกมา ซึ่งหมอเจี๊ยบก็ตะโกนออกมาจากหฟ้องน้ำให้อ่านเนื้อข่าวให้ฟังหน่อย

"พบศพหญิงไม่ทราบชื่อถูกฆ่าหั่นศพ แยกชิ้นส่วนซ่อนไว้ที่บังกะโลแห่งหนึ่ง หลังจากแขกห้องข้างเรียกพนักงานไปดู ว่ามีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากห้องข้าง เมื่อตรวจดูก็พบว่ามีการซ่อนศพไว้ที่ส่วนต่างๆของห้อง ส่วนผู้ต้องสงสัย ไม่สามารถระบุตัวได้เพราะไม่มีหลักฐานการเข้าพักและกล้องวงจรปิด" ภุได้อ่านรายละเอียดของข่าวออกมา ซึ่งพบว่าบังกะโลนั้นน่าจะอยู่แถวๆที่ภูมาพักตอนนี้

"ไม่ใช่มั้ง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น" จากนั้นผู้กองต้อมก็หัวเราะกลบเกลื้อน แต่ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นเน่าแปลกๆก็โชยมา

"มีใครได้กลิ่นอะไรมั้ยคะ" ดาวเมื่อได้กลิ่นก็รีบเอามืออุดจมุกทันที แต่แม้จะได้กลิ่น แต่ผู้กองต้อมก็บอกว่าไม่ได้กลิ่นใดๆ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันหลอนไปกว่านี้จึงพยายามสูดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กลิ่นหายไป

"อ๋อขอโทษที่ฉันตดเองแหละ" ภูพูดเบาๆอย่างอายๆ ทำเอาผู้กองถอนหายใจเพราะความโล่งใจ

เสียงฝักบัวในห้องน้ำยังคนเปิด สายน้ำสาดกระเซ็นอาบร่างเปลือยเปล่าของหมอเจี๊ยบ ผู้ที่กำลังมีความสุขกับการได้อาบน้ำอุ่นๆ

เสียงขลุกขลักดังมาเป็นระยะๆจากบนฝ้าเพดาน มันดังแบบแปลกๆจนเธอต้องปิดน้ำเพื่อฟังเสียงนั้นให้ชัดเพื่อที่เธอจะได้ไม่คิดว่าหูฝาด

เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ

"โครม" ทันใดนั้นส่วนที่ปิดฝ้าเพดานก็ตกลงมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง

"กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงกรีดร้องอย่างสุดเสียงของหมอเจี๊ยบ เมื่อเธอพบกับอะรไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีดที่ตกลงมาจากเพดาน

...........................................

ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของหมอเจี๊ยบจากในห้องน้ำ ด้วยความฉับไว ผู้กองต้อมรีบคลุมโปงทันที ก่อนจะนึกได้ว่า เกิดเรื่องกับแฟนตัวเอง จึงวิ่งตามภูไปที่ประตูห้องน้ำ

"พี่เจี๊ยบเป็นอะไรไปรึเปล่า" ภูตะโกนถามพร้อมทุบประตูรัวๆ แต่ก็ได้ยินแต่เสียงร้องว่า อย่าๆ ฉันกลัวจากพี่เจี๊ยบ จนผู้กองต้อมตัดสินใจกระแทกเพื่อพังประตูเข้าไป โดยที่ดาวก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก

ทันทีที่ผู้กองต้อมตัดสินใจวิ่งกระแทกประตู หมอเจี๊ยบก็เปิดประตูห้องน้ำพอดี ทำให้ผู้กองต้อมจั่วลมล้มลงไปกับพื้น

สิ่งน่ากลัวที่สุดปรากฏแก่สายตาห่างไปไม่ถึงเมตร ตุ๊กแกตัวใหญ่ขนาดเท่าลำแขน เกาะอยู่กับแผ่นปิดฝ้าที่ตกลงมา มันอ้าปากอันใหญ่ ดวงตาน่ากลัวจ้องมาประสานสายตากับผู้กองต้อม

"ตะๆๆๆๆๆๆๆ ตู๊กแก" นายตำรวจยศร้อยออกร้องกรี๊ดตกใจไม่เหลือมาดเลยแม้แต่น้อย ก็จะตั้งสติ วิ่งออกไปหาปืนในกระเป๋า เพื่อจะเอามายิงจะภูต้องล็อคตัวเอาไว้ ก่อนจะสติแตกมากไปกว่านี้

อันที่จริงนอกจากผีแล้วตุ๊กแกเป็นสิ่งที่ผู้กองต้อมกลัวที่สุด การล้มประจันหน้ากับตุ๊กแกตัวเขื่องแบบนั้นเป็นอะไรที่สยองขวัญสำหรับเค้ามาก

พอตั้งสติได้ ภุก็ออกไปตามพนักงานให้เข้ามาดูแล เพราะโทรศัพท์ภายในห้องเสีย แต่ตอนแรกพนักงานก็ปฏิเสธไปโดยที่ภูยังไม่ได้บอกอะไร แต่พอบอกว่าให้มาจัดการกับตุ๊กแกเท่านั้น พนักงานคนนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และก็มาที่ห้องทันทีพร้อมกับไม้ยาวๆที่เอาไว้จับงู

"ปลอดภัยแล้วครับ" พนักงานโรงแรมจัดแจงเอาตีกแกที่จับได้ใส่ในถุง ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนโดยเฉพาะผู้กองต้อม

"ยังไงก้ฝากติดแผ่นฝ้าให้หน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัวว่าจะมีตุ๊กแก ตกลงมาอีก"ผู้กองต้อมขอร้องแกมบังคับพนักงาน เพราะเค้ายังไม่ได้อาบน้ำ ดังนั้นการปิดแผ่นฝ้าด้วยความแน่นหนา จึงเป็นการปลอดภัยที่สุด

พนักงานอ้ำอึ้งอยู่ซักครู่ จากนั้นก็รับปากว่าจะตามคนมาช่วย เมื่อรออยู่นานพนักงานคนเดิม ก็พอคนมาด้วยสองสามคน การทำงานเป็นไปด้วยความทุลักทุเล เก้ๆกังๆ จนผ่านไปซักครู่ ก็ติดแผ่นฝ้าได้สำเร็จ จากนั้นก็ตอกตะปูปิดไว้อย่างแน่นหนา

"ถ้ามีอะไรก็ออกไปตามพวกผมได้ทุกเมื่อนะครับ" จากนั้นกลุ่มพนักงานก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

"จบเรื่องไปทีตกใจแทบแย่" ผู้กองต้อมพูดแบบรักษาฟอร์ม แต่ไม่ทันแล้ว เพราะทุกคนเห็นธาตุแท้ของตำรวจผู้นี้ไปแล้ว จึงมองจ้องกันเป็นตาเดียวไปที่คนพูด

"เออ...กลัวจบมั้ย ก็ตำรวจมันไม่ได้ไปจับผีกับตุ๊กแกนี่นา" จากนั้น ผู้กองต้อมจึงรีบไปอาบน้ำเป็นคนแต่ไป แถมยังเปิดประตูไว้อ่าซ่า ปิดไว้แต่ม่านบังตา บอกว่าถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย พวกภูจะได้ไปช่วยเค้าทัน

"เมื่อกี้ตกใจแทบแย่ ดีนะที่มันไม่วิ่ง นายยิ่งทุบขนาดนั้นฉันก้กลัวมันตกใจจนกระโดดใส่ฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นนะ แกตายแน่นายภุ" หมอเจี๊ยบพูด ซึ่งภูก็รู้ว่าเธอพูดจริง

..........................................

หลังจากที่ภุกองต้อมอาบน้ำเสร็จก็ตามด้วย ดาวและภู ทั้งที่อาบน้ำเสร็จ ก็มานั่งบนเตียง และเพราะเวลาเพิ่งจะสี่ทุ่ม หมอเจี๊ยบจึงเสนอไอเดียขึ้นมา

"ครบสี่ขา เอ๊ย สี่คนพอดี ฉันบังเอิญเอาไอ้นี่ติดตัวมาด้วยน่ะ" หมอเจี๊ยบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบสำรับไพ่ใหม่เอี่ยมสแตมป์ยังไม่ได้แกะออกมา ช่างห่างไกลกับคำว่าบังเอิญยิ่งนัก

"จะดีเหรอคะพี่เจี๊ยบ มันการพนันนะ" ดาวเด็กนักเรียนดีเด่นทักท้วง

"ไม่เป็นไรๆ ตราบใดที่ไม่ใส่เงินกันก็ไม่เป็นไร" ถึงนายตำรวจชั้นร้อยเอกจะรับรองเอง แต่ดาวก็เป็นห่วงอยู่ดี

"เอางี้ดีมั้ย เล่นรัมมี่ จดแต้มกัน ใครแพ้ พรุ่งนี้กลับก็ไปเลี้ยงข้าว" ภูเสนอความคิด เพราะถึงอย่างไร ดาวก็ได้ค่าจ้างพร้อมกับโบนัสจากคดีที่โรงเรียนไปแล้ว  หมอเจี๊ยบกับผู้กองต้อมเห็นด้วย เพราะเมื่อมีดาว ที่น่าจะเล่นไม่เป็นแน่ๆ มาเป็นหมุให้เชือด จึงรับอาสาสอนให้

ผ่านไปตาสองตา ดาวที่ทุกคนคิดว่าหมู แต่พอรู้วิธีเล่นและกติกา ก็ใช้ดวงมือใหม่น็อคมืดไปในตาแรก จนคนแฟนจอมวางแผนบ่นอุบ

"เล่นเงียบๆแบบนี้มันไม่สนุกเลย เอางี้เรามาเล่าเรื่องผีกันดีกว่า" หมอเจี๊ยบเสนอความคิด เธอคิดว่าการจูงใจด้วยการเล่าเรื่องผี ต้องทำให้ไม่ใครก็ใครเพลี่ยงพล้ำ

"แต่หนูไม่เคยเจอผีเลยนะคะ นอกจากที่บ้านพี่แก้ม กับที่โณงเรียน ซึ่งพวกพี่ๆก็น่าจะรู้อยู่แล้ว" ซึ่งก็จริงของดาว แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับแผนการของหมอเจี๊ยบ

"ดาวไม่ต้องเล่าก็ได้ เดี๋ยวพวกพี่จะเล่าเอง เรื่องผีที่พบเจอกับตัวเอง" หมอเจี๊ยบยิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อดาวหันหน้าไปมองผู้กองต้อม ก็มีรอยยิ้มไม่ต่างกัน จนภูรู้สึกเอืมกับแผนการชั่วร้ายของสองคนนี้จริงๆ

"งั้นพี่เล่าก่อนเลยนะ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ออกตอนม.6น่ะ" หมอเจี๊ยบเริ่มเล่าแล้ว

......................................................

PART1 : เรื่องของเจี๊ยบ

มันเป็นเย็นวันเสาร์ หลังจากกลับจากกวดวิชา เจี๊ยบเด็กสาวชั้นม.6กลับจากเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา แม้เจี๊ยบจะเป็นความหวังของครอบครัวในฐานะที่เป็นลูกสาวคนเดียว และแม้จะอยู่ม.6 แต่เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรกับอนาคตของตัวเอง

เจี๊ยบเป็นคนสวย เรียกว่าดาวของโรงเรียนกวดวิชาเลยก็ว่าได้ แต่ละวันมักจะมีหนุ่มๆมาจีบเธออยู่เสมอ เจี๊ยบเปรียบเหมือพญาหงส์ที่ลอยเหนือน้ำอย่างสง่างาม แต่ใต้น้ำนั้นสองเท้ากับตะกุยอย่างเอาเป็นเอาตาย และที่เธอไม่สนใจใคร เพราะว่าเบื้องหลังเธอไม่อยากให้ใครผิดหวังกับนิสัยอันวายป่วงของเธอ จนใครหลายๆคนคิดว่าเธอหยิ่ง

มีแต่เพียงนัท หนุ่มเนิร์ดจากต่างโรงเรียน ที่เรียนที่สถาบันกวดวิชาเดียวกับเธอตั้งแต่ม.4 นัทไม่มีท่าทีที่จะจีบเจี๊ยบแม้แต่ครั้งเดียว จนเจี๊ยบมองว่านัทเป็นเพื่อนคนหนึ่ง

"เจี๊ยบ เราชอบเธอมานานแล้ว คบกับเราได้มั้ย" คำสารรักที่ไม่คาดฝันของนัท ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน แม้ว่าเธอจะได้ยินคำๆนี้มาหลายๆครั้งจากหลายๆคน แต่ก็ไม่นึกว่าคราวนี้จะมาจากนัท คนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อน"

"ขอโทษนะนัท เราคิดว่าเธอเป็นเพื่อนมาตลอดเลย เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้นะ" เจี๊ยบพยายามสรรหาคำปฏิเสธที่จะรักษาน้ำใจของเพื่อนอย่างนัทให้มากที่สุด แทนที่จะบอกตัดเยื่อใยไปตรงๆแบบคนอื่นที่ผ่านมา

นัทยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง ดุเหมือนเข้าจะทำใจได้เร็ว เขายิ้มแล้วบอกกับเจี๊ยบไปว่า

"อืม เราเป็นเพื่อนกันต่อไปนะ"

ทั้งสองแยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนเช่นเคย แต่แปลกที่วันนี้ เจี๊ยบรู้สึกเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คงเพราะเพื่อนแบบนัทมาสารภาพรักกับเธอ แล้วเธอปฏิเสธเค้าไป ก่อนกลับ เจี๊ยบจึงแวะไปดูดวงกับหมอดูเจ้าประจำเพื่อความสบายใจ

เช่นเคย หมอดู ดูเรื่องทั่วไป การเรียบ สุขภาพ ครอบครัว ซึ่งผลคำทำนายก็ออกมาดี แต่วันนี้เจี๊ยบขอดูเรื่องความรัก วึ่งปกติเธอไม่เคยดูมาก่อน อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่นัทมาสารภาพรักเธอก้ได้

"หนูกำลังไม่สบายใจเรื่องความสัมพันธ์ แต่ดวงความรักหนูยังไม่มาในตอนนี้ แต่หใ้ระวังไว้ เพราะเรื่องความรักทำให้หนูดวงตก ระวังตัวให้ดี หมั่นทำบุญไหว้พระสวดมนต์ เคราะห์ร้ายจะกลาย เป็นดี จะมีผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเข้ามา แล้วเค้าจะเปลี่ยนชีวิตหนู ระวังชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าจะเป็นเหตุให้ชีวิตหนุเปลี่ยนไป"

คำทำนายจากหมอดู ทำให้เจี๊ยบยิ่งกังวล เธอไม่รู้ว่าคนที่เค้ามาจะเป็นใคร แต่เธอรู้เพียงว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั้นน่าจะเป็นนัท แต่เธอไม่รู้ว่าว่าจากนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จะไม่เหมือนเดิม

.......................................................

คำทำนายกัดกินความคิดของเจี๊ยบตลอดทั้งคืนความสงสัย ความกลัว ฉีกกระฉากจนสติกระเจิง นัทเพื่อนที่เธอเพิ่งปฏิเสธความรักไป เธอกลัวว่านัทจะทำอะไรบ้าๆลงไป แต่เมื่อใดที่เธอข่มตา คำทำนายก็ยังตามหลอกหลอนอยู่ดี

"เจี๊ยบ เธอเป็นอะไรไหวมั้ย" นัทที่นั่งอยู่ข้างหันมาถามเจี๊ยบที่มีฬบหน้าสุดโทรมขอบตาคล้ำแบบหมีแพนด้า

"เมื่อคืนฉันโต้รุ่งน่ะ" เจี๊ยบตอบแบบวางมาดว่าเธอซุ่มอ่านหนังสือ แต่ความจริงเธอนอนไม่หลับเพราะคำทำนายจากหมอดู

"ยังไงแกก็เพลาๆบ้างเถอะ ไว้พักเที่ยงเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวแกเอง" คำพูดของนัท ที่ดูเป็นเหมือนเดิมก็พลอยให้เจี๊ยบใจชื่นขึ้นบ้าง

เวลาประมาณสี่ชั่วโมง จากคาบแรกจนกว่าจะพักเที่ยง มันช่วงยาวนานนักในการถ่างตาที่แทบจะปิดโดยต้องวางฟอร์มเป็นนางพญาหงส์อยู่กลางคลาส

"เจี๊ยบแกไหวแน่นะ"นัทเพื่อนรักสังเกตอาการพญาหงส์ที่แทบจะลากสังขารลงตึกแทบไม่ไหว ซึ่งคนปกติ เค้าจะกินแกแฟแก้ง่วงกัน แต่สำหรับเจี๊ยบ กาแฟกระป๋องเดี๋ยวทำให้ใจสั่นไม่หลับไม่นอนทั้งคืน

"นัทฉันขอไรอย่างดิ" น้ำเสียงของเจี๊ยบดูจริงจังและแววตาที่น่าสงสารเป็นที่สุด จนส่องประกายไปกระทบกับนัท

"แกป้อนฉันหน่อยดิ ฉันไม่มีแรง" นัทแทบจะปล่อยพญาหงส์ให้ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ขบขันท่าทางอ่อนเปลี้ยของเพื่อนรักคนนี้มาก

..........................................

หลังจากที่ทะลักทุเลพาไปทานข้าวอยู่นาน ภารกิจก็เสร็จสมบูรณ์ โชคดีที่วันนี้เจี๊ยบกับนัทมีเรียนแค่ช่วงบ่ายวิชาเดียวนั่นหมายความว่า เจี๊ยบสามารถกลับบ้านไปนอนได้ทันที

"นัท ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ฝากดูของให้ฉันด้วยล่ะ" ว่าแล้วเจี๊ยบก็รีบไปทันที ซึ่งดูก็รู้ว่าเจี๊ยบปวดท้อง

หลังจากที่นัดจ่ายเงินค่าน้ำที่เคาเตอร์ ก็กลับมารอเจี๊ยบพักใหญ่จนอดสงสัยว่า เธอจะแอบงีบในห้องน้ำหรือเปล่า แต่ยังไงมันก็มีเค้าบ้างเพราะเจี๊ยบดูสดชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

เช่นเคยคาบบ่ายยังคงยาวนานสำหรับคนที่ถวิลหาแต่ที่นอนอย่างเจี๊ยบในตอนนี้ แต่มันก็จบลง วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะขอให้นัทไปส่งเธอที่บ้าน เพราะนัทมักจะเอารถยนต์มาเรียนพิเศษ ในวันเสาร์-อาทิตย์เป็นประจำ ซึ่งนัทก็ไม่ขัดข้อง เพราะจากสภาพ หากให้นั่งรถเมล์กลับเอง เจี๊ยบคงหลับจนวนรถหลายรอบแน่ๆ

ยังดีที่วันนี้รถไม่ค่อยเยอะ นัทจึงพาเจี๊ยบที่หลับตลอดทางไปส่งบ้านได้สำเร็จ

"ฝากเจี๊ยบด้วยนะครับคุณแม่ สงสัยเมื่อคืนจะนอนไม่พอ" นัทบอกกับคุณแม่ของเจี๊ยบที่มาหิ้วลูกถึงรถเพื่อไปนอน

แต่นั่น มันเพียงจุดเริ่มต้น ที่จะเปลี่ยนชีวิตเจี๊ยบตามคำทำนาย

"เจี๊ยบทานข้าวได้แล้วลูก" ตอนเย็นแม่เจี๊ยบที่เพิ่งทานข้าวเสร็จ ก็ตะโกนเรียกเจี๊ยบที่หลับเป็นตายอยู่บนห้อง

แต่เมื่อเรียกหลายครั้งเจี๊ยบก็ยังไม่ลงมาหรือเสียงตอบรับใดๆ พ่อกับแม่จึงขึ้นไปตามเจี๊ยบถึงห้อง ก็เห็นเจี๊ยบนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เมื่อแม่เจี๊ยบเดินเข้าไปปลุกลูก จู่ๆเธอก็ถึงกับทรุดและร้องไห้ทันที

เจี๊ยบนอนหายใจรวยริน ไม่รู้สึกตัวราวกับเจ้าหญิงนิทรา

พ่อพาเจี๊ยบไปที่โรงพยาบาลทันที หลักจากการตรวจของแพทย์รวมถึงการสแกนสมอง แต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ ที่จะส่งผลให้เจี๊ยบเกิดอาการหลับลึกแบบนี้ และมันไม่ใช่การหลับลึกธรรมดา อัตราการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจนั้นต่ำกว่าคนนอนหลับทั่วๆไปมากจนผิดปกติ จนหมอต้งขอดูอาการคืนหนึ่งอย่างใกล้ชิด

คืนนั้นทั้งคืน พ่อกับแม่ของเจี๊ยบแทบจะนอนเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู แต่จู่ๆกลางดึก ทั้งหมอและพยาบาลต่างวิ่งเข้าวิ่งออกห้องอย่างผิดสังเกต

เจี๊ยบมีอาการชัก

กลางดึกเจี๊ยบชักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับกรีดร้องอย่างทรมาน จนเสียงลอดออกมานอกห้อง แม่ของเจี๊ยบที่ได้ยินดังนั้นถึงกับร้องไห้ และเริ่มสวดมนต์ผิดๆถูก เพียงเพื่อขอให้ลูกสาวของเธอปลอดภัย

คืนนั้นเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนเป็นระยะๆจวบจนแสงแดดเริ่มจับฟ้า จึงสงบไป

เจี๊ยบกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเช่นเดิม

และอาการของเจี๊ยบนั้น หมอก้ไม่สามารถหาสาเหตุได้ จนหมอเจ้าของไข้ต้องมาพบพ่อกับแม่เจี๊ยบเพื่อบอกว่า ไม่สามารถหาสาเหตุได้จริงๆ ก็จะเดินหันหลังกลับ แต่หมอก็ทิ้งคำพูดๆคำพูดหนึ่งไว้

"ถึงผมเป็นหมอ แต่ผมก็อยากจะบอกว่า อาการแบบนี้ลูกคุณโดนของแน่ๆ"

หลังจากนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงทำเรื่องขอนำลูกไปรักษาต่อที่บ้านโดยที่หมอเจ้าของไข้ไม่ว่าอะไร

และแทนที่จะกลับบ้าน พ่อก็พาร่างเจี๊ยบที่นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไปที่วัดใกล้บ้าน อันที่จริงหลวงพ่อของวัดก้ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องวิชาอาคมอะไร แต่เพราะเป็นพระมีอายุ พ่อของเจี๊ยบจึงนึกถึงท่านเป็นอันดับแรก

พ่อของเจี๊ยบตรงไปที่กุฏท้ายวัดของหลวงพ่อ โดยอุ้มเจี๊ยบไปด้วย เมื่อได้ยินเสียงเอะอะ หลวงพ่อก็มองดูก็เห็นพ่อของเจี๊ยบที่รู้จักมักคุ้นกันนำร่างของลูกสาวมาก็นึกว่า เจี๊ยบตายแล้ว

"หักห้ามใจบ้างเถอะโยม ลูกเค้าไปสบายแล้วนะ" หลวงพ่อถามพ่อเจี๊ยบที่นำร่างของลูกสาวขึ้นมาบนกุฏิ

"หลวงพ่อครับลูกผมยังไม่ตายครับ" แต่สถานการณ์แบบนี้พ่อเจี๊ยบคงไม่มีเวลาตบมุขกับหลวงพ่อเป็นแน่ เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่อฟัง

เมื่อฟังจบหลวงพ่อก็ถึงกับถอนหายใจและเอามือเกาหัวที่มีผมหงอกเกรียน ราวกับว่าหลวงพ่อเองก็หนักใจเหมือนกัน

"หลวงพ่อก็ไม่ได้เรียนอะไรมาทางนี้เหมือนกัน โยมลองไปถามสัปเหร่อวัดสิ เขาอยู่กับผีน่าจะมีวิชาอะไรบ้าง" หลวงพ่อปฏิเสธไป ซึ่งก็จริงเพราะหลวงพ่อท่านก็เรียนมาในสายนักธรรมบาลีมาตลอด ไม่เคยข้องแวะกับวิชาอาคมอะไรพวกนี้เลย

"แต่หลวงพ่อ เปรียญ9นะครับ น่าจะรู้มนต์บทสองบทเสกน้ำมนต์ให้ลูกผมกินได้นะครับ" พ่อเจี๊ยบยังไม่ละความพยายามก็รบเร้าหลวงพ่อต่อไป

"เอาน้ำมนต์ให้คนหลับกิน เค้าก็สำลักตายกันพอดี เอาไว้เย็นสัปเหร่อกลับมาพลวงพ่อจะลองถามให้นะ" ดูเหมือนหลวงพ่อจะจนปัญญาจริงๆ พ่อของเจี๊ยบก็ขอหลวงพ่อให้อย่างน้อย ให้เอาเจี๊ยบมาไว้ที่กุฏิหลวงพ่อก่อน ซึ่งอย่างน้อยในวัดในวา พวกคุณไสยมนต์ดำน่าจะกลัวๆบ้าง

ตลอดทั้งวันพ่อกับแม่ก็เฝ้าดูแลเจี๊ยบที่นอนหลับอยู่ไม่ห่าง โดยรอเพียงความหวังที่สัปเหร่อจะกลับมาหลังจากกลับจากทำงานขับแท็กซี่

"หลวงพ่อสวัสดีครับ" เสียงเด็กชายดังมาจากล่างกุฏิ ในตอนเย็นประมาณห้าโมง

"หลวงพ่อเจ้าภูคงกลับมาจากโณงเรียนแล้วล่พครับ" พ่อเจี๊ยบบอกหลวงพ่อที่ยุ่งอยู่กับการค้นหาตำหรับตำราที่เก็บไว้ในห้อง เผื่อจะช่วยเจี๊ยบได้บ้าง

"คุณลุงคุณป้าสวัสดีครับ"ภูที่คุ้นเคยกับพ่อแม่เจี๊ยบเป็นอย่างดี เพราะพ่อเจี๊ยบมักจะมาหาหลวงพ่อบ่อย"

ทันทีที่ภูก้าวเท้าขึ้นมาบนกุฏิ เจี๊ยบก็สะดุ้งตัวตื่นพร้อมกับวิ่งไปอ้วก ลงจากชั้นสองของกุฏิทันที ท่ามกลางความตกใจของพ่อและแม่

"พ่อ แม่ นี่หนูอยู่ไหนคะ"เจี๊ยบที่งงๆกับสถานที่ที่แปลกตา ถามพ่อแม่ของเธอพร้อมกับเช็ดคราบอ้วกจากมุมปาก

แต่แทนที่จะตอบแม่ของเจี๊ยบก็โผเข้ากอดเธอทันทีพร้อมกับร้องไห้ จนเธอถึงกับงง

เมื่อหลวงพ่อได้ยินเสียงภูจึงออกมา เมื่อเห็นเจี๊ยบที่ฟื้นแล้ว ก็บอกว่าคงไม่มีอะไรแล้ว  และเมื่อเห็นว่าเย็นแล้วและเจี๊ยบก็ฟื้นแ้วจึงลาหลวงพ่อกลับเพราะว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว

แต่พอก้าวลงจากกุฏิเท่านั้นเจี๊ยบก็ร้องกรี๊ดราวกับถูกอะไรทำร้ายจนเจ็บปวด แล้วจึงสลบไปอีกครั้ง จนพ่อต้องอุ้มเจี๊ยบขึ้นกุฏิมาอีก

แต่พอขึ้นมา เจี๊ยบก็กลับฟื้น พร้อมกับถ่มน้ำลายมีมีเลือดและเส้นผมออกมา

เจี๊ยบโดยของไม่ผิดแน่

แต่ทำไม เจี๊ยบกลับฟื้นขึ้นมาเมื่อกลับมาบนกุฏิอีก

.......................................................

การฟื้นขึ้นของเจี๊ยบอีกครั้งเป็นที่ตกตะลึงของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ แต่ทางหลวงพ่อนั้นดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ สีหน้าแววตา่านออกจะเศร้าๆด้วยซ้ำ

"ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย" เสียงพึมพำของหลวงพ่อราวกับกำลังปลงต่อชีวิต

"หลวงพ่อเป็นอะไรเหรอครับ" ภูที่สังเกตสีหนาของหลวงพ่อจึงเข้าไปถาม ทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบหันมามอง

"หลวงพ่อในนึกว่าภูจะมาถึงก่อน มันทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น" คำตอบของหลวงพ่อทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบ รวมถึงตัวเจี๊ยบที่เพิ่งฟื้นไม่เข้าใจ

"เรื่องนี้น่ะรู้กันแค่ไม่กี่คนหรอกว่าภูน่ะ เค้าเป็นคนพิเศษ" หลวงพ่อพูดพลางลูบหัวภู แต่ก่อนที่หลวงพ่อจะพูดอะไร สัปเหร่อก็ขึ้นมาบนกุฏิอย่างรีบร้อน

"หลวงพ่อมีอะไรกันรึเปล่าครับ รอบๆกุฏิดูไม่ค่อยดีเลย" สัปเหร่อที่เพิ่งมาถึงรู้สึกว่ารอบกุฏิหลวงพ่อมีสิ่งไม่ดีอยู่จึงรีบขึ้นมาถาม และพ่อเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด สัปเหร่อก็ถอนหายใจ คล้ายๆกับหลวงพ่อ

"ถือว่าโชคดีที่ของยังเข้าไม่หมด ดีที่คายออกมาได้ ถ้าเข้าหมดแล้ว คงต้องไปผ่าออกที่โรงพยาบาลเท่านั้นแหละ เป็นห่วงก็แต่คนทำของใส่เท่านั้น"คำพูดของสัปเหร่อทำให้พ่อของเจี๊ยบไม่พอใจแล้วไปต่อว่า ว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนที่ทำร้ายลูกสาวเค้าด้วย

"ก็เพราะว่าคนทำของอาจจะตายได้น่ะสิ" คำพูดของหลวงพ่อทำให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ เจี๊ยบที่จู่ๆน้ำตาก็ไหลโดยไม่มีสาเหตุ

(นัท งั้นเหรอ) จากคำทำนายที่เธอได้รับ เด็กชายที่อายุอ่อนกว่าก็คือภู เด็กวัดที่มีอะไรบางอย่างรักษาเธอได้ ไม่ผิดแน่ แต่คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทำของใส่เธอนั้น คงหนีไม่พ้นนัทแน่นอน

"แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องปล่อยแต่บุญแต่กรรมแล้วล่ะนะ เดี๋ยวผมจะเอาหมาในวัดมาล่ามไว้รอบๆกุฏิ ส่วนหนูเจี๊ยบก็ค้างที่กุฎินี่ซักคืนก็แล้วกัน" ในเมื่อไม่มีทางเลือกทุกคนก็ต้องทำตามที่สัปเหร่อบอก

คืนนั้นทั้งคืน หมาที่ล่ามไว้รอบกุฏิต่างเห่าหอนอย่างไม่มีสาเหตุทั้งคืน สร้างความขนลุกขนพองให้คนที่พักอยู่บนกุฏิ คืนนั้นเจี๊ยบทำความรู้จักกับภู เด็กชายที่อ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี ซึ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในอนาคต

พอฟ้าสาง เสียงสุนัขเหล่านั้นก็เงียบลง เป็นเวลาเดียวกับเด็กชายหญิงทั้งสองข่มตาหลับ

ช่วงสายขณะที่เจี๊ยบกับภูหลับบนกุฏิ ทั้งสองต้องหยุดเรียนอีกหนึ่งวัน ด้านล่างกุฏิ พ่อแม่ของเจี๊ยบ หลวงพ่อ และสัปเหร่อ กำลังถกเครียดกันอยู่ เพรา สัปเหร่อ พบว่าวิธีที่เจี๊ยบถูกทำของใส่นั้นอันตรายอย่างมากขนาดที่ว่า มีทางเลือกแค่สองทางคือ ไม่เจี๊ยบกับคนที่ทำของใส่จะต้องตาย

มันเป็นพิธีกรรมที่อำมหิต ฆ่าคนอย่างช้า ให้ตายอย่างทรมานในเจ็ดวัน ขึ้นแรก คือทำของเพื่อประทับตราเหยื่อจากนั้น เหยื่อจะหลับเป็นตายในตอนกลางวันเพื่อให้จิตเหยื่ออ่อนลงและเชื่อมกับโลกวิญญาณง่ายขึ้น จากนั้นตลอดเจ็ดคืน ผู้ประกอบพิธีจะใช้ให้ผีนำสารส่งของอันตรายมาทำร้ายเหยื่อจากเบาให้หาหนักตลอดเจ็ดคืน จนตาย

แต่เนื่องจากภูทำลายกระบวนการทั้งหมด ผีนำสารทั้งเจ็ด ไม่สามารถเข้าใกล้เจี๊ยบที่มีภูอยู่ใกล้ได้ ดังนั้น หากจะยื้อไปเรื่อยๆคือให้ภูอยู่ใกล้เจี๊ยบตลอดเวลา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และหากเวาผ่านไป หากภูอยู่ห่างจากเจี๊ยบ ผีเหล่านั้นจะรุมกันมาทำร้ายในคราวเดียวให้ถึงตายได้ เช่นกัน หากทำลายสื่อที่ถูกทำใส่ไว้ได้ ผีทั้งหมดก็จะกลับไปหาคทำ นั่นก็หมายถึงความตาย

เมื่อเจี๊ยบกับภูตื่น พ่อแม่ของเจี๊ยบก็ได้มาบอกเรื่องที่ได้ปรึกษากัน เพื่อสอบถามถึงสิ่งที่ผิดสังเกตก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งเจี๊ยบก็รู้ทันทีว่า พวกผู้ใหญ่ได้ข้อสรุปกับเรื่องนี้ ซึ่งหมายถึง นัทจะต้องตาย แต่ด้วยที่เจี๊ยบสงสารพ่อแม่ เธอจึงบอกให้แม่ว่า ของที่เธอนำกัลบมาในวันนั้นมีอะไรบ้าง

หลังกลับไปที่บ้าน แม่ของเจี๊ยบก็หอบถึงใบใหญ่ที่ใส่ของทั้งหมดที่เจี๊ยบใช้ในวันนั้น หลังจากที่ค้นกันอยุ่ซักพัก ก็พบรูปถ่ายของเจี๊ยบที่มีอักขระเขียนไว้ด้านหลัง ซึ่งสัปเหร่อยืนยันว่านี่คือสื่อ

..............................................

"ตกลงว่าเรื่องเป็นยังไงต่อคะ" ดาวถาม ขระที่เจี๊ยบกำลังเล่าไปอย่างหัวเสีย เพราะแผนของเธอไม่อาจทำให้ดาวเพลี้ยงพล้ำได้

"ก้ไม่มีะไรหรอก พอฉันจับรูป แค่นี้มั้ง ก็จบเลย พี่เจี๊ยบก็อยู่ดีมีสุขมานั่งจั่วไพ่อยู่ตรงนี้ไง"ภูตอบแทน เมื่อเห็นว่าเจี๊ยบไม่มีอารมย์จะเล่าต่อแล้ว

"แล้วคนชื่อนัทล่ะคะ เค้าเป็นยังไงบ้าง" ดาวถาม เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้นัทอาจจะไม่อยู่บนโลกแล้ว วึ่งพอเจี๊ยบได้ฟังแบบนั้นก็เงียบซักครู่หนึ่ง

"ตอนนี้นัทน่ะ เค้าไม่อยู่แล้วล่ะ..."เจี๊ยบพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนคนในวงพลอยเงียบไปด้วย

"น็อค...ฮ่าๆๆๆๆ"ฉับพลันบรรยากาศก็เปลี่ยนเมื่อเจี๊ยบอยู่ดีๆก็น็อคเฉยเลย

"ที่บอกว่ามันไม่อยู่น่ะ ตอนนี้มันไปเป็นหมออยู่เชียงใหม่ไง"เจี๊ยบพูดอย่างอารมย์ดี เพราะตอนนี้แต้มเธอแซงผู้กองต้อมขึ้นมาแล้ว

"อ่าว แล้วตกลงใครเป็นคนทำของใส่กันคะ" เมื่อไม่ใช่นัท ดาวก็เลยสงสัยว่าผู้ร้ายตัวจริงเป็นใคร แต่เจี๊ยบก็ส่ายหัว เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายเหมือนกัน อาจจะเป็นคนที่ผิดหวังที่เธอไม่รับรัก แล้วคงแค้นใจจนต้องทำของใส่ ซึ่งดูจากแววตาหมอเจี๊ยบแล้วก็คิดว่าเธอคงพูดจริง แต่ดาวก็รู้สึกสงสาร ที่ความรักบังตาจนทำให้คนๆหนึ่งต้องจบชีวิตลงแบบนี้

"แต่เห็นว่าเธอก็ไปผ่าเอาอะไรซักอย่างออกไมใช่เหรอ" ผู้กองต้อมพูด วึ่งหมอเจี๊ยบก็นึกขึ้นได้ว่าเล่าข้ามไป

"ใช่ๆ ตรงหัวไหล่น่ะ เป็นเล็บคนที่โดนในคืนแรกไง มันอักเสบจนต้องไปผ่าออกน่ะ ตอนนี้ยังเป็นแผลเป็นอยู่เลย" แล้วหมอเจี๊ยบก็โชว์แผลเป็นเล็กๆของเธอ

"แต่จะว่าไปทำไมคืนนี้มันคึกคักจัง เกือบเที่ยงคืนแล้วเนี้ย" ผู้กองต้อม ก้มมองนาฬิกาข้อมือ

คืนนี้ที่โรงแรมมีเสียงรถขับเข้าๆออกเยอะมาก ทั้งๆที่ก็ดึกแล้ว แต่ด้วยความที่กำลังติดพัน  เจี๊ยบเลยบอกว่าสงสัยแถวนี้คงมีฟูลมูนปาตี้แน่ๆ เพราะวันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งถ้าเะอ ไม่ต้องกลับไปเปิดคลีนิคตอนเช้า เธอก็คงออกไปแองเอ้าท์เหมือนกัน

"พี่ต้อมเดี๋ยวตาพี่เล่าแล้วไม่ใช่เหรอ" ภูเตือนความจำผู้กองต้อมหลังจากมีท่าทีทำเป็นลืมว่าถึงตาตัวเองแล้ว

"แต่พี่ไม่มีเรื่องนะเว้ย" ผู้กองต้อมปัด วึ่งภูก็รู้ดีว่ามันเป็นฟอร์มที่ไม่อยากเล่า เพราะกลัวว่าเล่าแล้วจะกลัวเสียเอง

"เรื่องบ้านผมก็ได้พี่ ประสบการณ์ตรงไม่ใช่เหรอ" พอภูบอกเรื่องนี้ผู้กองต้อมก็จำใจเล่าอย่างเสียไม่ได้

น้ำจากก๊อกค่อยๆหลยลงบนอ่างอาบน้ำละหยดๆ แม้จะแผ่วเบา แต่มันก้ดังพอจะสร้างบรรยากาศชวนขนลุกแก่ผู้ที่ได้ยินไว้ เพราะใครบางคนได้เปิดมันไว้นั่นเอง

..............................................

ติดตามตอนต่อไป เรื่องหลอนจากบังกะโล ตอน2


เรื่องจากพันทิป  เรื่องหลอนจากบังกะโล
เรื่องโดย  นาคาแห่งการพิธี

ไม่มีความคิดเห็น